ผู้เขียนได้ยินชื่อเลห์ ลาดักห์ ครั้งแรกเมื่อราวปลายปี ๒๕๖๑ ลูกสาวกับลูกชายคุยกันว่าเมืองนี้เป็นเมืองที่สวยงามทิวทัศน์แปลกตาน่าจะพาพ่อไปเที่ยว เลยได้หาข้อมูลเพิ่มเติม เลห์เป็นเมืองหลวงของแคว้นลาดักห์ เขตแคชเมียร์ ประเทศอินเดีย มีสมญานามว่า ทิเบตน้อย (Little Tibet) เพราะมีวิถีชีวิต วัฒนธรรมประเพณีมีความคล้ายคลึงวัฒนธรรมทิเบต พลเมืองมีหลากหลายเชื้อชาติ ทั้งทิเบต แขกอินเดีย แขกขาวปากีสถาน รวมถึงจีน หน้าตาคนที่นี่ไม่ค่อยเหมือนภาพลักษณ์คนอินเดีย เมืองนี้ตั้งอยู่เหนือระดับน้ำทะเลกว่า ๓,๕๐๐ เมตร มีอากาศหนาวตลอดปี อากาศจะเบาบางมากสำหรับคนเมืองร้อนอย่างคนไทยจะหายใจลำบาก รู้สึกเหนื่อยเร็ว เราได้เดินทางไปเที่ยวเมืองนี้ช่วงต้นเดือนเมษายน ๒๕๖๒ โดยขึ้นเครื่องบินจากเชียงใหม่ – สุวรรณภูมิ – นิวเดลลี – เลห์ ถึงสนามบินเลห์ ราว ๘.๐๐ น. สิ่งที่ตืนตาตื่นใจผู้เขียนมาก คือเมื่อมองลงมาจากเครื่องบินเห็นเทือกเขาที่ปกคลุมด้วยหิมะ แปลกตา หลังจากนั้นเข้าที่พัก พักผ่อนให้ร่างกายปรับตัว บ่ายๆออกไปเดินตลาด เจ้าของโรงแรมให้การต้อนรับดีมากแนะนำให้เราเหมารถออกเที่ยวตามสถานที่ต่างๆเป็นวันๆไปโดยวันแรกเที่ยวในตัวเมืองก่อน สถานที่สำคัญๆที่ได้ไปเยือน ได้แก่ ๑.พระราชวังเลห์ (Leh Palace) เป็นพระราชวังฤดูร้อนของเจ้าผู้ครองเมืองในอดีต มีอายุกว่า 500 ปี ที่นี่นักท่องเที่ยวต้องเสียค่าเข้าชม ภายในพระราชวังไม่มีข้าวของเครื่องใช้ใดๆ มีแต่ตัวปราสาท ๒. Namgyal Tsemo Gompa เป็นจุดชมทิวทัศน์ตั้งอยู่ในเมืองเลห์ เดินทางสะดวก เป็นจุดชมวิวที่สวยที่สุดในเมืองเลห์ นักท่องเที่ยวสามารถถ่ายภาพกับธงมนตราหลากสีสันและชมวิวได้โดยรอบ สามารถมองเห็นวิว เจดีย์สันติภาพ Santi stupa สร้างโดยญี่ปุ่น เพื่อประกาศพระศาสนา และจรรโลงสันติภาพ และทิวทัศน์เมืองเลห์ได้รอบทิศ ๓.Sangam view point เป็นจุดบรรจบกันของแม่น้ำ ๒ สาย คือ แม่น้ำสินธุและแม่น้ำซันสการ์ จุดนี้จะมองเห็นความแตกต่างของสีแม่น้ำเป็นสองโทนได้อย่างชัดเจน เป็นความงดงามของธรรมชาติที่น่าอัศจรรย์ยิ่งนัก ๔. Magnetic Hill มีชื่อเรียกอีกอย่างหนึ่งว่า Gravity Hill เป็นฉากที่ธรรมชาติสร้างขึ้นมาอย่างน่าอัศจรรย์ เหมือนเป็นถนนวิ่งเข้าไปในภูเขาใหญ่ หากจอดรถเอาไว้ตรงจุดที่เค้ากำหนดไว้แล้วดับเครื่องยนต์ เราจะเห็นเหมือนกับว่า รถมันไหลขึ้นภูเขาได้เอง ซึ่งจริงๆมันเป็นภาพลวงตา ทางถนนจริงๆมันเป็นทางลงเขาต่างหาก แต่มุมมองที่มองมันเหมือนกับขึ้นภูเขา ๕. Khardung la Pass เป็นเส้นทางที่เราจะเดินทางไปสู่ Hunder sand dune ในหุบเขา Nubra Valley เป็นถนนที่สูงที่สุดในโลก(ที่รถสามารถขึ้นได้) สูงถึง 5,602 เมตรเหนือระดับน้ำทะเล อากาศบนนี้หนาวและออกซิเจนบางมาก จุดนี้มีฐานที่ตั้งของกองทัพอินเดียที่คอยดูแลความสะดวกแความปลอดภัยแก่นักท่องเที่ยว ๖.Hunder sand dune ตั้งอยู่ในบริเวณ Nubra Valley เป็นผืนทะเลทรายที่โอบล้อมด้วยขุนเขา มองไปไกลสุกลูกตา ทำให้นึกถึงคำว่าฟ้าจรดทราย มันเป็นยังไง ที่นี่มีกิจกรรมให้นักท่องเที่ยวขี่อูฐ แต่เห็นแล้วรู้สึกสงสารอูฐ เลยตกลงไม่ขี่ ทะเลทรายที่นี่เป็นทะเลทรายที่แตกต่างจากที่อื่น ทรายสีน้ำตาลอ่อนๆ เนื้อทรายละเอียด สันทรายไม่สูง แต่มีภูเขาสูงล้อมรอบ เราพักค้างคืนที่นี่ ๑ คืน ๗. Pangong lake ที่นี่ได้รับสมญานามว่าน้ำตาแห่งหิมาลัย เป็นทะเลสาบน้ำเค็มที่ตั้งอยู่สูงที่สุดในโลก คืออยู่ที่ความสูง 4,350 เมตรเหนือระดับน้ำทะเล ตอนที่เราเดินทางไปน้ำในทะเลสาบยังเป็นน้ำแข็ง ลงไปเดินเล่นได้ หากน้ำแข็งละลายน้ำทะเลสาบจะมีสีเทอคอยซ์ สีฟ้า สีน้ำเงิน กระจายเป็นเฉดสี ตามอุณหภูมิของแสงอาทิตย์ รอบๆทะเลสาบมีที่พักให้บริการ ๘.Thiksey monastery เป็นวัดสำคัญของเมือง มีความสวยงามยิ่งใหญ่ที่สุด ที่นี่ได้ชื่อว่าเป็นโปตาลาน้อยประจำเมืองเลห์ เพราะรูปร่างหน้าตา คล้ายกับวัดโปตาลาที่ธิเบต วัดนี้ประดิษฐานพระศรีอารยะเมตรัยองค์ใหญ่ที่สุดในลาดักห์ สร้างขึ้นเพื่อเป็นที่ระลึกถึงการมาเยือนขององค์ดาไล ลามะองค์ที่ ๑๔ ซึ่งสร้างได้สวยงามมากๆ ในวัดยังมีเกสเฮาท์สำหรับผู้ที่สนใจมาปฎิบัติธรรม รอบๆวัดสามารถชมวิวทิวทัศน์ได้สุดลูกหูลูกตา การมาเที่ยวครั้งนี้ผู้เขียนพบว่าผู้คนในเมืองเลห์ และแคว้นลาดักห์ น่ารัก ซื่อตรง เป็นมิตรกับนักท่องเที่ยว ที่พักราคาไม่แพง อาหารพื้นเมืองส่วนใหญ่จะเน้นไปที่ผักและซุปร้อน ๆ ค่าครองชีพไม่แพงนัก เหมาะแก่การท่องเที่ยว ใครที่ชอบความงามของธรรมชาติ อากาศแจ่มใส เมืองเลห์ ลาดักห์ น่าจะเป็นตัวเลือกแรกๆนะครับ ภาพประกอบบทความโดยผู้เขียน