คาดว่าทุกคนน่าจะเคยได้ชม หรือเคยได้ยินชื่อรายการ “เจาะใจ” กันมาบ้าง รายการที่มีอายุยืนยาวมานานขนาดนี้ ต้องมีดีอะไรบางอย่างถึงทำให้ยังมีคนติดตามอย่างต่อเนื่อง ช่วงหลังมีการนำเอาคอลัมนิสต์ที่เป็นที่รู้จักหลายท่าน มาร่วมแลกเปลี่ยนมุมมอง ประสบการณ์ สลับกันไป ผ่านการตั้งคำถามและสรุปโดยคุณ “สัญญา คุณากร” หลายเรื่องเป็นแรงบันดาลใจ หลายเรื่องเปลี่ยนมุมมอง เมื่อมีการนำมาทำเป็นหนังสือ จึงพลาดไม่ได้ที่ต้องซื้อมาอ่านค่ะ”เรื่องนี้ดี รู้งี้อ่านนานแล้ว” คือ ชื่อหนังสือเล่มนี้ค่ะ มีเรื่องเล่า 18 เรื่องจากคอลัมนิสต์เจาะใจ 7 ท่าน ได้แก่ “คุณหนุ่มเมืองจันท์ ป๋าเต็ด ยุทธนา นิ้วกลม วรรณสิงห์ คุณอุ๋ย นที คุณโหน่ง วงศ์ทนง คุณปอนด์ ยาคอปเซ่น” แต่ละคนขึ้นชื่อว่าเป็นนักอ่าน นักเขียน นักเล่าเรื่อง นักเดินทาง ประสบการณ์ที่พบเจอมากมายแบบไม่ต้องสงสัย มีหลายเรื่องในเล่มนี้ที่ชอบมาก ขอยกตัวอย่างเป็นน้ำจิ้มเล็กน้อย”โอกาสจากคำบ่น” เรื่องเล่าของ “หนุ่มเมืองจันท์”บุคคลที่อ้างถึงในเรื่องเล่านี้ก็คือ นักธุรกิจชาวจีนที่มีชื่อว่า"แจ็ค หม่า" เค้าสร้างอาณาจักรอาลี บาบามาได้จากคำบ่นของตัวเองเมื่อตอนไปอยู่ที่อเมริกา ได้รู้จักอินเทอร์เน็ตและโซเชียลมีเดียเป็นครั้งแรก เมื่อลองเสิร์ชหาสินค้าของประเทศตัวเองแล้วไม่พบอะไร เค้าบ่นอย่างไม่พอใจแต่ไม่ใช่บ่นแล้วบ่นเลย แจ็ค หม่าต่อยอดจากคำบ่นนั้นจนกลายมาเป็นเว็บไซต์อาลี บาบา ข้อคิดอีกอย่างหนึ่งที่โดนใจมาก ๆ ก็คือ แจ็ก หม่า เปรียบเทียบว่า " การบ่นเฉย ๆ ไม่ต่างจากการดับความกระหายด้วยน้ำทะเล ยิ่งดื่มยิ่งกระหาย การบ่นจึงไม่ทำให้อะไรดีขึ้นเท่ากับการลงมือทำบางอย่าง""หนุ่มเมืองจันท์" ให้บทสรุปของเรื่องเล่านี้ว่า หากเราบ่นแสดงว่าเราเห็นปัญหา และนั่นคือโอกาสทางธุรกิจ อย่างช่วงนี้โควิดกำลังระบาด มีคนป่วยเยอะ แต่ถ้ามารอรับยาที่โรงพยาบาลก็จะรอนาน และแออัดเสี่ยงติดโรค ที่ทำงานของผู้เขียนใช้วิธี “Drive thru” นัดเวลามารับยา ก็ช่วยแก้ปัญหาเรื่องนี้ได้พอสมควร ส่วนตัวเห็นเพิ่มเติมว่า ยิ่งมีปัญหาท้าทายมากเท่าไหร่ มนุษย์เราจะมีโอกาสพัฒนาศักยภาพในการหาทางแก้ปัญหาได้มากขึ้นค่ะอีกเรื่องหนึ่งที่ชอบเช่นกัน คือ " 5% ร่างจุดตัดสร้างจุดต่าง"คือการพัฒนาให้เรามีศักยภาพเพิ่มขึ้นกว่าเดิม ไม่ต้องมากค่ะ แค่เพิ่มขึ้น 5 % เราก็จะเห็นผลสำเร็จที่มันแตกต่างจากเดิมอย่างมาก เค้ายกตัวอย่าง เซอร์อเล็กซ์ เฟอร์กูสันที่มักจะกระตุ้นลูกทีมของเค้าให้พยายามพัฒนาผลงานให้ดีขึ้นโดยใส่ใจกับการฝึกซ้อมเพิ่มขึ้นอีก 5 % ซึ่งผลลัพธ์มันเพิ่มขึ้นอย่างมาก เช่น การฝึกยิงฟรีคิกของเดวิด เบคแฮม หรือการปรับท่าทางการยิงของโรนัลโด ซึ่งเมื่อทำแล้วยิงประตูได้ดีขึ้น อันนี้ทำให้คิดถึงในหนังสือโอโมเตนาชิ ตอนที่พนักงานโรงแรมสามารถเลือกชุดให้พอดีกับรูปร่างของแขกได้ แค่ 5% ที่เราใส่ใจในรายละเอียด ผลลัพธ์ที่ได้คือความพึงพอใจที่มากเกิน 100 % เลยทีเดียวสำหรับข้อคิดในเรื่องนี้ เราสามารถปรับใช้ได้ในหลายเรื่อง สำหรับตัวเองที่เห็นได้ชัดเจนที่สุดคือ เรื่องของการออกกำลังกาย เนื่องจากช่วงก่อนหน้านี้มีเวลาน้อย เลยไม่ค่อยได้ออกกำลัง เพราะมีความเชื่อว่า ถ้าออกกำลังต้องมีเวลาให้ไม่ต่ำกว่าชั่วโมง ทำให้ถ้ามีเวลาไม่ถึงที่กำหนดก็ไม่ได้ทำ หลังจากที่อ่านหนังสือจบไป ลองปรับเป็นออกกำลังกายตามเวลาที่สะดวก เลือกวิธีการออกกำลังกายที่เหมาะสมกับเวลาที่เรามี คือ เปลี่ยนเป็นกระโดดเชือก ซึ่งไม่จำเป็นต้องใช้เวลาเยอะ ก็ทำให้ออกกำลังกายได้ต่อเนื่อง สุขภาพก็ดีขึ้นกว่าเดิมยังมีอีกหลายเรื่องที่น่าสนใจในเล่มนี้ค่ะ มีข้อติดอยู่นิดเดียวตรงตัวหนังสือกับรูปมันค่อนข้างกลืนกันไปหน่อยทำให้ต้องเพ่งอ่านพอสมควร แต่โดยรวมแล้วน่าอ่านค่ะ ที่สำคัญแต่ละเรื่องหากใครอยากกลับไปชมรายการ เค้าจะมี QR CODE ให้สแกนกลับไปดูได้ค่ะ เรื่องนี้ดี รู้งี้อ่านนานแล้ว สนพ. I AM THE BEST จำนวน 207 หน้า ราคาปก 259 บาทภาพ 1 และ 4 โดย SKY ภาพ 2 Brett Jordan /unsplashภาพ 3 SHaHraM Anhari /unsplashภาพปก AbsolutVision /unsplashอัปเดตข่าวสาร และแหล่งเรียนรู้หลากหลายแบบไม่ตกเทรนด์ บน App TrueID โหลดเลย ฟรี !