คุณเคยสงสัยมั้ยว่าทำไมปัจจุบันคนถึงเป็นโรคซึมเศร้ากันมากมายคุณคงสงสัยว่าคนที่ป่วยเป็นโรคซึมเศร้านั้นเขาเศร้าแค่ไหน วันนี้ฉันขอเป็นหนึ่งเสียงของคนเป็นโรคซึมเศร้าที่จะมาสื่อสารกับทุกคนว่าเรารู้สึกอย่างไร และสิ่งแรกที่อยากจะบอกคือ “I’m not sad but I’m depression” คือฉันไม่ได้เศร้า แต่ฉันเป็นโรคซึมเศร้า ซึ่งมันเป็นโรคทางจิตเวชที่มีผลมาจากสารในสมองไม่สมดุลตามที่แพทย์วินิจฉัย โดยมีปัจจัยกระตุ้นคือ ความเครียด สภาพแวดล้อม หรือเหตุการณ์ที่กระทบต่อความรู้สึก จึงทำให้เราป่วย ขอให้คุณมองว่าโรคนี้ไม่ต่างจากไข้หวัดที่ต้องได้รับการรักษา มันเป็นความเจ็บป่วย ไม่ใช่แค่อารมณ์เพียงชั่วขณะเท่านั้น และอยากให้คุณเข้าใจความหมายที่ผู้ป่วยพยายามสื่อสาร ซึ่งอาจจะเป็นอาการหรือคำพูดก็ได้ นั่นเป็นสัญญาณที่ทำให้คุณสังเกตคนรอบข้างได้ เพื่อสามารถช่วยคนที่คุณรักได้ทัน ก่อนที่ทุกอย่างจะสายเกินไปฉันเบื่อประโยคนี้คุณอาจจะได้ยินคนที่ป่วยเป็นโรคซึมเศร้าบ่นแบบนี้บ่อย ๆ นั่นเป็นเพราะเรารู้สึกมีความสุขยากขึ้น ทุกอย่างที่เราเคยสนใจกลับเป็นสิ่งที่ไม่น่าสนใจสำหรับเราอีกต่อไป เราอาจแสดงออกด้วยพฤติกรรม เช่น ปลีกตัวออกจากสังคม ไม่อยากพบปะผู้คน อยากนอนมองเพดานเฉย ๆ ไม่อยากทำอะไร ไม่ค่อยดูแลความสะอาดหรือการแต่งกายของตัวเอง เบื่ออาหารหรือรับประทานอาหารมากเกินไป เราไม่ได้เรียกร้องความสนใจ แต่ความเบื่อมันทำให้เราไม่อยากขยับเขยื้อนร่างกายเลยแม้แต่น้อย 2. ฉันเหนื่อย เราหมายถึงเราเหนื่อยที่ต้องต่อสู้กับความรู้สึกลบ ๆ ตลอดเวลา แม้คุณจะเห็นว่าผู้ป่วยโรคซึมเศร้าแทบไม่ทำอะไรเลย ทำไมกลับรู้สึกเหนื่อย คุณรู้หรือไม่ว่าขณะที่เราอยู่นิ่ง ๆ เรากำลังต่อต้านจิตใจด้านลบอยู่ตลอดเวลา เช่น ตอนที่นอนเปื่อยอยู่บนเตียง จิตใจส่วนเหตุผลมันกระตุ้นให้ตัวเองลุกออกจากเตียง ไล่ตัวเองให้ไปทำงาน แต่พอทำไม่สำเร็จเราจะรู้สึกท้อ รู้สึกไม่ดีต่อตัวเอง นั่นยิ่งทำให้อาการเราแย่ลง คุณอย่าไล่ให้เราไปออกกำลังกายเลย อย่าไล่ให้เราไปนั่งสมาธิเลยมันไม่ได้ผล เราไม่มีแรงฝืนตัวเองจริง ๆ หรือแม้กระทั่งคำพูดให้กำลังใจอย่างคำว่า "สู้ ๆ นะ" มันไม่ได้ช่วยเราเลย เรากลับรู้สึกแย่ เพราะเราสู้จนสุดความสามารถแล้ว เราสู้แล้วจริง ๆ โปรดอย่ามองว่าเราอ่อนแอ บอบบาง หรือเป็นพวก EQ ต่ำเลย มันไม่ใช่...