เป็นธรรมดาที่สิ่งใดสิ่งหนึ่งมักจะถูกมองได้หลายแบบ เรื่องที่จะนำมาบอกเล่าในบทความนี้ ว่าด้วย ประจำเดือน (Menstruation) ซึ่งในทางวิทยาศาสตร์เป็นเรื่องธรรมดาสามัญของผู้หญิงทุกคนเมื่อเข้าสู่วัยเจริญพันธุ์ ทั้ง ๆ ที่เราก็รู้ว่าผู้หญิงทุกคนมีวันนั้นของเดือนได้ แต่เคยสงสัยกันหรือไม่ว่า ทำไมเลือดประจำเดือนจึงถูกมองว่าเป็นสิ่งไม่ดี เป็นของเหลวจากร่างกายที่มีมลทิน หลายครั้งถูกมองเป็นของต่ำด้วยซ้ำ สิ่งที่น่าแปลกคือความเชื่อเหล่านี้ไม่ได้เกิดขึ้นเฉพาะละแวกบ้านเรา คนทั่วโลกต่างเชื่อกันว่าประจำเดือนเป็นสิ่งสกปรกด้วยกันทั้งนั้นหลักฐานทางประวัติศาสตร์บันทึกเรื่องเล่าเกี่ยวกับประจำเดือนเอาไว้มากมาย หนึ่งในเรื่องเล่าที่พอจะสืบต้นตอเรื่องนี้ได้คือ Red Tent ของชาวยิวโบราณ ว่าด้วยการให้ผู้หญิงที่มีประจำเดือนไปอยู่ในกระโจมสีแดงที่เรียกว่า นิดดาห์ (Niddah) ซึ่งในภาษาฮิบรูแปลได้ว่า การถูกแยก แต่หญิงสาวเหล่านั้นไม่ได้เข้าไปอยู่ในกระโจมแดงเพื่อรอวันที่ประจำเดือนหยุด แต่ต้องชำระล้างร่างกายใน อ่างมิกเวห์ (Mikveh) อ่างอาบน้ำขนาดใหญ่ที่เป็นหัวใจสำคัญแห่งการชำระล้างของชาวยิวโบราณ เรื่องนี้จึงพอจะบอกได้ว่า ความเชื่อเรื่องเลือดประจำเดือนเป็นสิ่งชั่วร้ายก็มีมาตั้งแต่สมัยโบราณแล้วนั่นเองแต่ก่อนหน้านั้นสำหรับคนโบราณ เลือดประจำเดือนยิ่งใหญ่กว่าที่เราคิด อ้างอิงจากคำศัพท์ภาษาอังกฤษคือ Menstruation ซึ่งมาจากรากศัพท์ภาษาละตินที่แปลว่า เดือน ก็มีความเกี่ยวข้องกับปรากฏการณ์ธรรมชาติที่เกิดจากดวงจันทร์ ไม่ว่าจะข้างขึ้น-ข้างแรม น้ำขึ้น-น้ำลง คนโบราณจึงเชื่อว่าการเกิดประจำเดือนเป็นพลังของดวงจันทร์ สื่อถึงเรื่องเวทย์มนตร์ แม่มด และความลึกลับ อย่าง ชาวอินเดียนแดงเผ่าเชโรกี เชื่อว่าเลือดประจำเดือนใช้ทำลายศัตรูได้ ส่วนชาวโรมันเชื่อว่าเลือดประจำเดือนใช้สลายพายุลูกเห็บ และสามารถกำจัดศัตรูพืชได้ หากปล่อยให้หญิงที่มีประจำเดือนเดินเปลือยกายเข้าไปยังเรือกสวนไร่นาเห็นได้ว่าความเชื่อเรื่องเลือดประจำเดือนมีอำนาจในยุคโบราณ ทำให้เกิดภาพสังคมที่ผู้หญิงเป็นใหญ่ แต่เมื่อโลกผันผ่านเข้าสู่ยุคกลาง ซึ่งเป็นยุคที่คริสตจักรครอบงำผู้คน ผู้มีอำนาจคือเหล่านักบวชที่เป็นเพศชาย ความหวาดกลัวว่าผู้หญิงจะมีอำนาจมากในสังคมอย่างสมัยก่อนจึงเกิดขึ้น แน่นอนว่าต้องมีการเปลี่ยนภาพจำเสียใหม่ เกิดข้อห้ามไม่ให้ผู้หญิงมีประจำเดือนเข้าโบสถ์ ห้ามปรุงอาหารหรือยา และส่งเสริมความเชื่อว่าประจำเดือนเป็นสิ่งต้องห้าม เป็นของต่ำ แม้แต่โลกตะวันออกยังส่งต่อความเชื่อเช่นนี้มาด้วยในยุคสมัยหนึ่ง บ้านเราห้ามผู้หญิงมีประจำเดือนขึ้นพระธาตุฯ หรือญี่ปุ่นเองห้ามไม่ให้ทำซูชิขณะอยู่ในวันนั้นของเดือนเลยด้วยซ้ำไปมีความพยายามจะลบความเชื่อเหล่านั้นในกลุ่มผู้หญิงรุ่นใหม่ อย่างในปี 2015 นักศึกษามหาวิทยาลัยฮาร์วาร์ด เข้าร่วมแข่งขันวิ่งมาราธอนในงานระดับโลกอย่าง ลอนดอนมาราธอน (London Marathon) ในขณะที่เธอยังมีประจำเดือนและเธอยังไม่สวมใส่ผ้าอนามัยอีกด้วย เพื่อที่บอกให้โลกรู้ว่าเลือดประจำเดือนไม่ใช่สิ่งสกปรก มีคนบาดเจ็บจนเลือดตกยางออกในสนาม เลือดเหล่านั้นก็ไม่ต่างกับเลือดประจำเดือน อีกนัยหนึ่งในการแข่งวิ่งทั้งที่มีประจำเดือน เพราะเธอต้องการเป็นตัวแทนของผู้หญิงที่ไม่มีเงินซื้อผ้าอนามัยและต้องทนทรมานจากการปวดท้องประจำเดือนนั่นเองทั้งหมดจึงเป็นการสืบสาวที่มาของความเชื่อเรื่องประจำเดือนตั้งแต่สมัยโบราณ เมื่อไม่นานมานี้ในบ้านเราก็ได้เกิดตัวอย่างสำคัญ กรณีหญิงสาวที่ถูกแอบถ่ายเพราะประจำเดือนเลอะกระโปรง จนเป็นเรื่องราวฟ้องร้องกันใหญ่โต พิสูจน์ได้ว่าประจำเดือนก็ยังคงถูกมองเป็นเรื่องน่ารังเกียจของคนในสังคม ดังนั้นหากเกิดกรณีฉุกเฉิน ประจำเดือนมาอย่างกะทันหัน การทำความเข้าใจว่านั่นคือเรื่องปกติ และยินดีที่จะช่วยเหลือ น่าจะเป็นการช่วยลบภาพจำเกี่ยวกับประจำเดือนได้ไม่มากก็น้อยเครดิตรูปภาพ- รูปภาพหน้าปก โดย Freepik : FREEPIK- ภาพประกอบที่ 1 โดย Filo cz : WIKIMEDIA COMMONS (CC BY-SA 3.0)- ภาพประกอบที่ 2 โดย Freepik : FREEPIK- ภาพประกอบที่ 3 โดย Annika Gordon : UNSPLASH