สวัสดีค่ะ วันนี้เรามาเจอกันกับเรื่องเล่าของ นร. ต่างชาติ ตอนที่ 2 แล้วนะคะ ถ้าใครยังไม่เคยอ่านตอนแรก (การสั่งเครื่องดื่มแก้วแรก @CHINA) ก็สามารถเข้าไปอ่านได้ทาง Trueid เช่นเคยนะคะ สำหรับวันนี้เราขอนำเสนอตอน “สั่งอาหารยังไงทำไมอาอี๋ต้องหงุดหงิด” ช่วงแรกที่ไปเรียนที่เมืองจีน เราไม่ค่อยรู้จักชื่อเมนูอาหารสักเท่าไหร่ แล้วเมนูก็เป็นภาษาจีนอ่านไม่ออกเลย ส่วนใหญ่ก็จะใช้วิธีการสื่อสารด้วยภาษากายขั้นพื้นฐาน นั่นก็คือ “ชี้นิ้วเป็นคุณหญิงคุณนาย” นั่นแหละค่ะง่ายที่สุดแล้ว นอกจากนี้ บางร้านก็จะมีรูปภาพพร้อมชื่ออาหารเป็นภาษาจีนเพื่อความสะดวกในการสั่งอาหาร ดังนั้น ช่วงแรกเราก็มักจะสั่งอาหารจากรูปภาพนี่แหละ เลือกที่คิดว่าน่าจะอร่อย ช่วงแรก ๆ ก็จะเป็นการวัดดวงกันไปเลยว่าอาหารที่สั่งจะกินได้ หรือกินไม่ได้ ถ้าเมนูที่สั่งมารสชาติดีถูกปากก็ถือว่าโชคดีของเราแท้ ๆ บางเมนูดูในรูปแล้วน่ากินมาก แต่พอมาเสิร์ฟเท่านั้นแหละถึงกับงุนงงว่า “เอ๊ะ!!! เราสั่งจานนี้หรอ ทำไมไม่ตรงปกเลยล่ะ” แบบนี้ก็เจอบ่อยเหมือนกันค่ะ ช่วงแรกก็ถือว่าเป็นช่วงปรับตัว ออกตามล่าหาเมนูที่ใช่ แต่...เราไปเจอร้านข้าวแกงหลังโรงเรียน มีถาดกับข้าววางเต็มตู้เหมือนร้านข้าวแกงบ้านเราเลย ช่วงพักกลางวันแถวจะยาวเป็นพิเศษ พอถึงคิวเราสั่งอาหาร ด้วยความที่ไม่รู้ชื่ออาหาร แต่เห็นหน้าตาแล้วน่ากิน ก็เลยใช้วิธีการสื่อสารภาษากายขั้นพื้นฐานกับประโยคภาษาจีนสั้น ๆ ง่าย ๆ ว่า “我要这个” อ่านว่า “หว่อ เย่า เจ้อ เกอะ” แปลว่า “ฉันเอาอันนี้/ฉันต้องการสิ่งนี้” แต่...เจออาอี๋ค้อนเข้าให้ พร้อมส่งบทสวดด้วยเสียงหงุดหงิดมาให้ 1 ชุด “พูดสิว่าจะเอาอะไร เรียกชื่ออาหารสิ มีตั้งหลายอย่าง จะกินยังไม่รู้ชื่อเลย” แต่ก็ยอมตักอาหารให้เราแต่โดยดี และไม่ใช่แค่ นร. ต่างชาติอย่างเราที่เจอบทสวดนี้ เพราะคนจีนเองก็เจออาอี๋จัดมาให้เหมือนกัน บางคนอาจคิดว่า “ก็ไปกินร้านอื่นสิ จะมากินร้านอาอี๋ทำไม” เราก็เคยคิดว่าจะไม่กินร้านนี้แล้ว ทำไมเราจะต้องทนด้วย แต่...คนแน่นร้านทุกวันเลย ลูกค้าหน้าเดิม ๆ ทั้งนั้น รวมถึงเราด้วยอีก 1 คน ทำไมน่ะหรอคะ??? ก็ถึงแม้อาอี๋จะพูดจาดุไปสักหน่อย แต่จริง ๆ แล้วอาอี๋ร้านนี้ใจดีมาก โดยเฉพาะกับเด็กนักเรียน จะตักอาหารให้เยอะเป็นพิเศษ และราคาก็ถูก รสชาติก็อร่อยมาก ๆ และที่สำคัญ “อาอี๋เป็นแรงกระตุ้นให้เราต้องกลับไปฝึกคำศัพท์เกี่ยวกับอาหารจีนเพื่อการเอาตัวรอดในเมืองจีน และทำให้เรารู้จักเมนูอาหารจีนหลายอย่างเลยค่ะ” นอกจากนี้ ยังได้ฝึกการฟังภาษาจีนจากอาอี๋ซึ่งพูดได้เร็วมาก ก.