เหมือนเวลาที่คุณอ่อนเพลียเพราะฤทธิ์ไข้คุณก็แทบจะไม่มีแรงทำอะไรนั่นแหละ เรารู้สึกแบบนั้น3. ฉันรู้สึกโดดเดี่ยว จริง ๆ ความรู้สึกนี้มันเกิดจากการแปรสารของสมองไปในเชิงลบ แม้ว่าจะมีคนรอบกายมากเพียงใด เราก็รู้สึกโดดเดี่ยว ยิ่งคนที่มีปัจจัยกระตุ้นเป็นการถูกทอดทิ้ง การสูญเสียความสัมพันธ์ที่เราให้ค่ามาก ๆ ก็ยิ่งทวีคูณความรู้สึกโดดเดี่ยวเป็นหลายเท่า และการที่คนรอบข้างไม่เข้าใจในอาการของโรคมันก็เป็นการผลักให้เราออกห่างจากคนรอบข้างมากขึ้น เราจึงรู้สึกเคว้งคว้าง หมดพลังที่จะ Heal ตัวเอง ความรู้สึกนี้จะดีขึ้นเมื่อได้รับการรักษาด้วยยา หรือผู้ป่วยสามารถทำกิจกรรมต่าง ๆ ด้วยตัวเองได้ มันแย่มากเลยนะกับความรู้สึกนี้ เรารู้สึกว่าโลกมันกว้างจนเราไม่เห็นทิศทางที่เราจะไป เหมือนเราตกลงไปในหลุมดำ ไม่สามารถตะเกียกตะกายขึ้นมาได้ บางคนก็รู้สึกเหมือนกำลังจมน้ำแต่ไม่ตาย มันเป็นความอึดอัด สับสน เคว้งคว้างเกินคำบรรยาย เรียกได้ว่าเป็นความรู้สึกที่แย่มาก ๆ 4. ฉันรู้สึกไร้ค่า อาการของโรคซึมเศร้าที่กล่าวมาว่า ทำให้เราเบื่อ เหนื่อย โดดเดี่ยว เมื่อมันรู้สึกแบบนั้นนาน ๆ มันก็ทำให้เราหมดกำลังใจ มองไม่เห็นคุณค่าในตัวเอง บางครั้งมันก็เกิดคำถามขึ้นในใจว่า "ทำไมต้องเป็นแบบนี้" "ทำไมเรื่องร้าย ๆ ต้องเกิดกับฉัน" "ฉันไม่มีค่าอะไรเลยหรือ" เมื่อคำถามเหล่านี้ประดังประเดเข้ามาในหัว เราก็ยิ่งเครียด รู้สึกเกลียดตัวเอง โทษตัวเอง มันทำให้เรารู้สึกว่าตัวเองไร้ค่า การเกิดมาไม่ได้เป็นความโชคดีเลย แล้วคุณจะทำอย่างไรให้คนใกล้ตัวรู้สึกดีขึ้นหรือหลุดจากความรู้สึกนี้น่ะเหรอ...ฉันไม่รู้ แต่ฉันรู้สึกดีเวลาที่ฉันมีคนเข้ามากอด (ไม่ต้องพูดปลอบ ไม่ต้องแสดงความสงสารนะ) หรือการชักชวนให้ผู้ป่วยทำกิจกรรมจิตอาสา การชื่นชมก็เป็นการเสริมแรงให้ผู้ป่วยมีพลังมากขึ้นได้5. ไม่มีใครเข้าใจฉันเลย บางครั้งเราพยายามจะสื่อสารกับคนรอบข้างเพื่อขอความช่วยเหลือ เช่น การระบายความทุกข์ให้ฟัง หรือการขออยู่ข้าง ๆ ใครสักคน คุณรู้ไหมว่าเราชั่งใจอยู่นานนะ กว่าจะกล้าเข้าหาใครสักคนเพื่อรองรับอารมณ์ความเจ็บปวดทางใจ มันไม่ง่ายเลย เพราะอาการป่วยของเราเป็นเรื่องยากที่ใครจะเข้าใจ บางคนพยายามปลอบเมื่อเราระบายความทุกข์ บางคนพยายามแก้ปัญหาให้ ทำอย่างนั้นสิ ทำอย่างนี้สิ...บางคนบอกให้เลิกเศร้า บางคนบอกให้สู้สิ ....ไม่มีใครเข้าใจเราเลย ความเจ็บปวดที่เราเป็นมันกัดกินความรู้สึกเราจนไม่สามารถจะดึงตัวเองได้เลย ยิ่งใช้มาตรฐานของผู้ฟังมาตัดสินเรา เราก็ยิ่งแย่ ยิ่งรู้สึกอยากออกห่างจากผู้คนมากขึ้น บางคนตั้งคำถามว่า "ทำไมถึงเป็นแบบนี้" "ทำไมถึงงี่เง่าจัง" "ปัญหาแค่นี้เอง"....