Hello นักอ่านที่น่ารักทุกท่าน วันนี้ปรินซ์กลับมากับบทความที่มาบอกเล่า บอกต่อให้น้องๆนักเรียนที่อาจจะกำลังมองหาคณะ สาขา ที่จะเรียนต่อในระดับอุดมศึกษา หรือมหาวิทยาลัยนั้นเอง ซึ่งปรินซ์จะขอบอกไว้ก่อนว่าส่วนตัวปรินซ์เรียนจบมัธยมศึกษามาจากแผนการเรียนวิทยาศาสตร์-คณิตศาสตร์ หรือที่เรียนง่ายๆว่า สายวิทย์-คณิต นั้นเอง แต่!!!ปรินซ์เกิดเปลี่ยนสายการเรียนในระดับอุดมศึกษาจากสายททางวิทยาศาสตร์มาเป็นทางสายสังคมศาสตร์แทน ซึ่งน้องๆที่กำลังอ่านอยู่ไม่ต้องตกใจอะไรนะคะ เพราะเป็นเรื่องปกติที่ทุกคนจะเปลี่ยนทางเลือก เปลี่ยนสายการเรียน เพราะคนเราถนัดไม่เหมือนกัน ซึ่งปรินซ์ก็เป็นอีกหนึ่งคนที่เลือกเปลี่ยนสายมาเรียนสายสังคมศาสตร์ และสาขาที่ปรินซ์เรียนก็ตามชื่อเรื่องเลยนั้นก็คือ สาขาประวัติศาสตร์ ที่มหาวิทยาลัยทักษิณ และขอบอกเอาไว้ตรงนี้เลยว่ามีคนบางกลุ่มได้พยายามเชื่อมโยงมหาวิทยาลัยทักษิณกับอดีตนายกท่านหนึ่ง ซึ่งก็คือคนที่คุณก็รู้ว่าใครนะคะ แต่ปรินซ์ขอบอกไว้ตรงนี้เลยว่าไม่เกี่ยวกันแต่อย่างใดนะคะ โดยมหาวิทยาลัยทักษิณนั้น ในอดีตเคยเป็นส่วนหนึ่งของมหาวิทยาลัยศรีนครินทร์วิโรฒ หากน้องๆคนใดสนใจ ปรินซ์ได้แปะลิงค์ประวัติมหาวิทยาลัยทักษิณไว้ให้แล้ว ลองไปอ่านกันดูนะคะ เอาละงั้นเรามาเข้าเรื่องกันเลยดีกว่าค่ะ ว่าการเรียนในสาขาประวัติศาสตร์ที่มหาวิทยาลัยทักษิณที่ปรินซ์จบมาเป็นอย่างไร สำหรับสาขาประวัติศาสตร์ของเรานั้น สังกัดอยู่ในคณะมนุษยศาสตร์และสังคมศาสตร์ โดยอาคารของคณะตั้งอยู่บนเนิน หรือที่เรียกกันว่า บนควน ดังนั้นเด็กที่เรียนคณะนี้จึงเรียกกันว่า เด็กบนควน นั้นเอง แน่นอนว่าเข้ามาปีแรกก็ต้องมีกิจกรรมรับน้องของทางคณะในช่วงเย็นหลังเลิกเรียนเป็นเวลา 7 วัน ในส่วนของสาขาประวัติศาสตร์ก็จะมีกิจกรรมดีๆที่จัดโดยรุ่นพี่และคณาจารย์หลากหลายกิจกรรมด้วยกัน ไม่ว่าเป็นกิจกรรม Party On The Beach ที่เป็นกิจกรรมรับน้องของสาขาที่จัดโดยรุ่นพี่ปี 2 กิจกรรม Meeting ที่เรียกง่ายๆว่าเป็นเหมือนการพาน้องปี 1 ไปเที่ยวนอกสถานที่ซึ่งจัดโดยรุ่นพี่ปี 3 กิจกรรมกีฬาประวัติศาสตร์สัมพันธ์ที่จัดโดยรุ่นพี่ปี 4 หรือกิจกรรม Bye Nior ที่เป็นการเลี้ยงอำลารุ่นพี่ปี 4 นั้นเอง นอกจากนี้ยังมีการจัดอบรมเพื่อเพิ่มทักษะต่างๆในนิสิตในสาขาที่จัดโดยคณาจารย์ในสาขาวิชา และขณะเดียวกันก็จะมีการจัดกิจกรรมภาคสนาม ที่จะพานิสิตไปทัศนศึกษาตามพื้นที่ต่างๆ โดยในช่วงที่ปรินซ์เรียนอยู่กิจกรรมภาคสนามนั้นทางสาขาวิชาจะออกงบให้ส่วนหนึ่งและนิสิตออกเองส่วนหนึ่ง แต่นิสิตก็ไม่ได้ออกมากนัก โดยปรินซ์ได้ร่วมกิจกรรมภาคสนามในปี 2 เดินทางไปประเทศมาเลเซีย และในปี 3 ไปภาคอีสาน ซึ่งทั้งสองครั้งนั้นต้องออกค่าใช้จ่ายให้กับทางสาขาไม่เกิน 3,000 บาท ส่วนค่าอาหารและอื่นๆก็ออกเองไม่ถึง 2,000 บาทเท่านั้น เรียกได้ว่าคุ้มค่ามากค่ะ ซึ่งถ้าใครอยากรู้ว่าการออกภาคสนามของสาขาประวัติศาสตร์นั้นสนุกแค่ไหน รอติดตามในบทความใหม่ที่ปรินซ์จะมาบอกเล่านะคะ ในส่วนของวิชาเรียน หากกล่าวถึงการเรียนประวัติศาสตร์ เพื่อนๆ น้องๆ คงคิดว่า 'ต้องท่องจำแน่เลย' หรือบางคนที่ค่อนข้างอินกับกระแสละคร อย่าง บุพเพสันนิวาส ที่นางเอกของเรื่องเรียนโบราณคดี ก็คงคิดว่าเหมือนกันกับประวัติศาสตร์ แต่ปริ๊นซ์ของบอกไว้ตรงนี้เลยว่า 'ไม่เหมือนกัน' เพราะหากเพื่อนๆ น้องๆ หาข้อมูลให้ดีจะรู้ว่าทั้งสองอย่างที่กล่าวไปนั้นไม่เหมือนกัน ถ้ากล่าวง่ายๆก็คือ โบราณคดีจะเน้นการลงพื้นที่ภาคสนาม การคุดค้น วิเคราะห์อายุของหลักฐาน แต่ในขณะที่ประวัติศาสตร์นั้นเป็นการนำหลักฐานและข้อมูลมาวิเคราะห์และตีความให้เป็นองค์ความรู้ ดังนั้นปรินซ์จึงจะขอเตือนว่าใครที่เข้าใจผิดอยู่ก็ให้เข้าใจใหม่นะคะ และแน่นอนว่าเราเรียนประวัติศาสตร์ก็ต้องมีการท่องจำอยู่แล้ว ไม่ใช่การท่องจำแบบเป็น 1-2 หน้ากระดาษ แต่เป็นการจำเพื่อนำไปวิเคราะห์ เพราะในการเรียนเราต้องใช้ความรู้ที่เรามีทั้งหมด มาวิเคราะห์และทำความเข้าใจถึงเรื่องราวในอดีต รวมไปถึงยังนำมาวิเคราะห์เหตุการณ์ในปัจจุบันอีกด้วย และรายวิชาที่เรียนนั้น ปรินซ์ของแบ่งตามชั้นปี โดยจะอิงหลักสูตรปี 59 ซึ่งเป็นหลักสูตรที่ของรุ่นปรินซ์เรียนนะคะ ตามหลักสูตรจะต้องเรียนให้ครบทั้งหมด 132 หน่วยกิต