อาณาจักรอยุธยา ประวัติศาสตร์ที่ยังฝังอยู่ในใจคนไทยแม้จะผ่านยุครุ่งเรืองของอาณาจักรอยุธยามาเกินกว่าร้อยปีแล้ว แต่สังคมไทยในปัจจุบันยังคงมีความผูกพันกับสมัยกรุงศรีอยุธยา เนื่องจากเป็นอาณาจักรของชนชาติไทยในอดีต อีกทั้งยังมีหลักฐานทางประวัติศาสตร์หลงเหลือให้เห็นจนถึงทุกวันนี้ “เรื่องเล่าของชาวกรุงศรีอยุธยา” ขอนำเสนอชีวิตในกรุงศรีอยุธยาอย่างคร่าว ๆ เพื่อให้เห็นความแตกต่างหรือความเหมือนกับยุคปัจจุบัน 1. คำทักทาย มีการใช้คำที่มีความหมายคล้ายคลึงกับยุคสมัยนี้2. ทรงผม เนื่องด้วยภูมิอากาศที่ร้อนชาวอยุธยาทั้งหญิงชายจึงนิยมไว้ผมสั้น ส่วนการไว้ผมยาวมักพบในหญิงชาวมอญ แต่สำหรับชายหญิงที่ออกเรือนแล้วจะไว้ทรงผมแตกต่างออกไปคือ ใช้กรรไกรหนีบผมกลางกระหม่อมจนสั้นเกรียน รอบเรือนผมถอนออกมาเป็นกระจุกเล็ก ๆ และทางด้านล่างปล่อยให้งอกยาวออกไปจนเกือบประบ่า ซึ่งแตกต่างจากความนิยมสมัยนี้ที่รูปทรง ความสั้นยาว หรือสีสันของทรงผมขึ้นอยู่กับความชอบส่วนบุคคล แถมยังมีอุปกรณ์ที่เป็นตัวช่วยจัดแต่งทรงผมออกวางขายให้จับจ่ายซื้อมาใช้อยู่ทั่วไป3. เสื้อผ้าและเครื่องแต่งกาย ชาวบ้านโดยทั่วไปทั้งหญิงชายมักไม่สวมเสื้อ มีเพียงหญิงที่มีฐานะเท่านั้นที่มีสไบห่มหรือหากต้องการปกปิดร่างกายให้มิดชิดมากขึ้นจะใช้ผ้าไขว้คาดปิดหน้าอก หรือที่รู้จักกันดีในชื่อเรียกว่า “ตะแบงมาน” ผ้านุ่งใช้ผ้าผืนเดียวโดยผู้ชายนุ่งคล้ายโจงกระเบน ส่วนผู้หญิงนุ่งผ้าถุง แตกต่างกับยุคนี้ที่ทุกคนสวมใส่เสื้อผ้า เนื่องจากมีกฎหมายควบคุมในเรื่องนี้ การเปลือยกายในที่สาธารณะอาจถูกจับได้ สำหรับการเลือกใส่เสื้อผ้าสามารถเลือกใส่ได้ตามความชอบ หรือตามโอกาส กาลเทศะ4. อาหารการกิน อาหารหลักคือ ข้าว โดยทานกับปลา ปลาร้า ปลาไหล กุ้ง หอยนางรม ตั๊กแตน ฯลฯ ยังนิยมกินกะปิอีกด้วย และที่ขาดไม่ได้ของชาวอยุธยาคือ หมากกับพลู ส่งผลให้คราบของน้ำหมากจับกรังอยู่ที่ฟัน จนทำให้ฟันมีสีดำและคราบสีแดงเข้มที่ริมฝีปาก ซึ่งอาหารที่ทานกันในปัจจุบันยังคงคล้ายเดิมไม่เปลี่ยนแปลง อาหารหลักยังคงเป็นข้าว แต่มีการปรุงรสและคิดค้นอาหารชนิดใหม่ที่หลากหลายมากขึ้น รวมถึงมีการนำเข้าวัตถุดิบจากต่างประเทศได้ง่าย จึงทำให้มีโอกาสได้ทานอาหารต่างชาติกันอย่างแพร่หลาย5. การแต่งงาน หญิงชาวอยุธยาสามารถแต่งงานได้ตั้งแต่อายุ 12 ปี เพราะมองว่าถึงวัยที่ควรมีบุตรสืบทอดสกุล การสู่ขอจะให้หญิงสูงอายุไปติดต่อ เมื่อพ่อแม่ทั้งสองฝ่ายพบกันจะมีการแลกวันเวลาตกฝากเพื่อนำไปปรึกษาหมอดูว่าทั้งสองเข้ากันได้หรือไม่ ถ้าตกลงแต่งงาน ฝ่ายชายต้องไปมาหาสู่ฝ่ายหญิง 3 ครั้ง โดยในครั้งที่ 3 จะเป็นวันทำพิธีแต่งงานอยู่กินกัน ปลูกเรือนหอชั่วคราวภายในเขตบ้านเจ้าสาวด้วยเงินเจ้าบ่าวเพื่ออาศัยเป็นเวลา 3-4 เดือน เมื่อครบกำหนดแล้วจึงแยกย้ายไปปลูกเรือนได้ตามใจชอบ ซึ่งมีความแตกต่างกับยุคสมัยปัจจุบันพอสมควร โดยการแต่งงานมักอยู่ในช่วงวัยทำงานหรือพ้นการเล่าเรียนแล้ว เมื่อฝ่ายชายหญิงคบหาดูใจจนตกลงปลงใจแต่งงานกัน การสู่ขอทางฝ่ายชายจะส่งผู้ใหญ่ไปพูดคุยกับผู้ใหญ่ฝ่ายหญิง หลังจากตกลงเรียบร้อยแล้วสามารถเตรียมตัวจัดงานแต่งงานได้เลย และยังนิยมการถ่ายภาพ Pre-Wedding การจัดงานแต่งงานตามธีมต่าง ๆ อีกด้วย สำหรับเรือนหอมักมีการเตรียมความพร้อมไว้ล่วงหน้าด้วยการซื้อบ้านหรือคอนโดแยกออกมาอาศัยเองหลากหลายเรื่องราวที่น่าสนใจในสมัยอาณาจักรอยุธยา บางเรื่องอาจเคยได้ยินแต่ไม่รู้รายละเอียด หรือบางเรื่องอาจไม่เคยได้ยินมาก่อน การเปิดใจเก็บเกี่ยวความรู้ใหม่ๆ ในเรื่องเดิม ถือเป็นการเปิดประสบการณ์ที่ดีอีกทางหนึ่งขอบคุณเนื้อหาอ้างอิงทางประวัติศาสตร์จากหนังสือ อยุธยาจากสังคมเมืองท่านานาชาติ สู่มรดกโลกขอบคุณรูปภาพปกจาก BondSupanat@pixabayขอบคุณรูปภาพประกอบจาก รูปภาพประกอบที่ 1 - sasint@pixabay / รูปภาพประกอบที่ 2 - BearyChou (ผู้เขียน) / รูปภาพประกอบที่ 3 - mufidpwt@pixabay / รูปภาพประกอบที่ 4 - StockSnap@pixabay