"เจ้าหญิงดิสนีย์" หากพูดคำนี้ขึ้นมาน่าจะได้เห็นแววตาเป็นประกายของเด็กน้อยตัวจิ๋ว วัย 5 ขวบ 10 ขวบ ที่ก็คงจะแย่งกันพูดชื่อเจ้าหญิงที่ตัวเองชอบกันยกใหญ่ น่ามหัศจรรย์จริง ๆ เลยนะคะ หากนับตั้งแต่เจ้าหญิงองค์แรกอย่าง เจ้าหญิงสโนว์ไวท์ ได้โลดแล่นบนแผ่นฟิล์มออกสูสายตาสาธารณชนในปี พ.ศ. 2480 จนถึงปัจจุบันก็เป็นเวลายาวนานเกิน 80 ปี เลยทีเดียว ผลพวงของความสำเร็จที่สามารถกินเวลามายาวนานได้ขนาดนี้ ไม่อาจปรามาสได้ด้วยคำว่า "ความสำเร็จชั่วข้ามคืน" แต่แลกมาด้วยการเดิมพันทั้งชีวิตของผู้ชายที่ชื่อ วอลเตอร์ อีเลียส ดิสนีย์ (Walter Elias Disney) ผู้ร่วมก่อตั้ง บริษัทเดอะวอลต์ดิสนีย์ ที่เรารู้จักกันในปัจจุบัน บทความชุด "เส้นทางสู่การเป็นเจ้าหญิงดิสนีย์ (ที่ไม่ได้โรยด้วยกลีบกุหลาบ)" นี้จะพาเพื่อน ๆ ย้อนอดีตไปสู่ต้นกำเนิดของเจ้าหญิงแต่ละองค์ที่กว่าจะออกมาเผยโฉมผ่านหน้าจอได้นั้น มีทั้งเรื่องราวของการโดนดูถูกเหยียดหยาม ความทรหดแบบเหลือเชื่อ บริษัทเกือบล้มละลาย ไปจนถึงการตัดสินใจที่ผิดพลาดจนทำให้ดิสนีย์เข้าสู่ยุคมืด สำหรับตอนแรกของบทความชุด "เส้นทางสู่การเป็นเจ้าหญิงดิสนีย์ (ที่ไม่ได้โรยด้วยกลีบกุหลาบ)" นี้เรามาดูกันว่ากว่าจะกลายมาเป็นภาพยนตร์อนิเมชั่นเรื่อง สโนว์ไวท์กับคนแคระทั้งเจ็ด ในฐานะของภาพยนตร์อนิเมชั่นเรื่องยาวเรื่องแรกของโลกนั้น พวกเขาผ่านอะไรกันมาบ้าง สโนว์ไวท์กับคนแคระทั้งเจ็ด ภาพยนตร์อนิเมชั่นที่ดัดแปลงมาจากเทพนิยายของพี่น้องตระกูลกริมม์ (The Brothers Grimm) นอกจากจะเป็นจุดเริ่มต้นของภาพยนตร์อนิเมชั่นเรื่องยาวจากค่ายดิสนีย์แล้ว ยังเป็นภาพยนตร์อนิเมชั่นเรื่องยาวเรื่องแรกของสหรัฐอเมริกาอีกด้วย เพราะเทคโนโลยีของการสร้างอนิเมชั่นในสมัยนั้น ยังคงเป็นการวาดและลงสีด้วยมือภาพต่อภาพและเพื่อสร้างสรรค์ภาพเคลื่อนไหวให้ลื่นไหลและสมจริงนั้น ภาพเคลื่อนไหว 1 วินาที จะประกอบไปด้วยภาพ 24 ภาพ และสำหรับภาพยนตร์อนิเมชั่นอย่าง สโนว์ไวท์กับคนแคระทั้งเจ็ด ที่มีความยาวถึง 83 นาทีนั้น ต้องใช้ศิลปินมากถึง 750 คน เพื่อวาดภาพและลงสีให้ได้ 120,000 ภาพ โครงการขนาดยักษ์ที่ต้องแลกมาด้วยเม็ดเงินลงทุนมหาศาล แถมยังไม่เคยมีใครสร้างภาพความสำเร็จให้เห็นมาก่อนอีกต่างหาก ทำให้ทั้ง Roy O. Disney ผู้เป็นทั้งพี่ชายและผู้ร่วมก่อตั้งธุรกิจ และ ลิเลียน ภรรยาของ คุณ วอล์ท ดิสนีย์ เอง ต่างก็คัดค้านความคิดนี้ ประกอบกับในขณะนั้นดิสนีย์สตูดิโอที่เคยทำแต่อนิเมชั่นตอนสั้นๆ ก็มีอนิเมชั่นซีรี่ส์ที่ประสบความสำเร็จอย่าง Mickey Mouse และ Silly Symphonies อยู่แล้ว ทำให้สื่อมวลชนต่างก็ตั้งฉายาให้โครงการยักษ์นี้ว่า "ความโง่เขลา ของ วอลต์ ดิสนีย์" ("Walt Disney's Folly")แต่ก็ไม่มีอะไรจะมาขัดขวางความมุ่งมั่นของ คุณ วอล์ท ดิสนีย์ ไว้ได้ เพราะเขามองว่าไม่ช้าก็เร็ววงการอนิเมชั่นก็ต้องก้าวไปสู่การทำภาพยนตร์อนิเมชั่นเรื่องยาวในที่สุด