ตามที่ปรากฎในรูปภาพด้านล่าง ต่อมาในส่วนของรายวิชาต่างๆที่จะเปิดสอนก็จะขึ้นอยู่กับอาจารย์ในสาขาวิชา โดยปรินซ์จะสรุปให้ดูเป็นรูปภาพด้านล่างว่าในรุ่นของปรินซ์นั้น ได้เรียนวิชาอะไรกันบ้างค่ะ ในส่วนของปี 1 เพื่อนๆ น้องๆ จะเห็นว่ามีรายวิชาเลือกกลุ่มภาษา แต่เนื่องจากเป็นรายวิชาที่เรียนทั้งชั้นปี ทั้งมหาวิทยาลัย ดังนั้นมันจึงมีคนลงทะเบียนเยอะจนเต็มทุกคลาส ทำให้ปริ๊นซ์กับเพื่อนๆ ต้องไปลงเรียนในชั้นปีที่ 2 ภาคเรียนที่ 2 โดยปริ๊นซ์ลงเรียน ภาษาและวัฒนธรรมมลายู ซึ่งก็ตามชื่อวิชาเลยนั้นคือ เราจะเรียนเกี่ยวกับภาษามลายู ตั้งแต่ตัวอักษร บทสนทนา และในตอนปี 2 จะมีส่วนของวิชาเลือกเสรี 2 วิชา ทั้ง 2 ภาคเรียน โดยภาคเรียนที่ 1 ปรินซ์เรียน วิถีชีวิตไทย และหลักสังคมวิทยา และในภาคเรียนที่ 2 ที่มีวิชาเลือกกลุ่มบูรณาการ รุ่นปรินซ์จะมีให้เลือก 2 วิชา คือ ทักษิณศึกษา และวิถีชุมชน ซึ่งปรินซ์เลือก ทักษิณศึกษา ซึ่งเรียนเกี่ยวกับวิถีชีวิตของคนในภาคใต้ มีการลงพื้นที่ทำโครงงานเป็นกลุ่มใหญ่ๆ ส่วนวิชาเลือกรุ่นปริ๊นซ์ได้เรียน ประวัติศาสตร์ความสัมพันธ์ระหว่างไทยกับต่างประเทศ และวิชาโท รุ่นปรินซ์ได้เลือกเรียน วิชาโทบริหารการศึกษาที่ถือได้ว่าเป็นรุ่นสุดท้าย เพราะจะไม่มีการเปิดให้เลือกวิชาโทจากต่างคณะแล้ว ดังนั้นในภาคเรียนที่ 2 ปริ๊นซ์จึงเรียน การบริหารงานวิชาการ และการบริหารงานบุคลากรในโรงเรียน ในส่วนของปี 3 จะมีส่วนของวิชาเลือกรวมทั้ง 2 ภาคเรียน ที่ปริ๊นซ์ได้เรียนดังนี้ ในภาคเรียนที่ 1 ประวัติศาสตร์ศิลปะในประเทศไทย และประวัติศาสตร์เอเชียตะวันออกเฉียงใต้ร่วมสมัย ส่วนภาคเรียนที่ 2 จะเป็น ประวัติศาสตร์เอเชียตะวันออกร่วมสมัย และประวัติศาสตร์ครอบครัว ต่อมาคือส่วนของวิชาโทในปี 3 จะมีรวมทั้ง 2 ภาคเรียน คือ ในภาคเรียนที่ 1 การบริหารการศึกษา การเงินโรงเรียน กฎหมายการศึกษา การเป็นผู้นําทางการศึกษา ภาคเรียนที่ 2 การบริหารงานธุรการ ระบบการบริหารและแนวคิดทางการศึกษา เพื่อนๆ น้องๆ จะเห็นว่าจากโครงสร้างหลักสูตรจะมีบอกว่า วิชาโท 4 รายวิชาทั้งปีการศึกษา แต่ปริ๊นซ์เรียนทั้งหมด 6 