เสื้อกันหนาวตัวเดียวเที่ยว "ปาย" บันทึกการเดินทางของ "สเลเต" ครั้งนี้ต้องย้อนกลับไปเมื่อ 4 ปีที่แล้วตอนที่อยู่ปี 1 ช่วงที่รอสอบมิดเทอมดูตารางสอบแล้วว่างยาวจนสามารถเก็บกระเป๋าไปเที่ยวกันได้ พอปรึกษาหารือกันในกลุ่มเพื่อนแล้วก็ได้ข้อสรุปว่า จะไปเที่ยว "ปาย" นั่นเอง (เพื่อนในกลุ่มบ้านอยู่ปาย) แล้วก็เก็บกระเป๋าเดินทางโดยรถตู้ เชียงใหม่ - ปาย ตั๋วตอนนั้นอยู่ที่ 150 บาท(ตอนนี้ไม่แน่ใจนะคะ) เรื่องตลกร้ายของการเดินทางคงจะหนีไม่พ้นเรื่องเมารถแน่ ๆ ก็ "ปาย" ไทยแลนด์ ดินแดนแห่งโค้งนะสิคะ จากเชียงใหม่ไป ทั้งโค้งซ้ายโค้งขวา โค้งเล็กโค้งใหญ่ รวม ๆ แล้วก็ 752 โค้งโดยประมาณ โอมายก๊อด!!!! ขนาดคนในพื้นที่แท้ ๆ ที่เดินทางไปกลับบ่อยกว่านักท่องเที่ยว ยังเมารถเลย "สเลเต" กับเพื่อนอีกคนขอไม่รับรู้กินยาแก้เมาแล้วหลับไปเลยดีกว่า แต่ในทริปนี้มีผู้ท้าชิงเพียง 1 คนที่แข็งแกร่งมาก 752 โค้ง เดินทางราว ๆ 3 ชั่วโมงทำอะไรเค้าไม่ได้เลยจริง ๆ ส่วนเจ้าบ้านยกธงขาวตั้งแต่ยังไม่ขึ้นรถด้วยซ้ำ (โถ่สงสารน้องเค้านะคะฮ่าฮ่าฮ่า) หลังจากการเดินทางราว 3 ชั่วโมงอันมหาโหด พวกเราทั้ง 4 คน ก็ถึงอำเภอเมือง "ปาย" จังหวัดแม่ฮ่องสอนอย่างปลอดภัย พอลงรถปุ๊บก็ถูกต้อนรับขับสู้เป็นอย่างดี อาหารมื้อแรกโดย "เชฟแม่เพื่อน" ของเรานั่นเอง กินข้าวอิ่ม อาการอยากเที่ยวก็เหมือนจะมากขึ้นด้วย เหมือนกับว่า "กองทัพต้องเดินด้วยท้อง" เราจึงทำการเช่ารถมอเตอร์ไซค์(ราคาจำไม่ได้แล้วนะคะ) เพื่อให้สะดวกในการเดินทาง ที่แรกที่ไปเลยก็คือ บ้านเพื่อนนั่นเอง เอาของไปเก็บที่นั่นแล้วเที่ยวที่ใกล้ ๆ นั่นก็คือน้ำตกหมอแปง ถึงตอนนั้นที่ "สเลเต" กับเพื่อนไปกันน้ำไม่มากนัก แต่ก็ยังพอมีนักท่องเที่ยวอยู่บ้าง เพราะว่าน้ำตกอยู่ห่างจากตัวเมืองไม่มาก หลังจากลงมาจากน้ำตกเราก็ย้ายร่าง กลับเข้าตัวเมืองอีกครั้งเพื่อไปสมทบกับเพื่อน ๆ อีกกลุ่มที่เพิ่งมาถึงและยังไม่รู้ว่าจะไปเที่ยวไหนกันดี แต่ปัญหาก็เกิดขึ้นเมื่อเราตาม GPS ไปแล้วมันพาวน จากที่จะเจออยู่แล้วดันอ้อมไปอีกทาง (โถ่สงสารน้องเค้านะคะฮ่าฮ่าฮ่า) และเราก็หากันจนเจอ ตกลงได้ข้อสรุปว่าจะไป "โป่งน้ำร้อนท่าปาย" แต่ระหว่างทางเราก็แวะไหว้พระที่ "วัดพระธาตุแม่เย็น" ซึ่งเดินขึ้นบันไดไปจะพบกับ "พระพุทธโลกุตระมหามุนี" พระพุทธรูปปางมารวิชัยสีขาวองค์ใหญ่ และเห็นวิวทิวทัศน์เมืองปายได้เป็นอย่างดี ตอนที่ "สเลเต" ไปตอนนั้นยังสร้างไม่เสร็จดีเท่าไหร่นะคะ ดูได้จากราวบันได แต่ก็สวยงามมากอยู่เหมือนกันเน้ออ จากนั้นก็เดินทางต่อไปที่ โป่งน้ำร้อนท่าปาย ค่าเข้า (น่าจะอยู่ที่ประมาณ 30 บาท ณ ตอนนั้นนะคะ) เด็ก ผู้ใหญ่ คนไทย ชาวต่างชาติ ราคาต่างกันนะคะ ค่าที่จอดรถก็แยกกัน และที่สำคัญนอกจากจะลงไปแช่น้ำร้อนแล้ว เอาไข่ไปลวกก็อร่อยมาก ๆ เช่นเดียวกัน แต่ที่ต้องระวังเลยก็คือ ยิ่งเดินเข้าไปลึกเท่าไหร่ น้ำก็จะยิ่งร้อนมากขึ้นเท่านั้น ใครที่ไปก็ต้องดูป้ายที่ติดบอกให้ดี ๆ ว่าอันไหนลงได้อันไหนลงไม่ได้ เพราะว่าอาจจะเกิดอันตรายกับตัวเองได้ถ้าลงไปแช่น้ำที่ร้อนเกินไป ตรงที่ลวกไข่น้ำร้อนมี อุณหภูมิอยู่ที่ 80 – 100 องศาเซลเซียสเลยทีเดียว สุดท้าย ท้ายสุด สำหรับวันแรกของทริป นั่นก็คือ ถนนคนเดินนั่นเอง "ถนนคนเดินเมืองปาย" แหล่งรวมของขาย ของกินพื้นถิ่น เยอะมาก ว่ากันว่ามาปายจะไม่มาเดินถนนคนเดินได้อย่างไรจริงไหม? ยามเย็นของเราเลยเดินเล่นชมของแฮนด์เมด ของฝาก ของที่ระลึก ต่าง ๆ นา ๆ โปสการ์ด เสื้อผ้า เครื่องประดับ ทั้งชาวไทยชาวต่างชาติ พ่อค้าแม่ขายทำให้ถนนคนเดินเล็ก ๆ คึกครื้นมาก ๆ ทริปของพวกเรายังไม่จบเท่านี้ แต่มันเพิ่งจะเริ่มต้นขึ้น "สเลเต" จะมาเล่าเรื่องราวการท่องเที่ยวของ "สเลเต" เองให้ฟังอีก ต่อจาก "ปาย" ไปต่อที่ "แม่ฮ่องสอน" เรื่องราวของเรา 4 คนจะเป็นอย่างไร? แล้วสเลเตจะมาเล่าเรื่องราวของสเลเตผ่านตัวอักษรให้ฟังอีกนะคะ - "สเลเต" -