และการสร้างภาพยนตร์อนิเมชั่นเรื่องยาวเรื่องแรกของดิสนีย์ก็ถูกกำหนดงบประมาณในการสร้างไว้ที่ 250,000 ดอลลาร์สหรัฐฯ ซึ่งสูงกว่างบประมาณในการสร้างอนิมเชั่นตอนสั้นๆ ถึง 10 เท่า แต่เมื่องบประมาณที่ตั้งไว้บานปลายขึ้นเรื่อยๆ คุณ วอลต์ ดิสนีย์ ถึงขั้นต้องจำนองบ้านเพื่อนำเงินมาสร้างอนิเมชั่นต่อให้เสร็จและสุดท้าย สโนว์ไวท์กับคนแคระทั้งเจ็ด ก็เสร็จสมบูรณ์ด้วยต้นทุนการผลิตที่สูงถึง 1.5 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ใช้เวลาในการผลิตนาน 3 ปี ตั้งแต่ ปี ค.ศ. 1935 ถึง ปี ค.ศ. 1937 และผลตอบแทนของศรัทธาอันแรงกล้านี้ก็เรียกได้ว่าหายเหนื่อย เพราะ สโนว์ไวท์กับคนแคระทั้งเจ็ด ได้สร้างปรากฏการณ์กวาดรายได้แบบถล่มทลายอย่างที่ไม่เคยมีภาพยนตร์เรื่องใดทำได้มาก่อน เพียงแค่การฉายรอบแรก เฉพาะในสหรัฐฯ และ แคนาดา ก็ทำรายได้สูงถึง 4 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ นอกจากนี้ ยังมีการนำกลับมาฉายซ้ำแล้วซ้ำอีก รวมเบ็ดเสร็จแล้ว ภาพยนตร์เรื่องนี้กวาดรายได้สูงถึง 418 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ นอกจากความสำเร็จด้านรายได้แล้ว สโนว์ไวท์กับคนแคระทั้งเจ็ด ยังได้รับการยกย่องให้เป็น 1 ใน 100 ภาพยนตร์ที่ดีที่สุดของฮอลลีวู้ด และยังทำให้ คุณ วอลต์ ดิสนีย์ ได้รับรางวัลออสการ์พิเศษ ในฐานะผู้สร้างภาพยนตร์อนิเมชั่นเรื่องยาวเรื่องแรกของโลก เป็นรางวัลออสการ์ที่ได้รับการออกแบบเป็นพิเศษ นอกจากจะมีตุ๊กตาทองขนาดปกติแล้วยังมีตุ๊กตาทองตัวจิ๋วเรียงลำดับกันลงมาอีก 7 ตัว เพื่อเป็นเกียรติแก่ภาพยนตร์เรื่อง สโนว์ไวท์กับคนแคระทั้งเจ็ด อีกด้วยเป็นยังไงบ้างคะ กับเรื่องราวกว่าจะกลายมาเป็นเจ้าหญิงดิสนีย์ในตอนนี้ จะเห็นได้เลยว่าสิ่งหนึ่งที่ทำให้สโนว์ไวท์และคนแคระทั้งเจ็ดเดินทางมาถึงจุดที่ได้โลดแล่นบนแผ่นฟิล์มนั้น ก็คือ ความเชื่อที่แข็งแกร่งของ คุณ วอลต์ ดิสนีย์ ทำให้สามารถก้าวข้ามบททดสอบที่ผ่านเข้ามาครั้งแล้วครั้งเล่าได้ในที่สุด และจะสังเกตได้ว่าพลังแห่งความเชื่อที่ดิสนีย์ได้แสดงให้คนทั้งโลกประจักษ์มาแล้วหลายสิบปีก่อน ก็ยังคงถูกถ่ายทอดอยู่ในเรื่องราวของเจ้าหญิงดิสนีย์รุ่นสู่รุ่น ไม่ว่าเรื่องราวของเจ้าหญิงดิสนีย์จะเปลี่ยนไปอย่างไร แต่แกนหลักของเรื่องจะยังคงแสดงให้เห็นถึงพลังแห่งความเชื่อที่นำไปสู่ความสำเร็จเสมอ แล้วเพื่อน ๆ ล่ะคะ กำลังหมดแรงกับการเดินตามความฝันกันอยู่หรือเปล่า? หวังว่าเรื่องราวกว่าจะกลายมาเป็นเจ้าหญิงสโนว์ไวท์ในบทความนี้จะช่วยสร้างแรงบันดาลใจ เป็นอีกหนึ่งเชื้อไฟให้พลังแห่งความเชื่อของเพื่อน ๆ ยังคงลุกโชนอยู่เสมอนะคะ ติดตามเรื่องราวสนุก ๆ ที่ซ่อนอยู่ในการ์ตูนกันต่อได้ ที่นี่:YouTube: ThaiiDeoGraphFacebook: ThaiiDeoGraphInstagram: @aorii8happyเครดิตรูปภาพ: รูปภาพปก, รูปภาพที่ 1, รูปภาพที่ 2, รูปภาพที่ 3, รูปภาพที่ 4, รูปภาพที่ 5, รูปภาพที่ 6, รูปภาพที่ 7