ขอขอบคุณภาพโดย https://pixabay.com/th .... เวลานั้นเป็นสิ่งที่จำกัดขอบเขตทุกๆอย่าง ไม่ว่าจะเป็นในเรื่องของการทำงาน การกิน การนอน หรือไลฟ์สไตล์ต่างๆ ด้วยการที่เวลานั้นเดินเท่ากัน เวลาจะเดินไปข้างหน้าตลอด และเวลาจะไม่มีวันย้อนกลับไปอย่างเด็ดขาด นั้นคือสิ่งที่เราทุกคนเข้าใจกัน คนเราเลยนำเวลามาใช้ประโยชน์ต่างๆ เช่น การแข่งขัน การต้มไข่ การแบ่งเวลา เป็นต้น แต่!! คุณเคยคิดไหมว่า ทำไมบางทีเวลาผ่านไปเร็วสุดๆ เช่น เล่นเกมส์อยู่ดีๆ ก็มืดซะละ หรือรู้สึกว่านอนดูซีรีย์แปปเดียวหันมาดูเวลาอีกทีทำไมเป็นเที่ยงคืนซะแล้วล่ะ! แต่ทำไมเวลาเรากำลังเรียนวิชาที่เราไม่ชอบ หรือทำงานที่น่าเบื่อ ทำไมรู้สึกว่าเวลานั้นผ่านไปช้ามากๆ เวลานั้นเดินเท่ากันจริงๆหรอ? .... ในอดีตจนถึงปัจจุบัน นักวิทยาศาสตร์หลายคนพยายามที่จะกำลังหาคำตอบในเรื่องนี้อยู่ไม่ว่าจะเป็น กาลิเลโอ กาลิเลอี,อัลเบิร์ต ไอน์สไตน์,สตีเฟ่น ฮอว์คิง,อริสโตเติล และนักวิทยาศาสตร์ในปัจจุบันอีกหลายๆคน เป็นต้น ซึ่งทางเราขอแยกทฤษฎีเวลาเป็น 3 ส่วนใหญ่ๆด้วยกัน ได้แก่1.เวลาจะคงที่เสมอขอขอบคุณภาพโดย https://pixabay.com/thโดยนิวตันกล่าวไว้ว่าการเคลื่อนไหวของสิ่งต่างๆ ขึ้นอยู่กับการเปรียบเทียบของคนมอง เช่น คุณตันขับรถ 60กม/ชม. ส่วนคนที่นั่งด้วยกับคุณตันจะคิดว่าไม่เคลื่อนไหวหรือเคลื่อนไหวเล็กน้อย แต่ในขณะที่มุมมองของคนที่อยู่ปลายทางจะสังเกตเห็นความเร็วถึง 60กม/ชม แต่นิวตันคิดว่าเวลาจะเร็วหรือจะช้านั้นขึ้นอยู่กับความคิดไปเองของผู้คน 1 วินาทีของคุณตัน ก็คือ 1 วินาทีของทุกคนบนโลก เพราะเวลานั้นเป็นสิ่งที่เคลื่อนที่เป็นเส้นตรง นั่นคือจะไม่มีวันย้อนกลับ หรือข้ามไปอนาคตได้ เวลาจะเดินหน้าไปอย่างเดียว 2.กาลอวกาศกับเวลาขอขอบคุณภาพ โดย https://pixabay.com/thไอน์สไตน์ นั้นได้มองตรงกันข้ามกับนิวตัน ไอน์สไตน์มองว่าการเคลื่อนที่ในแบบต่างๆ คือ เวลาในตัวของมันเองทั้งหมด ไม่เกี่ยวกับการไปบวกเวลาทั้งหมดจึงทำให้ทุกอย่างนั่นเท่ากัน ลองจินตนาการดูว่า เรานำผ้าที่ขึงตรึงแล้วโยนลูกโบว์ลิ่งเข้าไป ผลปรากฏว่าลูกโบว์ลิ่งนั่น ได้ไปกดทับกับผ้าที่ถูกขึงตรึงจึงทำให้มันยุบลง ไอน์สไตน์จึงเปรียบเทียบว่า โลกคือลูกโบว์ลิ่ง แล้วผ้าที่ขึงตรึงนั่นคือกาลอวกาศหรือเวลา โลกนั่นถือเป็นสิ่งที่มีมวลมากๆก็จะมีแรงมากทำให้มีแรงโน้มถ่วงมากๆ จึงทำให้กาลอวกาศเกิดการยุบตัวลงไปจึงทำให้เกิดการบิดเบือดทางเวลา พูดง่ายๆก็คือ หากเรามีมวลมากสุดๆเวลาจะไม่คงที่ แต่อาจจะเคลื่อนที่ช้าหรือเร็วนั่นเอง3.มิติควอนตัมขอขอบคุณภาพโดย https://pixabay.com/thในช่วงแรกๆ เราได้ค้นพบว่าอะตอมนั้นเป็นสิ่งที่เล็กที่สุด ต่อมาจึงได้มีการค้นคว้าขึ้นพบว่าสตริงนั้นเป็นวัตถุ1มิติที่มีขนาดเล็กมากๆ คุณคงจินตนาการไม่ออกเลยละซิว่าวัตถุหนึ่งมิตินั้นรูปร่างหน้าตาเป็นอย่างไร แต่!!มิติควอนตัม คืออนุภาคที่เล็กยิ่งกว่าแบบสุดๆ มิติควอนตัมมีอยู่ด้วยกันทั้งสิ้น 11 ชั้น เปรียบเทียบกับอวกาศที่มีเพียงแค่ 4 ชั้น ซึ่งนั่นก็หมายความว่าอนุภาคที่เล็กจนถึงขนาดนั้นแล้วสามารถผ่านเข้ามาถึง11ชั้นได้ จะต้องมีเรื่องของเวลาเข้ามาเกี่ยวข้องแน่นอน จึงมีความคิดที่ว่า หากวันหนึ่งเราสามารถที่จะย่อตัวให้เล็กลงได้ แล้วทำให้กาลอวกาศเกิดการโค้งงอ จากนั้นเคลื่อนที่ให้ไวเทียบเท่าแสงเราก็จะสามารถยืดเวลาของเราออกไปได้เป็น20เท่า สำหรับความเห็นของ Cell smile ผมเชื่อว่าเวลานั้น มีโอกาสเป็นไปได้สูงว่ามันเดินไม่เท่ากันอย่างแน่นอน เนื่องจากทฤษฎีที่ว่าเวลาเดินเท่ากันของนิวตัน กำลังถูกฟิสิกส์สมัยใหม่โจมตี เช่น ฟิสิกส์ควอนตัม ทฤษฎีโลกคู่ขนาน เป็นต้น เนื่องจากทฤษฎีของนิวตันมีจุดผิดพลาดมากมาย จึงทำให้มีโอกาสเป็นไปได้สูงมากๆว่าเวลานั้นเดินไม่เท่ากัน........ อย่างไรก็แล้วแต่นี้เป็นเพียงความเห็นของเจ้าของบทความ แต่ไม่ว่าเวลาจะผ่านไปอย่างไร "สิ่งที่สำคัญที่สุดคือปัจจุบัน อะไรที่เราสามารถทำแล้วดีขึ้น ทำแล้วเกิดประโยชน์แล้วไม่สร้างความเดือนร้อนให้ผู้อื่น ก็ควรที่จะทำเลยครับไม่ต้องไปรอเวลา เพราะไม่ว่าเวลาจะเคลื่อนที่อย่างไร มันก็ไม่เคยรอใครจริงๆ เสมอ" ....