ว่าด้วยเรื่องของเห็ด หลายคนคงปฏิเสธไม่ได้ว่า เป็นอาหารที่มีคุณค่าทางโภชนาการอย่างมาก และสามารถนำมาทำอาหารได้หลากหลายเมนู แต่ในปัจจุบันคนนิยมรับประทานเห็ดที่มาจากการปลูกหรือการเพาะมากกว่าเห็ดป่า เนื่องจากเห็ดป่าตามธรรมชาติลดน้อยลงตามพื้นที่ป่าที่ถูกทำลายมาอย่างต่อเนื่อง อีกทั้งเห็ดป่าออกตามฤดูกาลทำให้หายากและมีราคาแพง ในบทความนี้ ผู้เขียนจะมาพูดถึงเห็ดป่าที่พบในป่าดงใหญ่ ตำบลดงใหญ่ อำเภอวาปีปทุม จังหวัดมหาสารคาม เรามาเริ่มกันที่เห็ดยอดฮิต อย่างเห็ดไค เป็นเห็ดทีี่พบมากที่สุดในป่าดงใหญ่ เห็ดไคในป่าดงใหญ่ มีด้วยกันสองสี คือสีเขียวอ่อน และสีขาว เห็ดไคสีเขียวอ่อนจะพบตามพื้นดินทั่วไป ส่วนเห็ดไคสีขาวจะพบตามจอมปลวกขนาดใหญ่ หรือที่คนอีสานเรียกว่า โพน ลักษณะดอก จะค่อนข้างหนา มีทุกขนาด แล้วแต่ความอุดมสมบูรณ์ของดินบริเวณที่ขึ้น นิยมนำมาทำอาหารประเภทแกง นึ่งจิ้มน้ำพริก ย่างตำน้ำพริก และผัด เห็ดไคจะมีกลิ่นหอมเฉพาะตัวที่ไม่เหมือนใคร มาถึงเห็ดชนิดที่สอง เห็ดแดง ไม่ต้องสงสัยถึงชื่อของมันเลย เพราะมันมีสีแดงสดนั่นเอง พบทั่วไปตามป่าที่ไม่ทึบมาก เห็ดชนิดนี้เป็นเห็ดที่มีลักษณะดอกที่ค่อนข้างหนา รสชาติหวานนิด ๆ แต่ไม่มีกลิ่นเหมือนเห็ดไค นิยมนำมาประกอบอาหารประเภท แกง นึ่่งจิ้มน้ำพริก ย่างตำน้ำพริก เห็ดชนิดที่สาม คือ เห็ดละโงก เห็ดชนิดนี้จะมีสองสี คือ สีขาว และสีเหลือง พบตามป่าทั่วไป ลักษณะพิเศษของเห็ดชนิดนี้คือจะมีถุงเท้าหุ้มที่ตีนเห็ด ตอนที่ดอกยังเล็ก ถุงเท้านีี้จะหุ้มทั้งดอกเห็ดเอาไว้จึงมีลักษณะคล้ายไข่เป็ดฟองเล็ก ๆ ข้อควรระวังกับเห็ดชนิดนี้คือ ถ้าหักที่ข้อขาของเห็ดแล้ว ไม่มีรูกลวงข้างในแสดงว่ามันคือเห็ดพิษ เห็ดละโงกจะเป็นเห็ดที่ดอกจะมีผิวลื่น ๆ ถ้าหักตรงขาของเห็ดจะพบว่ามีรูกลวงอยู่ข้างใน เห็ดชนิดนี้มีกลิ่นหอมอ่อน ๆ นิยมนำมาแกง นึ่ง ย่างตำน้ำพริก มาถึงชนิดที่สี่ นั่นก็คือ เห็ดปลวก หรือเห็ด โคน ฉายา ราชินีเห็ดป่า เห็ดปลวกมีหลายชนิด ดอกเล็กบ้างใหญ่บ้าง เห็ดปลวกส่วนใหญ่จะออกเป็นกลุ่ม หรือในภาษาอีสานเรียกว่า ออกเป็นหมู่ ถ้าใครเจอกลุ่มหรือแค่หมู่เดียว ก็จะได้เต็มตะกร้ากันเลยทีเดียว ที่บอกว่าเห็ดปลวก คือ ราชินีเห็ดป่าก็เพราะว่า เห็ดชนิดนี้จะมีรสชาติหวานเฉพาะตัวที่เห็ดอื่นไม่มี นิยมนำมาแกง นึ่งแล้วยำแบบอีสาน (หรือที่ภาษาอีสานเรียกว่า ก้อย คือการยำใส่ข้าวคั่วนั่นเอง) ผัดน้ำมันหอย ย่างตำน้ำพริก รับรองว่าอร่อยทุกเมนู ชนิดที่ห้า เห็ดผึ้งหวาน หรือเห็ดผึ้งข้าว เป็นเห็ดผึ้งที่มีลักษณะเฉพาะตัว คือดอกเห็ดจะนุ่ม ขาดอกจะแข็ง ขึ้นทั่วไปตามป่าเต็งรัง มีรสชาติหวานกรอบ (ขาของเห็ดชนิดนี้จะกรอบ ดอกจะลื่น ๆ เมื่อนำไปประกอบอาหาร) ชาวอีสานนิยมนำมาแกงและต้มจิ้มน้ำพริก ชนิดที่หก เห็ดผึ้งไข มีลักษณะและการงอกเช่นเดียวกับเห็ดผึ้งหวาน แต่ดอกจะมีสีเข้มกว่า เห็ดชนิดนี้เริ่มหายากแล้ว รสชาติคล้ายกับเห็ดผึ้งหวาน นิยมนำมาแกงจะได้น้ำแกงที่หวานแบบเฉพาะตัวของเห็ดผึ้ง เห็ดชนิดสุดท้ายของบทความนี้ คือ เห็ดผึ้งชาด อยู่ในตระกูลเห็ดผึ้ง ขึ้นอยู่ทั่วไปใต้ต้นยางเหียน หรือที่ภาษาอีสานเรียกว่า ต้นชาด เห็ดชนิดนี้จะมีสีสันสวยงาม รสชาติหวานและขมนิด ๆ หากปล่อยให้ดอกบานเต็มที่จะมีรสชาติขม นิยมนำมาแกง นึ่งจิ้มน้ำพริก นี่เป็นเพียงส่วนหนึ่งของเห็ดป่าที่พบในป่าดงใหญ่ อำเภอวาปีปทุม จังหวัดมหาสารคามเท่านั้น ในความเป็นจริงเห็ดป่าที่สามารถทานได้ยังมีอีกมากมายหลายชนิด จากบทความนี้คงเห็นได้ว่า ป่าเป็นแหล่งอาหารตามธรรมชาติที่ไม่มีวันหมด หากเราไม่ตัดไม้ทำลายป่า เราจะไม่มีวันอดตายแน่นอนค่ะ ภาพประกอบทั้งหมด โดยผู้เขียน