ทริปเเรกในชีวิตของเเต่ละคนเป็นยังไงออกเดินทางด้วยเหตุผลอะไรทุกคนคงมีความทรงจำในเเบบของตัวเอง ซึ่งทริปเสม็ดนี้เป็นทริปเเรกในชีวิตของเราที่อยู่ๆก็ตัดสินใจไปเพียงเพราะโดนบอกเลิก ความอกหักนำพาให้ไปทะเล ใจมันเซทะเลคือจุดหมาย โดยครั้งนี้เเน่นอนใจช้ำเเบบนี้มีหรอเพื่อนจะยอมปล่อยไปคนเดียว เมื่อตัดสินใจก็จองที่พักสำหรับ1คืน2วัน เมื่อถึงวันเดินทางพวกเราด้วยความที่วางเเผนมาดีนะเเต่ตกม้าตายตรงที่คิดว่าตั๋วคงไม่เต็ม เเน่นอนค่ะพวกเราตกรถ อะไรจะซวยขนาดนั้นที่พักก็จองเเล้วทำไงดีไปไม่ไปด้วยความเสียดายเงินค่าที่พักเลยตัดสินใจซื้อตั๋วรถรอบ9โมงเช้าของวันถัดไปก็คำนวณเวลาไว้เเล้วแหละว่าน่าจะทัน พอถึงวันเดินทางพวกเรากระโดดขึ้นรถด้วยความตื่นเต้น เเต่นั่งไปเรื่อยๆสิ่งที่ไม่คาดคิดก็เกิดขึ้น กลิ่นห้องน้ำโชยมาโอ้โห้มันเป็นกลิ่น อึ ชัดๆ ใครกันนะมาอึบนรถเมารถไปตามระเบียบ เเค่นั้นมันยังไม่พอรถขับช้ามาก ก.ไก่ล้านตัวนั่งไปใจจะขาด เวลาผ่านไปเรื่อยๆ สามชั่วโมงก็เเล้ว ห้าชั่วโมงก็เเล้ว เจ็ดชั่วโมงก็เเล้ว ฟ้ามืดจนไม่เห็นอะไร ก็ยังไม่ถึง ทีนี้เริ่มกลัวไม่มีเรือข้ามฝั่งมั้งเเหละ จะเช็คอินห้องพักได้ไหมบ้างเเหละ รถสองเเถวไปท่าเรือตอนนั้นคงไม่มี ทุกอย่างดูมืดไปหมดพอๆกับท้องฟ้าที่มืดมิด ความรู้สึกตอนนั้น คืออกหักว่าเจ็บปวดเเล้ว ต้องมาเจออะไรเเบบนี้อีกหรอ เราเลยทำการโทรไปเช็คกับท่าเรือว่าถ้าเราถึงดึกจะมีเรือที่เราจะสามารถนั่งข้ามไปได้ไหม สรุปจะมีเเค่สปีทโบ๊ท ซึ่งวิ่ง24 ชม. ต่อมาก็ติดต่อไปที่ห้องพักสรุปคืออาจมีโอกาสที่จะไม่ได้เช็คอินเข้าที่พักตอนนั้นใจเสียมากเพราะเราเองก็ถึงดึกมันก็ไม่ผิดที่เขาจะไม่รอ ส่วนเรื่องรถไปท่าเรือเราได้ติดต่อรถเหมา ที่เราห่วงที่สุดคือเรื่องที่พัก เราใช่เวลาเดินทางถึง บขส ระยอง12 ชั่วโมงค่ะท่านผู้ชม พอถึงเราก็ได้นั่งรถเหมาที่เราติดต่อไว้ ราคาเหมาทั้งหมด500บาท จาก บขสใหม่ระยอง-ท่าเรือนวลทิพย์ ระหว่างที่นั่งรถไปท่าเรือเราก็พยายามติดต่อที่พักแต่ก็โทรไม่ติด ใจเริ่มเสียเเล้วตอนนั้น จาก บขส มาถึงท่าเรือใช้เวลาประมาณ30-45นาที ณ ตอนนั้นเวลา 4 ทุ่มค่ะท่านผู้ชม ถามว่าติดต่อที่พักได้ไหม ตอบเลยไม่ค่ะไม่สามารถติดต่อได้ ทุกอย่างดูล่องลอย เเต่สุดท้ายก็ตัดสินใจนั่งเรือข้ามฝั่งอยู่ดี ณ เวลานั้นเราต้องเหมาเรืออย่างเดียวเพราะเป็นตัวเลือกเดียวที่เหลืออยู่ นาทีที่ก้าวเท้าลงเรือไม่รู้ใจคิดอะไรกัน เราไม่รู้ด้วยซ้ำว่าจะมีที่นอนไหมเเต่ไหนๆก็มาเเล้วต้องไม่ให้ถึงที่สุด เราก้าวเท้าลงเรือพร้อมพูดว่า ไปตายเอาดาบหน้าเเล้วกัน เรือได้เเล่นไปบนผิวน้ำทะเลที่ไร้เเสง มีเพียงเเสงสว่างจากจันทราเท่านั้น พอถึงเกาะมีเเต่ความเงียบมีแสงสว่างจากเซเว่นเเละผู้คนบางกลุ่มที่ยังไม่หลับนอนเพียงเล็กน้อยร้านอาหารส่วนใหญ่ปิดหมดเเล้ว เราเปิดgpsเดินตามหาที่พักที่เราได้จองไว้ สุดท้ายหลงเเต่โชคดีที่เจอพี่สาวใจดีนำทางเราไปส่ง เเต่เราก็ไม่สามารถเข้าที่พักได้เพราะเราติดต่อที่พักไม่ได้เลย เราทั้งโทรทั้งส่งข้อความตอนนั้นทั้งเหนื่อยทั้งท้อไม่รู้จะนอนไหนดีสุดท้ายเพื่อนเราตัดสินใจเดินไปถามเด็กที่ยังวิ่งเล่นอยู่แถวนั้น สุดท้ายเราพึ่งรู้ว่าที่เช็คอินอยู่ตรงนั้นเเถมตรงนั้นยังวางกุญแจพร้อมชื่อเราไว้อีกด้วย เเล้วที่ที่เรายืนรอยืนงอแงกันอยู่ตั้งนานคืออะไรกัน ขำเเห้งกันไป ในเช้าวันที่เเสนสดใส เราก็ตื่นสายกันคือต้องเช็คเอ้าท์ก่อนเที่ยงก็เลยตกลงกันว่าจะกินข้าวเช้ากันก่อนค่อยไปเดินเที่ยว เราซื้อไก่ที่มีรถขับมาขายถึงหน้าบ้านพักพ่อค้าใจดีมากเพื่อนเราพูดกับพ่อค้าถูกคอก็เลยได้ของแถม พ่อค้าเเนะนำเส้นทางลัดให้เรา เป็นเส้นไปหาดใกล้ๆ หลังจากกินข้าวกันเสร็จเราก็ไปตามทางที่เเนะนำมา เเต่ว่าหาทางเข้าไม่เจอค่ะ เดินจนเดินวนกลับมาที่เดิม สมกับเป็นเกาะเเก้วพิศดารจริงๆ พวกเราเลยตัดสินใจเช่ามอเตอร์ไซค์ วันละ300บาท เราเลยคุยกันว่าจะไปอาบน้ำเก็บของเช็คเอ้าท์กันก่อนเเล้วค่อยไปขับรถเที่ยวตามเกาะ เสียค่าเสียหายค่าผ่านทางคนละ 40 บาท ขับตามป้ายไปเจอเกาะบ้าง ทะเลบ้าง ทางตันก็มี บ้านคนก็มา พูดได้ว่าเป็นทริปที่ไม่มีอะไรตามแผนสักอย่างพวกเราขับรถเที่ยวบนเกาะไปเรื่อยๆรอเวลาเรือออก พอใกล้ถึงเวลาพวกเราก็มานั่งรอขึ้นเรือที่ท่าเรือ ทริปครั้งเเรกในชีวิตนี้ ทำให้รู้ว่าอย่าไว้ใจอะไรเกินควรเตรียมทุกอย่างให้เรียบร้อยหลังจากทริปนี้เป็นต้นมาเราก็จองตั๋วตลอดไม่เคยปล่อยตัวเองเสี่ยงอีกเลย เเละในครั้งนั้นเองถามว่าที่โดนหักอกมาดีขึ้นไหมบอกเลยว่าลืมว่าต้องเสียใจตั้งเเต่รู้ว่าตัวเองตกรถเเล้วแหละ การเดินทางมันมีเซอร์ไพรส์ให้เราได้เสมอเราตั้งใจจะมาเจอบางสิ่ง เเต่สุดท้ายเราก็ได้จดจำบางอย่างกลับไป ขอให้นักอ่านทุกคนที่อ่านมาถึงตรงนี้สนุกกับการเดินทางเเละเปิดใจพร้อมที่จะบันทึกความทรงจำใหม่ๆไปด้วยกันนะคะ