เฮ้อ! ฉันอยากบอกคุณว่า คุณไม่เป็นฉันคุณไม่มีวันเข้าใจหรอก ความเข้มแข็งของคนเราไม่เท่ากัน การให้ค่ากับสิ่งต่าง ๆ ของแต่ละคนก็ไม่เท่ากัน แล้วอย่างนี้คุณจะเอาตัวคุณมาตัดสินเราเพื่ออะไร6. ฉันไม่ไหวแล้ว ผู้ป่วยที่ไม่ได้รับการรักษามักจะคิดว่าอารมณ์ที่เกิดขึ้นเป็นสภาวะของอารมณ์ คนใกล้ชิดก็อาจจะตีความพฤติกรรมของผู้ป่วยว่าเป็นคนเจ้าอารมณ์ ขี้เหวี่ยง ขี้วีน อ่อนแอ EQต่ำ มันยิ่งทำให้ผู้ป่วยแย่ลงจนทนสภาพอารมณ์ลบของตัวเองไม่ไหว หรือแม้กระทั่งคนที่ได้รับการรักษาด้วยยาและทำจิตบำบัดแล้วก็อาจจะมีความรู้สึกแย่ หรือที่เรียกว่าอาการดิ่ง อาการดาวน์จนทนไม่ไหว อาจเป็นเพราะฤทธิ์ของยาที่ทำให้เกิดความกระสับกระส่ายในบางคน เป็นสภาพอารมณ์ที่ทุกข์ทรมานจนไม่รู้จะทำอย่างไรกับตัวเอง สติเริ่มขาดหาย ในตอนนั้นจะตกอยู่ในห้วงอารมณ์ลบอย่างรุนแรงจนอยากยอมแพ้ ไม่อยากรักษาแล้ว การได้รับการกอดจากคนที่รัก คนใกล้ชิดจะเป็นการช่วยเหลือขั้นเบื้องต้นที่ดีที่สุด ในความรู้สึกของฉันนะ ฉันรู้สึกว่าวิธีนี้ได้ผลดี7. ฉันอยากตาย ความรู้สึกนี้อาจจะไม่ได้เกิดขึ้นกับผู้ป่วยโรคซึมเศร้าทุกคนนะ กรณีของฉันไม่มีความคิดนี้เลยในตอนแรก แต่พอเริ่มดิ่ง และดาวน์มาก ๆ จนทนไม่ไหว มันก็มีความคิดแว้บขึ้นมาในหัวว่าอยากหยุดแล้ว....แล้วทำให้สมองคิดต่อไปว่าจะหยุดอย่างไร....คำตอบคือหยุดชีวิต สมองเริ่มสร้างภาพวิธีการตายออกมาให้เลือกโดยที่เราไม่ได้ตั้งใจ ตอนแรกฉันก็ตกใจกับความคิดตัวเองนะ จึงรีบเอาตัวเองไปอยู่กับเพื่อนสนิท และพยายามบอกความรู้สึกกับเพื่อน การบอกว่าอยากตาย ไม่ใช่การเรียกร้องความสนใจอย่างที่ทุกคนคิด แต่เป็นการส่งสัญญาณขอความช่วยเหลือว่าฉันยังไม่อยากตาย ฉันกลัว ฉันกลัวจะเผลอยอมรับความคิดนี้ แล้วลงมือทำมันจริง ๆ ช่วยฉันด้วย หากไม่ได้รับการช่วยเหลือหรือหนทางหยุดความคิดอยากฆ่าตัวตาย ความคิดมันจะไหลไปสู่การวางแผนฆ่าตัวตาย ในช่วงที่อยู่ในอารมณ์นั้นเราจะสงบลง ถ้าคุณเป็นคนใกล้ชิดกับผู้ป่วยให้สังเกตว่าเขาสงบลงเพราะอะไร การแสดงออกว่ามีความสุขอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อนไม่ใช่สัญญาณที่ดีแน่ ๆ รวมถึงการกล่าวขอบคุณ ขอโทษ สั่งลา เขียนพินัยกรรม หรือการเก็บข้าวของส่วนตัวใส่กล่อง การบริจาคสิ่งของมีค่านั่นเป็นสัญญาณว่าฉันตัดสินใจแล้ว ฉันจะไปแล้วนะ...