ด้วยความที่ผู้เขียนเคยมีโอกาสดีๆ ที่ได้ร่วมงานกับคนดังผ่านการผลิตรายการทีวี และหนึ่งในขั้นตอนที่จะทำให้รายการออกมาเป็นรูปเป็นร่าง ก็คือการพูดคุยเรื่องราวชีวิตที่ผ่านมาของพวกเค้าผ่านการรีเสิร์ช ซึ่งหลังจากได้ดูรายการ "The Mask งานวัด" ก็ทำให้ผู้เขียนนึกถึงเรื่องราวชีวิตของเค้าคนนี้ หนุ่มจ้ำม่ำ อารมณ์ดี ศิลปินคุณภาพอีกคนของวงการ ที่น่าจะเป็นเจ้าของ "หน้ากากเมียงู" นั่นคือ “โดม จารุวัฒน์” ซึ่งเรื่องราวของเค้า บอกเลยว่าไม่ธรรมดาค่ะ... ชีวิตหักเหที่ไม่คาดคิดโดมใช้ชีวิตช่วงเด็กจนถึง ม.ปลาย ที่ภูเก็ต มีคุณพ่อรับราชการ และครอบครัวเปิดร้านขายยาแผนโบราณ เวลาว่างปิดเทอมหารายได้ โดยการร้องเพลง ชีวิตมีความสุข และกำลังจะไปได้ดี เพราะโดมกำลังจะสอบเข้านิเทศศาสตร์ จุฬาฯ คณะที่ใฝ่ฝัน แต่แล้วชีวิตก็เจอบททดสอบครั้งใหญ่ เมื่อพ่อที่เคยแข็งแรง ออกกำลังกาย และมีวินัยในการใช้ชีวิตจู่ๆ ก็หน้ามืดเป็นลม จากตอนแรกที่คิดว่าแค่เป็นลมธรรมดา แต่พ่อกลับเส้นเลือดในสมองแตก หมอบอกว่าพ่อจะอยู่ได้อีก 2 วัน โดมต้องเป็นที่พึ่งให้แม่ ต้องเข้มแข็ง เพราะเป็นลูกชายคนโต ครั้งนั้นพ่อหลับไม่ได้สติไป 24 วัน และก็เป็นช่วงที่โดมต้องขึ้นกรุงเทพฯ เพื่อมาทำธุระเรื่องเรียนต่อมหาวิทยาลัย...ทางที่ต้องหักเหเพื่อคนที่รักจากความฝันว่าจะเรียนนิเทศศาสตร์ จุฬาฯ อย่างที่ใจหวัง โดมโทรหาพ่อ บอกพ่อโดยที่ไม่รู้ว่าพ่อจะได้ยินหรือไม่ว่า “พ่อตื่นขึ้นมานะโดมจะเรียน นิติศาสตร์ ธรรมศาสตร์ อย่างที่พ่ออยากให้เรียน” และก็เกิดเป็นปาฏิหารย์ ไม่กี่วันแม่ก็โทรมาบอกโดมว่าพ่อฟื้นแล้ว ...เวทีที่หักเหและเปลี่ยนชีวิตต้องยอมรับว่าการประกวดเดอะสตาร์ปีที่ 8 เปลี่ยนแปลงชีวิตโดมไปในทางที่ดีขึ้น แต่นอกเหนือจากชื่อเสียง รางวัล การประกวดครั้งนี้ของโดม ก็เป็นจุดหักเหให้กับการประกวดเวทีอื่นๆ ซึ่งเมื่อก่อนมักจะให้ความสำคัญเรื่องภาพลักษณ์ ความสวย ความหล่อ แต่โดม ไม่ใช่ โดมใช้ความสามารถ ชนะใจแฟนๆ เป็นเวทีที่เค้าพิสูจน์ตัวเอง และที่สำคัญคือการส่ง Message ไปถึงคนอื่นๆ ว่าถ้าโดมทำได้ทุกคนก็ทำได้ ถ้าเราตั้งใจ มุ่งมั่น มีที่ในวงการให้เราเสมอ อย่ามองหรือตัดสินคนด้วยรูปร่าง หน้าตา... ชีวิตที่ไม่ยอมหักเห เพราะคำว่า "บูลลี่"ตั้งแต่เด็ก โดมคุ้นเคยกับการถูกล้อเลียนเรื่องรูปร่างหน้าตา โดมเล่าว่าเป็นปกติกับคำว่า "ไอ้อ้วน" มิหนำซ้ำยังเคยมีเด็กรุ่นน้องมาเรียกโดมว่า "บลูด๊อก" แต่นั่นไม่สามารถบั่นทอนจิตใจโดมได้ แต่มีการล้อเลียนที่หนักที่สุดครั้งหนึ่ง ก่อนที่โลกออนไลน์จะเกิดคำว่า “บูลลี่” ซะอีก ซึ่งเรื่องราวเกิดในสังคมออนไลน์ที่ชื่อ “พันทิป”โดมเล่าให้ฟังว่าหลังออกจากบ้านเดอะสตาร์จะต้องถ่ายปกขึ้นนิตยสาร และมีกระทู้หนึ่งโพสต์จุดประเด็นขึ้นมาว่า “ปกจะออกมาดูดีขนาดไหนถ้าไม่มีโดม” ซึ่งเค้าจะเอาปกหนังสือทุกเล่มที่มีโดม มารีทัชรูปโดมออก แล้วก็โชว์หน้ากระทู้ ความรู้สึกโดมคือ เค้าเกลียดเราขนาดนั้นเลยเหรอ เค้าไม่อยากเห็นเราขนาดนั้นเลยเหรอ มันทำให้เค้าต้องหดกลับเข้าไปในกระดองอีกครั้ง การโตขึ้นและอยู่ในวงการนานขึ้นทำให้โดมค่อยๆ ปรับตัว และคิดได้ว่าคนที่ทำ เค้าไม่จำ ไม่รู้ด้วยซ้ำว่าทำอะไรลงไป แต่คนที่จำคือเรา เพราะฉะนั้นเราต้องเข้มแข็งมากๆ"ข้อคิด"จากโดมจงภูมิใจในตัวเอง มั่นใจในตัวเอง ถ้าเราไม่มั่นใจ ไม่ภูมิใจในตัวเอง ใครพูดอะไรเราจะเชื่อ แต่ถ้าเราชอบตัวเองที่เป็นแบบนี้ ฉันโอเค แทบไม่ต้องตอบโต้ ถามตัวเองว่าภูมิใจในตัวเองรึยัง แล้ววันนี้เรามีความสุขรึยัง จงเป็นคุณที่ดีที่สุด ยังไงเราก็ผ่านมันได้ ที่ผ่านมาหลายคนอาจจะยังติดภาพ โดมที่มาพร้อมเสียงหัวเราะ เสียงฮา สร้างรอยยิ้ม จนอาจหลงลืมไปว่า โดมมีความสามารถอย่างมากด้านการร้องเพลง “หน้ากากเมียงู” จึงปลุกจิตวิญญาณ ปลุกความเป็นศิลปิน ให้โดมได้พิสูจน์ตัวเองให้คนทั้งประเทศเห็นอีกครั้ง "จงเป็นคุณที่ดีที่สุด แล้วจะมีความสุข"ขอขอบคุณภาพ IG domejaruwat : ภาพปก / ภาพที่ 1/ ภาพที่ 2 / ภาพที่ 3 / ภาพที่ 4 /ภาพที่ 5