คุณปู่กำลังนั่งอยู่ที่เก้าอี้จิบชายามบ่าย ทันใดนั้นหลานชายก็วิ่งมาหา พร้อมกับใบหน้าที่บึ่งตึงและอารมน์แบบหัวร้อนสุดๆ มาฟ้องคุณปู่ว่า "คุณปู่ฮะ ! วันนี้ผมแข่งบอลที่โรงเรียนแล้วแพ้ ผมไม่อยากแพ้เลยฮะ พอผมเห็นภาพอีกทีมชูถ้วยชนะเลิศ ทำให้ผมยิ่งทั้งโกรธและโมโหเพื่อนร่วมทีม ที่เล่นกันแย่ เล่นกันไม่ได้เรื่อง ทำให้ผมต้องแพ้แบบนี้" (Photo by Ian Noble on Unsplash)ปู่ฟังด้วยใบหน้าที่สงบและยิ้มอย่างอบอุ่น ก่อนจะพูดกับหลานชายว่า "มาใกล้ๆ ปู่ ปู่มีอะไรจะเล่าให้ฟัง" หลานชายทำหน้าฉงน แต่ก็เดินเข้าไปนั่งใกล้ๆ คุณปู่"กาลครั้งหนึ่ง มีหมาป่าสองตัวที่มักจะสู้กันอยู่เสมอ ตัวหนึ่งคือ “ความชั่วร้าย” มันคือ ความโกรธ, อิจฉา, เศร้า, เสียใจ, หยิ่งจองหง, เข้าข้างตัวเอง, ไม่พอใจ, รู้สึกต่ำต้อย, โกหก, ภูมิใจในสิ่งผิด และ เห็นแก่ตัว ส่วนอีกตัวหนึ่งคือ “ความดี” มันคือ ความดีใจ, สงบ, ความเสียสละ, ความรัก, ความหวัง, ความเยือกเย็น, ความอ่อนน้อมถ่อมตน, ความเมตตา, การเข้าใจผู้อื่น, ความเอื้อเฟื้อ, ความซื่อสัตย์, เห็นอกเห็นใจ และ ศรัทธา(Photo by David Dibert from Pexels)แล้วหลานคิดว่า ตัวไหนจะชนะรึ ?" หลานชายนิ่งไปสักครู่ ก่อนจะตอบไปว่า "เอ่ม ถ้าตอนนี้น่าจะเป็นตัวแรกนะฮะ" ปู่ถาม "ทำไมละ ?" "ก็เพราะตอนนี้ หมาป่าตัวแรกมันอยู่ในตัวผมแล้วนี่ฮะ" ปู่ตอบกลับไปว่า "ใช่แล้วหลานรัก ที่จริงคนเราทุกคนจะมีหมาป่าสองตัวนี้สู้อยู่ในใจตลอดเวลา และตัวที่มันจะชนะก็คือ ตัวที่เราให้อาหารมันนั่นแหล่ะ"หลานชายยิ้ม และบอกคุณปู่ไปว่า "งั้มผมคงต้องให้อาหารอีกตัวหนึ่งแทนแล้วละฮะ เพราะผมไม่อยากเป็นหมาป่าเจ้าอารมณ์"(Photo by Peter Lloyd on Unsplash)นิทานเรื่องนี้ ทำให้เราเห็นภาพตัวเองได้ชัดขึ้น บ่อยครั้งที่เรามักเผลอให้อาหารหมาป่าตัวร้าย จนมันอ้วนท้วนสมบูรณ์ ปล่อยให้อีกตัวสูบผอมไม่มีแรง ที่เลวร้ายคือ บางทีเราอาจจะเผลอปล่อยให้มันตายไปจากใจเราไปโดยไม่รู้ตัวแล้วก็เป็นได้ ฉะนั้น ก่อนที่เราจะตัดสินใจพูดหรือทำอะไรในครั้งหน้า ลองคิดสักนิดว่า เราอยากให้อาหารหมาป่าตัวไหนกันแน่ เพื่อเราจะได้มีความสุขในชีวิตเพิ่มขึ้นยังมีข้อคิดเพื่อการเรียนรู้ให้ชีวิตดีขึ้นอีกนะครับ ตามไปอ่านได้ที่ > นิยมเล่าเป็นเรื่อง