ถ้าไม่มีไวรัสโควิด-19 ที่ระบาดอยู่ในช่วงนี้ ตอนนี้คงได้ไปเปิดประสบการณ์ที่ไหนซักแห่งบนโลกใบนี้ แต่ไม่เป็นไรเอาเรื่องราวของวันนี้เมื่อปีที่แล้วมาระลึกประทังต่อมอยากเที่ยวให้หายไปซักหน่อยดีกว่า UNEXPECTED BRUNEI “Brunei” บรูไน หรือเนการาบรูไนดารุสซาลาม LET’S START THE GOOD MEMORIES เมืองบันดาร์เสรีเบกาวัน เมืองหลวงของบรูไน เป็นเมืองหลวงที่มีขนาดไม่ใหญ่มากนัก รถไม่หนาแน่น มีต้นไม้ใหญ่ปกคลุมให้ร่มเงาตลอดทาง บ้านเมืองสะอาดมาก เรื่องอาหารก็เน้นเป็นอาหารทะเล เพราะพื้นที่ทั้งหมดอยู่บนเกาะ ดังนั้นอาหารทะเลที่นี่ถูกมาก แถมได้กุ้งตัวใหญ่ ๆ ปูตัวอ้วน ๆ ยังมีหอยและปลาสด ๆ อีกด้วย ราคาก็ไม่แพงเพราะบรูไนเรื่องของอาหารเค้ามีมาตรฐานเดียวกัน สดและอร่อยถูกปาก ถูกใจในราคามากๆ ระหว่างทางขับรถเข้าเมือง เราผ่านมัสยิดทองคำ หรือ Jame Asr’ Hassanil Bolkiah Mosque เป็นมัสยิดที่ทรงคุณค่าอย่างมาก ถูกสร้างขึ้นในปีค.ศ. 1988 และเสร็จในปีค.ศ. 1994 ตั้งอยู่ใจกลางกรุงบันดาร์เสรีเบกาวัน วัสดุที่ใช้ในการก่อสร้างนั้นล้วนเป็นวัสดุชั้นดีที่มาจากทั่วทุกมุมโลก มีจุดเด่นอยู่ที่โดมทองคำขนาดยักษ์ โดยในช่วงใกล้ค่ำจะยิ่งสวยงามเป็นพิเศษ จนได้รับการจัดอันดับให้เป็น 1 ใน 10 มัสยิดที่งดงามที่สุดในโลก THE WORLD’S FERTILE FOREST มาสัมผัสบรูไนในแง่มุมของความอุดมสมบูรณ์กันบ้างดีกว่า ไฮไลต์ของสถานที่ท่องเที่ยว ซึ่งเป็นแม่เหล็กให้เราเดินทางมาทริปนี้คือ Ulu Temburong National Park หรืออุทยานแห่งชาติอูรู เทมบูรอง ตั้งอยู่อีกฟากหนึ่งของบรูไน บนเกาะซึ่งมีพื้นที่ของรัฐซาบาห์-ซาราวัก ่ของประเทศมาเลเซียขนาบอยู่ เป็นอุทยานฯ และเป็นป่าดิบชื้นมีพื้นที่รวม ๆ 550 ตร.กม. อยู่ในเขตป่าสงวน Batu Apoi การมาเที่ยวที่อุทยานฯ สามารถมาได้ทั้งทางบกและทางน้ำ แต่ด้วยเวลาที่มีจำกัดกับแพ็กเกจเที่ยวอุทยานฯ แบบ 1 วัน เราจึงเลือกมาทางน้ำดีกว่าเพราะประหยัดเวลาได้เร็วกว่า การเดินทางก็เริ่มจากการลงเรือโดยสารจากท่าเรือในเมืองตอน 7 โมงเช้า มาที่ทำการอุทยาน Batu Apoi โดยใช้เวลาประมาณ 45 นาที จากนั้นนั่งรถตู้อีก 15 นาที ไปยังท่าเรือของ Ulu Ulu Resort เพื่อต่อเรือเล็กเข้าไปตรงรีสอร์ทและพื้นที่อุทยานฯ ด้านในอีกที เรือเล็กที่ว่าคล้าย ๆ เรือหางยาวบ้านเรา นั่งได้ 4-5 คนต่อลำ เส้นทางเรือจะผ่านโค้งน้ำและป่าดิบชื้นเขียวชอุ่ม (จังหวะนี้แนะนำให้สูดหายใจเข้าลึก ๆ ให้เต็มปอด) นั่งเรือประมาณ 40 นาที ก็มาถึง Ulu Ulu Resort บอกเลยว่าถ้าไม่ใช่สายธรรมชาติจริง อาจมีบ่นบ้าง แต่สำหรับพวกเรา…ฟินมาก! ถึงรีสอร์ทก็ประมาณ 10 โมง ลงทะเบียนนักท่องเที่ยวก่อน และไปนั่งพักชมการแสดงพื้นเมืองพร้อมกินขนมพื้นเมือง (ประมาณ 30 นาที) ออมแรงสำหรับการเดินเที่ยวชมรอบ ๆ อุทยานฯ ที่ Ulu Ulu Resort ซึ่งตั้งอยู่ท่ามกลางแมกไม้ มีห้องพักบริการให้กับนักท่องเที่ยวสไตล์ล็อกเคบินเป็นหลัง ๆ มีสิ่งอำนวยความสะดวกพร้อม กว้างขวางและสะอาดมาก แถมเป็นห้องแอร์ด้วยนะ จากนั้น กิจกรรมของจริงจึงได้เริ่มขึ้น เดินเท้ามุ่งหน้าสู่อุทยานแห่งชาติอูลู เทมบูรอง ที่นี่มีกิจกรรมสุดท้าทายอย่าง Canopy Walk ทางเดินชมศึกษาธรรมชาติบนเรือนยอดไม้ ที่กว่าจะได้ชมความสวยงามของผืนป่าต้องแลกมาด้วยความหวาดเสียว เพราะต้องปีนป่ายบันไดวัดใจกว่า 850 ขั้นขึ้นไป แต่รับรองว่าคุ้มเสียยิ่งกว่าคุ้ม ถ้าคุณไม่ใช่คนที่กลัวความสูงจนเกินไป นั่งรับลมชมวิวสุดอลังการได้สักพักจึงกลับลงมาที่รีสอร์ท อิ่มอร่อยกับอาหารกลางวันและมีเวลาอิสระได้พักผ่อน หรือใครอยากเล่นน้ำ แช่ตัวในธารน้ำไหลหน้ารีสอร์ท หรือไปพายแคนูก็ย่อมได้ ก่อนถึงเวลากลับเข้าตัวเมืองบันดาร์เสรีเบกาวันประมาณบ่าย 2 โมง (การมาเที่ยวอุทยานแห่งชาติอูลู เทมบูรอง ต้องนั่งเรือ นั่งรถ ตากลมและตากแดด ดังนั้นควรพกครีมกันแดด แว่นตากันแดด เสื้อผ้าที่สวมใส่สบาย รวมทั้งรองเท้าผ้าใบหรือรองเท้าแตะแบบรัดส้น เพราะช่วงนั่งเรือเล็กอาจโดนน้ำกระเซ็นใส่จนเปียก ควรพกกระเป๋ากันน้ำหรือขวดน้ำสำหรับดื่มระหว่างการเดินเที่ยว เนื่องจากที่อุทยานฯ ไม่มีน้ำแบบขวดจำหน่าย) ALL ABOUT BRUNEI เที่ยวชมเมืองหลวง “บันดาร์เสรีเบกาวัน” เป็นที่ตั้งสถานที่สำคัญของประเทศ เช่น พระราชวังหลวง ซึ่งจะเปิดให้เข้าชมปีละ 1 ครั้ง ในช่วงหลังวันรอมฎอน นอกจากนั้นเรายังได้ไปเยี่ยมชมมัสยิดโอมาร์ อาลี ไซฟุดดิน หรือ Sultan Omar Ali Saifuddien Mosque มัสยิดหลวงขององค์สุลต่านที่สวยงามและโดดเด่น