วิชา นั้นก็เพราะว่าในบางรายวิชาจะมีหน่วยกิตแค่ 2 หน่วยกิต ซึ่งเราจะต้องเรียนให้หน่วยกิตครบหรือเกินจากที่หลักสูตรกำหนด ดังนั้นจึงเป็นที่มาที่ว่าทำไมในภาคเรียนที่ 1 ปริ๊นซ์เรียนวิชาโทมากกว่า 2 รายวิชานั้นเองค่ะ ในช่วงปี 4 ซึ่งเป็นปีสุดท้ายการเรียน เพื่อนๆ น้องๆ จะเห็นว่าจำนวนรายวิชาที่เรียนนั้นน้อยมาก เหตุผลก็คือเราจะต้องทำ 'สัมมนา' หรือาจจะเรียกว่างานวิจัยก็ได้ ซึ่งงานตัวนี้เป็นตัวตัดสินว่าเราจะเรียนจบหรือไม่ โดยตัวสัมมนานี้จะอยู่ในชื่อรายวิชา สัมมนาประวัติศาสตร์ เป็น 1 ใน 3 วิชาเลือกนั้นเองค่ะ ส่วนวิชาเลือกอื่นๆ อีก 6 ตัวในช่วงปี 4 ของปริ๊นซ์ ในภาคเรียนที่ 1 ก็จะเป็น การอ่านทางประวัติศาสตร์ และ ภาพยนตร์และดนตรีในมิติประวัติศาสตร์ ในภาคเรียนที่ 2 ก็จะเป็น ประวัติศาสตร์เพื่อการท่องเที่ยวในประเทศไทย ประวัติศาสตร์นิพนธ์คาบสมุทรไทย-มลายูและหมู่เกาะในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ โบราณคดีภาคใต้ และ ประวัติศาสตร์ลุ่มทะเลสาบสงขลา และนี้เป็นเรื่องราวในส่วนของการเรียนสาขาวิชาประวัติศาสตร์ ที่มหาวิทยาลัยทักษิณของปริ๊นซ์นั้นเองค่ะ หวังว่าการมาบอกเล่าในครั้งนี้จะมีประโยชน์ต่อเพื่อนๆ ที่อยากรู้เกี่ยวกับการเรียนในสาขาวิชาประวัติศาสตร์ ที่มหาวิทยาลัยทักษิณแห่งนี้ และปริ๊นซ์ขอแอบกระซิบบอกเพิ่มอีกอย่างหนึ่งว่า อาจารย์ในสาขาวิชาประวัติศาสตร์ ที่มหาวิทยาลัยทักษิณเป็นอาจารย์ที่มีความสามารถทุกท่านแน่นอน แถมยังใจดีอีกด้วย และสังคมภายในสาขาก็จะเป็นแบบเป็นกันเอง อาจารย์ รุ่นพี่ รุ่นน้องมีความสนิทสนมและพร้อมช่วยเหลือกันค่ะ สุดท้ายนี้ปริ๊นซ์ขอขอบคุณ คุณคริษฐ์ ช่วยอักษร ที่อนุญาตให้ปริ๊นซ์นำรูปภาพสวยๆ มาใช้ในการเขียนบทความนี้นะคะ และขอฝากสาขาวิชาประวัติศาสตร์ มหาวิทยาลัยทักษิณ ไว้เป็นอีกตัวเลือกหนึ่งในการเลือกศึกษาต่อในระดับอุดมศึกษาของน้องๆ ด้วยนะคะ เครดิตรูปปก รูปที่ 6 รูปที่ 7 รูปที่ 8 โดย The Prince (ผู้เขียน) ผ่านเว็บไซต์ canva เครดิต คริษฐ์ ช่วยอักษร : รูปที่ 1 รูปที่ 2 รูปที่ 3 รูปที่ 4 รูปที่ 5 รูปที่ 9 รูปที่ 10