หากคุณไม่อยากเสียคนรักไป ควรเฝ้าติดตามอาการอย่างใกล้ชิด มิฉะนั้นเขาจะฆ่าตัวตายสำเร็จแน่นอน ส่วนตัวฉันเคยคิดถึงขั้นวางแผน และจัดเตรียมเอกสารการเงินที่พ่อแม่จะได้รับผลประโยชน์ เพราะตอนนั้นคิดว่าทรมานเหลือเกิน...แต่ฉันหลุดออกมาจากห้วงความคิดนั้นได้ เพราะเพื่อนยื้อสุดชีวิต เข้ามากอด ปลอบ และบอกกับฉันว่าเขารักฉัน พ่อแม่รอฉันอยู่ อย่าทำแบบนี้ กลับไปหาพ่อแม่นะ...ฉันได้รับการกอดปลอบอยู่สักพัก เพื่อนพาไปนั่งที่ทะเลซึ่งฉันชอบทะเลมาก เพื่อนคอยถามว่าตอนนี้รู้สึกอย่างไร อยากระบายไหม ฉันบอกความรู้สึกไป เพื่อนรับฟังฉันทุกอย่าง และเขาก็บอกว่าอย่ายอมแพ้มันมันไม่ใช่ความคิดฉันเลย ฉันตัวจริงเป็นนักสู้ เป็นนางฟ้าของเด็ก ๆ ฉันจะใจร้ายให้คนข้างหลังใจสลายจริง ๆ เหรอ...ฉันตัดสินใจกลับไปหาพ่อกับแม่ โดยที่ไม่บอกว่าฉันมีความคิดอยากตาย ท่านทั้งสองรู้เพียงว่าฉันเป็นโรคซึมเศร้า ท่านให้ความอบอุ่นกับฉันมาก แม่เตรียมของโปรดให้ฉัน แกะปู กุ้งใส่ไว้เต็มจาน ทำน้ำจิ้มซีฟู้ดที่ฉันชอบให้ฉันกิน และเฝ้าดูฉันกินอย่างอร่อย ดูเหมือนท่านจะมีความสุขที่ฉันกินอะไรได้มากขึ้น ส่วนพ่อท่านก็พาฉันนั่งรถเล่น พาฉันไปที่ที่ฉันอยากไป ฉันลอบมองหน้าพ่อแม่มันเหมือนห้วงสติฉันกลับมา ฉันคิดขึ้นว่าถ้าฉันไม่อยู่แล้วท่านทั้งสองจะเสียใจแค่ไหน ถ้าครั้งหน้าฉันกลับมาเพียงร่างที่ไร้ลมหายใจ หัวใจท่านจะสลายแค่ไหน...ฉันจึงอดทนสู้กับมันอีกครั้ง คราวนี้ฉันพยายามเอาใจฉันเป็นที่ตั้ง แคร์คนอื่นน้อยลง พาตัวเองไปในที่ที่ฉันอยากไป ฉันดีขึ้น....ฉันไม่อยากตาย ฉันเขียนลงในไดอะรีเพื่อเตือนสติตัวเองว่าฉันไม่ได้อยากตาย ฉันยังอยากออกเดินทางไปท่องเที่ยวอีกหลายที่ ฉันจะอยู่ต่อ และฉันต้องหายให้ได้ คุณได้อ่านความรู้สึกของคนที่ป่วยเป็นโรคซึมเศร้ามาถึงตอนนี้แล้วคุณรู้สึกอย่างไรไม่ต้องสงสารเรานะ อยู่ข้าง ๆ เรา รับฟังเราอย่างเข้าใจ และไม่ตัดสินความคิดเรา (มันเป็นเสียงของโรค) และสำรวจความรู้สึกตัวเองว่าคุณไหวไหมที่จะอยู่เคียงข้างเรา หากคุณไม่ไหวคุณปรึกษาจิตแพทย์ได้นะ เขาให้แนวทางแก่คุณได้ ปล. ถึงผู้ป่วยโรคซึมเศร้า ฉันเป็นเพื่อนคุณ และฉันได้ทำหน้าที่บอกความรู้สึกที่เราเป็นแทนพวกคุณแล้ว มันไม่ง่ายเลยกับเจ้าโรคนี้ แต่เราต้องรักและเมตตาตัวเองมาก ๆ นะ กินยาให้ตรงเวลา กินอาหารอร่อย ๆ ที่เราชอบนะ ไปเที่ยวที่เราอยากไปกัน เราต้องหายจากโรคนี้นะ จับมือแล้วสู้ไปด้วยกัน แล้วบอกรักตัวเองทุกวันนะ ขอบคุณภาพหน้าปกจาก John Hain https://pixabay.com/th/illustrations