ตั้งอยู่ใจกลางเมือง เป็นมัสยิดเก่าแก่ สร้างขึ้นเพื่อเป็นเกียรติแก่สุลต่านโอมาร์ อาลี ไซฟุดดิน ซึ่งเป็นสมเด็จพระราชาธิบดีองค์ที่ 28 ของบรูไน ซึ่งทรงออกแบบและดำเนินการสร้างด้วยพระองค์เอง จนได้รับการยกย่องว่าเป็นสถาปนิกสมัยใหม่ของบรูไน มัสยิดแห่งนี้เป็นศูนย์รวมความศรัทธาของชาวมุสลิมในบรูไนอีกด้วย กัมปงอาเยอร์ หรือ Kampong Ayer หมู่บ้านลอยน้ำที่สะท้อนภาพของประเทศ ที่เริ่มต้นขึ้นจากหมู่บ้านเล็ก ๆ ริมฝั่งแม่น้ำบรูไน ที่มีชุมชนประกอบอาชีพจับปลา ผลิตสินค้าหัตถกรรมจากไม้ เงิน และทองแดง ถึงปัจจุบันบรูไนได้ชื่อว่าเป็นประเทศที่มีความเจริญทางเศรษฐกิจ แต่ชาวบรูไนนั้นไม่เคยหลงลืมรากเหง้าของตนเอง ทำให้หมู่บ้านกลางน้ำกัมปงอาเยอร์ยังคงอยู่ และพัฒนาขยายออกไปเรื่อย ๆ จนปัจจุบันเป็นหมู่บ้านกลางน้ำที่ใหญ่ที่สุดในโลก ที่นี่เป็นที่อยู่อาศัยของคนบรูไนถึง 10% ของประชากรทั้งประเทศด้วย ยังเป็นสถานที่แสดงให้เห็นถึงมรดกทางวัฒนธรรมริมน้ำของประเทศและของโลกที่มีเอกลักษณ์อย่างที่สุด จนทำให้มีนักท่องเที่ยวสนใจแวะเวียนมาเที่ยวชมตลอดปี และทั้งหมดนี้ คือบรูไนในแบบฉบับคนเวลาน้อย และมาเที่ยวแบบไม่ได้คาดหวัง แต่สิ่งที่ได้รับกลับมานั้น ทั้งผืนป่าอันอุดม ผู้คนที่เป็นมิตรและใช้ชีวิตเรียบง่าย ความงดงามของมัสยิดที่เป็นศูนย์รวมจิตใจ ทั้งหมดนี้ บอกได้คำเดียวว่าเหนือความคาดหมายจริง ๆ Tips บรูไนเป็นประเทศที่นับถือศาสนาอิสลาม การดำรงชีวิตระหว่างวันจึงมีระเบียบตามหลักศาสนา หลังพระอาทิตย์ตกดินก็จะอยู่บ้าน ไม่ค่อยออกไปใช้ชีวิตไนท์ไลฟ์ จึงไม่มีผับ บาร์ อย่างบางประเทศ ดังนั้นวิถีไนท์ไลฟ์แบบคนบรูไนจึงเป็นเพียงการมาเดินเล่น ซื้อของตามห้างสรรพสินค้า หรือนั่งคุยกันตามร้านกาแฟหรือร้านขายเบเกอรี่ อย่างที่รู้ว่าตั้งแต่ต้นปี 63 เราเจอกับมรสุมของการระบาดของไวรัสโควิด-19 ทำให้หลายๆ คนที่เป็นนักท่องเที่ยวก็ไม่เดินทางไปที่ไหนได้ตามต้องการ แต่ไม่เป็นไรนะ งดเว้นการไปเที่ยว หยุดอยู่บ้านด้วยกันเนอะ แล้วพอหมดการแพร่ระบาดเมื่อไหร่หวังว่าพวกเรานักท่องเที่ยวที่ชอบไปเก็บประสบการณ์ชีวิตในที่ต่างๆ คงจะได้เจอกัน ณ ที่ใดที่หนึ่งนะจ๊ะ หมายเหตุ:ภาพประกอบทั้งหมดของผู้เขียน