ไก่ ร้อยตัวเลย สงสัยเป็นเพราะคนต่อแถวยาวเหยียด อาอี๋เลยไม่อยากให้รอกันนานก็เลยพูดเร็วมั้ง แต่อย่างไรก็ตาม ร้านอาอี๋ก็เป็นร้านที่เรากินบ่อยที่สุด ตื่นเต้นทุกครั้งที่ไปร้านนี้ ไม่รู้ว่าวันนี้จะเจอบทสวดชุดไหน!!! มาดูเมนูอาหารจีนที่เราอยากแนะนำให้เพื่อน ๆ ลองชิมกัน เผื่อเพื่อน ๆ คนไหนจะเดินทางไปเที่ยว หรือไปเรียนที่เมืองจีน แล้วไม่รู้จะสั่งเมนูอะไรก็เอาไว้เป็นตัวเลือกได้นะคะ“鸡肉盖饭” อ่านว่า “จี โร่ว ก้าย ฟ่าน” เป็นเมนูเนื้อไก่ผัดกับซอสคล้าย ๆ น้ำมันหอยบ้านเรา แล้วก็ใส่พริกเพิ่มรสชาติให้จัดจ้านขึ้น รสชาติเหมือนเรากินผัดกระเพราแต่ไม่ใส่ใบกระเพรา“鱼香肉丝” อ่านว่า “หยูว เซียง โร่ว ซือ” เมนูนี้เอาหมูหั่นเป็นเส้น ๆ ไปผัดกับซอสรสชาติจะเปรี้ยว ๆ เค็ม ๆ แล้วใส่เห็ดหูหนู พริกหยวก แครอท เรากินเมนูนี้บ่อยที่สุดแล้ว ชอบมาก“馄饨” อ่านว่า “หุน ทุน” ก็คือ เก๊ยวน้ำค่ะ ซึ่งแป้งที่ห่อจะบางกว่า “饺子” อ่านว่า “เจี่ยว จึ” ซึ่งก็คือ เกี๊ยวที่นำไปต้มแล้วกินแบบไม่ใส่น้ำซุป“糖醋鱼” อ่านว่า “ถัง ชู่ หยูว” ก็คือ ปลาเปรี้ยวหวาน เมนูนี้รสชาติจะต่างกับบ้านเรานิดหน่อยตรงที่เน้นหวานค่ะ ไม่ค่อยเปรี้ยว อาจจะเป็นเพราะคนจีนไม่ชอบทานเปรี้ยว“辣子鸡丁” อ่านว่า “ล่า จึ จี ติง” เมนูไก่ผัดพริก เป็นอาหารเสฉวนค่ะ รสชาติจะเผ็ดร้อนจากพริกหม่าล่า กินแล้วจะชาลิ้นชาปาก แต่รสชาติอร่อยมาก คำเตือน!!! เมนูที่ต้องระวังสำหรับคนที่ไม่กินหมูสามชั้น หรือหมูมัน ต้องระวังเมนูหมูตุ๋น “红烧猪肉盖饭” อ่านว่า “หง ชาว จู โร่ว ก้าย ฟ่าน” เราเป็นคนนึงที่ไม่ชอบหมูมันเลย แต่พลาดสั่งเป็นเมนูแรกเลย ซึ่งใช้วิธีการสั่งโดยดูจากเมนูรูปภาพ เพราะในรูปมันดูคล้าย ๆ หมูหวานเนื้อแดงบ้านเราเลย และพลาดสั่งแบบนี้ไปอีกประมาณ 3 ร้าน เพราะคิดว่าร้านอื่น ๆ อาจจะใช้หมูเนื้อแดงมาปรุง แต่หลังจากโดนไป 3 ร้าน เราจำชื่อนี้ได้ขึ้นใจเลยค่ะ และไม่เคยพลาดอีกเลย หวังว่าเรื่องเล่าของเราจะสร้างความสนุกสนาน แรงบันดาลใจ และเป็นประโยชน์ให้เพื่อน ๆ มีความกล้าออกไปใช้ภาษาจีนในการท่องเที่ยว หรือไปเรียนที่เมืองจีน ที่นั่นมีอะไรให้เราตื่นเต้น และเรียนรู้อีกมากมาย แล้วมาพบกับเรื่องเล่า นร. ต่างชาติได้ใหม่ในตอนต่อไปนะคะภาพถ่ายโดย ChibiJibiar