ก่อนหน้านี้เป็นเรื่องการเดินทางจากไทย สู่ อเมริกา เริ่มต้น จาก วอชิงตัน ดีซี เพนซาโคล่า ชิคาโก้ ใสตอนนี้เป็นเรื่องเกี่ยวกับการเดินทางในเอลปาโซ ซึ่งเป็น เมืองหนึ่งทางใต้ของรัฐเท็กซัส อเมริกา ติดกับชายแดนแม็กซิโก ซึ่งขณะที่เราเดินทางออกจากประเทศไทยเมื่อวันที่ 2 สิงหาคม ก็มีข่าวว่ามีการกราดยิงในห้างสรรพสินค้าวอมาร์ท ในเอลปาโซ ในวันที่ 4 สิงหาคม ทำให้เราหวั่นๆ เหมือนกัน เพราะเป็นเมืองหนึ่งในโปรแกรมที่เราต้องเดินทางไป เมื่อเดินทางออกจากชิคาโก้มาถึงเอลปาโซ่ ซึ่งตามกำหนดการเราต้องมาถึงที่นี่ประมาณ 09.00 น.ตามเวลาท้องถิ่น แต่มีพายุเข้าที่ชิคาโก้ ทำให้เราติดอยู่ที่สนามบิน ทั้งวัน เราเดินทางมาถึงเอลปาสโซ่ใช้เวลาในการเดินทางประมาณ 5-6 ชั่วโมง รวมเปลี่ยนเครื่องบิน ทำให้แทนที่เราจะได้พักผ่อนเมื่อเดินทางมาถึง แต่เรามาถึงเกือบ 1 ทุ่มก็ต้องเดินทางเข้าโรงแรมทันที ในส่วนวิวของโรงแรมที่นี่สวยมากเห็นสนามแข่งเบสบอล ที่กำลังแข่งขันเป็นลีกระดับประเทศเลยทีเดียว มีผู้คนเดินทางมาชมมากมาย ที่แอลปาโซ เป็นเมืองที่มีภูมิประเทศเป็นทะเลทราย บ้านเรือนส่วนใหญ่จะเป็นบ้านที่มีความสูงไม่เกิน 2 ชั้นเนื่องจากป้องกันความเสียหายจากพายุทะเลทราย บ้านเมืองที่นี่ไม่แออัดเหมือนเมืองใหญ่อย่างชิคาโก้ ที่เท็กซัสแม้ว่าจะเป็นทะเลทรายแต่ก็มีการทำการเกษตร เป็นพื้นที่กว้าง ซึ่งมีน้ำส่งมาจากเมืองอื่นโดยท่อส่งน้ำ ทำให้แม้ว่าจะเป็นทะเลทรายแต่ก็มีน้ำใช้แบบเพียงพอ แอลปาโซ เป็นเมืองที่ติดกับชายแดน แม็กซิโก ซึ่งมีปัญหาการลักลอบเข้าเมือง ของชาวแม็กซิโก และชนชาติอื่นๆที่ใช้แม็กซิโกเป็นเส้นทางผ่าน เพื่อจะเข้ามาทำงานในอเมริกา ซึ่งก่อนหน้านี้ ประธานาธิบดีโดนัล ทรัมป์ ได้สร้างกำแพงที่สูงและยาวตลอดแนวชายแดน เพื่อป้องกันการลักลอบผ่านแดน ทำให้มีการเข้มงวดมากในการข้ามพรมแดน แต่ก็มีการไปมาหาสู่กันระหว่างประชาชน 2 ประเทศ ซึ่งอดีตเคยเดินไปมาได้อย่างอิสระ แต่เมื่อเกิดการแบ่งเขตประเทศ ทำให้ต้องแยกจากกัน เมืองแห่งนี้ผู้คนส่วนใหญ่จะใช้ภาษาสแปนิช บางคนไม่สามารถสื่อสารภาษาอังกฤษได้ ที่เมืองนี้เจ้าหน้าที่ได้พาเราไปเที่ยวชมด่านพรมแดน และลัดเลาะแนวชายแดนที่มีกำแพงเหล็กสูงกั้นตลอดแนวชายแดน เพื่อป้องกันการหลบหนีเข้าเมือง อาหารที่นี่ส่วนใหญ่จะมีรสชาติเผ็ดร้อน แม้ว่าเมืองนี้ร้านอาหารไทยไม่มีแต่ก็ไม่เป็นปัญหาเพราะมี ทาโก้ ที่เป็นอาหารท้องถิ่น และมีเครื่องเคียงเป็นซอส แต่ผมขอเรียกว่าน้ำพริกจะดีกว่า ซึ่งมีหลายแบบ มีทั้งแบบเผ็ดร้อนโดยใส่พริกสด ผมเรียกว่าน้ำพริกหนุ่ม เพราะรสชาดใกล้เคียงกันมาก อีกอีกหนึ่ง เป็นซอสเผ็ดแบบพริกแห้ง ผมเรียกว่า น้ำจิ้มแจ่ว ส่วนเครื่องเคียงก็มี ผักต่างๆ และแป้งอบกรอบ ทำให้ในเมืองนี้ผมไม่ค่อยมีปัญหาเรื่องการกินเท่าไหร่ หลังจากนั้น เราได้เดินทางไปที่วอมาร์ท ซึ่งเป็นที่เกิดเหตุการณ์กราดยิงเมื่อวันที่ 4 สิงหาคม 2562 ซึ่งพบว่ามีญาติและคนรู้จักของผู้เสียชีวิตในเหตุการณ์ดังกล่าวนำดอกไม้พวงหรีด รวมไปถึงของใช้ส่วนตัวของผู้เสียชีวิตมาวางไว้ที่นี่ด้วย เราอยู่ที่เมืองนี้ 3 คืน 4 วัน ซึ่งก็ได้ไปเยี่ยมชมสถานที่สำคัญ และมีอากาสได้เข้าร่วมฟังการประชุมสภาเมืองเอลปาโซ่ ซึ่งกำลังตัดสินปัญหาผลกระทบด้านเสียของร้านอาหาร และบาร์ในพื้นที่ ด้วย และในเมื้อเย็นของวันสุดท้ายก่อนที่เราจะไปลอสแองเจอลิส หรือที่เรียกว่า เอล เอ ผมไม่พลาดที่จะไปลิ้มลองสเต็กต้นตำรับของเท็กซัส แน่นอนว่ามันจานใหญ่มาก รสชาดของเนื้อสไตล์อเมริกา ซึ่งถือว่าไม่พลาดแล้วสำหรับเมืองนี้ ในตอนต่อไปผมจะมาเล่าเรื่องราวของเมืองลอสแองเจอลิส และสถานที่ในฮอลิวู้ดกันครับ ภาพโดย N.laphing