ตูน ภาคกลางเรียกว่า คูน หรือภาคใต้เรียกว่า ออดิบ อยู่ในตระกูลเดียวกับบอน แต่ต้องสังเกตดี ๆ เพราะมีชนิดรับประทานได้และเป็นพิษที่ชื่อว่าโหรา ซึ่งจะมีลักษณะใบใหญ่ สีเขียวเข้มและหนากว่าใบของตูน ใบตูนจะมีขนาดค่อนข้างเล็กและบางกว่า มีสีเขียวอ่อนกว่า ก้านของตูนมักจะมีสีนวลขาวกว่าก้านของโหรา ถ้าหากเผลอรับประทานต้นโหราเข้าไปจะมีอาการระคายเคืองในลำคอ แสบ ชา ปากและลิ้น ทำให้ลิ้นแข็ง ไม่สามารถพูดได้ วิธีแก้พิษเบื้องต้น บ้วนปากด้วยน้ำส้มสายชูแอปเปิ้ลเพื่อสลายผลึกพิษ หรือบ้วนปากด้วยน้ำมะนาว น้ำมะพร้าว หรือดื่มนม อมน้ำตาลทรายขาว ไอศกรีม เพื่อลดอาการระคายเคือง และรีบนำตัวส่งโรงพยาบาล แต่ถ้าเราไม่สามารถแยกแยะชนิดของบอนได้แนะนำว่าควรปลูกไว้ที่บ้านเองจะดีกว่า เพราะตูนเป็นพืชที่ปลูกง่าย ชอบขึ้นในที่ชื้นริมรั้วบ้านและปลูกได้ตลอดปี และเป็นพืชที่มีเส้นใยอาหาร แคลเซียม ฟอสฟอรัส เหล็ก วิตามินเอ วิตามินบี และวิตามินซี เป็นยาระบาย และขับปัสสาวะ ตูนนอกจากจะมีประโยชน์หลายอย่างแล้วยังสามารถนำมาทานได้หลากหลายเมนู สามารถปอกเปลือกทานสดจิ้มน้ำพริก ใส่แกงแค นำไปแกงกะทิ นำไปผัดใส่กุ้งใส่หมู หรือแกงเลียง แต่สำหรับทางเหนือเรานิยมนำมาทำแกงส้มใส่ปลาดุกกันค่ะ ส่วนผสม 1. ตูน 4 ต้น 2. ปลาดุกหั่นชิ้น 1 ตัว 3. ใบแมงลัก 1 กำมือ 4. ขมิ้นหั่นชิ้น 1 ช้อนโต๊ะ 5. กระเทียมไทย 10 หัว 6. พริกขี้หนู 5 เม็ด 7. กะปิ 1 ช้อนโต๊ะ 8. น้ำปลา 1 ช้อนโต๊ะ 9. เกลือ 2 ช้อนชา 11. ตะไคร้ 1 หัว 12. มะนาว 2 ลูก วิธีทำ 1.นำตูนมาลอกเปลือกออก หั่นชิ้น นำไปแช่ในหม้อน้ำเกลือและบีบให้นิ่มลง ล้างน้ำให้สะอาด บีบน้ำออกให้หมด 2.ตั้งน้ำให้เดือด และเตรียมพริกแกง ขมิ้นหั่นชิ้น กระเทียมไทย พริกขี้หนู กะปิ เกลือ ตะไคร้ ตำให้เครื่องแกงให้ละเอียดพอประมาณ 3.นำเครื่องแกงใส่ลงในหม้อน้ำเดือด ตามด้วยตูนต้มไว้สักพักจนออกสีเหลืองนิดหน่อย 4.ใส่ปลาดุกลงไปในน้ำแกงเดือด ๆ อย่าเพิ่งคนเนื้อจะเละเเละมีกลิ่นคาว 5.บีบมะนาวใส่ ค่อย ๆ คนปรุงรสชาติตามใจชอบ สุดท้ายใส่ใบแมงลัก อาจจะตามด้วยกระเทียมเจียวเพิ่มความหอมให้แกงส้มค่ะ สามารถตักเสิร์ฟ ทานกับข้าวเหนียวร้อน ๆ ถ้าใครเคยรับประทานแกงตูนจะรับรู้ถึงความอร่อย ตอนเป็นเด็ก ๆ ผู้เขียนก็ไม่ชอบทานเท่าไหร่ พอลองชิมจะรู้ว่าตูนมีลักษณะคล้าย ๆ ฟองน้ำ เวลานำไปแกงมันซับน้ำในตัวตูนเวลาทานแล้วได้รสชาติดีจริง ๆ ค่ะ ใครไม่เคยทานต้องลองค่ะ