พุทธศาสนิกชนกับวัดเป็นของคู่กัน คนไทยกับการเที่ยวก็เป็นของคู่กัน หากจับทั้งสองสิ่งมารวมกันก็จะได้ทั้งการท่องเที่ยวและการทำบุญ เผลอ ๆ จะได้เครื่องรางของขลังติดไม้ติดมือกลับมาเพื่อความเป็นสิริมงคลและเพิ่มความสุขทางใจได้อีกทางวัดเขาอ้อ จ.พัทลุงวันนี้ผู้เขียนจะพาไปเที่ยวชมและสักการะพระพุทธรูป ณ วัดเขาอ้อ จังหวัดพัทลุง เป็นวัดที่มีชื่อเสียงด้านไวยเวทย์ ได้แก่ พิธีกรรมการแช่น้ำว่าน คือการแช่น้ำว่านมุนไพร 108 ชนิด เป็นเวลา 3 วัน 3 คืน เพื่อสร้างความขลังให้แก่ผู้เข้าร่วมพิธี เรียกได้ว่าพิธีกรรมนี้เป็นสุดยอดวิชาของวัดเขาอ้อก็ว่าได้นอกจากนี้ยังมีพิธีกรรมหุงข้าวเหนียวดำและป้อนข้าวเหนียวดำ เป็นการนำเครื่องยาสมุนไพรไม่ต่ำกว่า 108 ชนิด ไปผสมแล้วต้มเอาน้ำยาไปหุงข้าวเหนียวดำ ผ่านการทำพิธีกรรมปลุกเสกด้วยพระอาจารย์ผู้ประกอบพิธีตั้งแต่จุดไฟจนจบพิธีกรรมทั้งหมดอีกทั้งไม้ฟืนที่นำมาใช้ยังต้องผ่านการลงอักขระยันต์ เชื่อกันว่าหากผู้ใดได้กินถึง 3 ครั้งจะทำให้อยู่ยงคงคงกระพันชาตรี เป็นมหานิยมและเป็นยาแก้ปวดหลังปวดเอวอีกพิธีกรรมคือ พิธีการสะเดาะเคราะห์ เสริมดวงชะตา เพื่อเป็นการเสริมสง่าราศี ทำให้ชีวีมีสุข ผู้ที่ผ่านพิธีกรรมนี้ต้องไปปล่อยปลาหน้าเขียงเพื่อต่อชะตาชีวิตให้แก่ตนเอง หรือบริจาคสร้างทานบารมีตามแต่กำลังของตนได้รู้เรื่องราวและความโด่งดังของวัดเขาอ้อกันแล้ว คราวนี้เรามาดูศาสนาสถานต่าง ๆ ในวัดกัน เมื่อไปถึงผู้เขียนก็รีบตรงไปกราบสักการะพระพุทธรูปในวิหารภายในวิหารจะมีพระพุทธรูปให้ได้กราบไหว้เพื่อเป็นสิริมงคลแก่ชีวิตเดินสำรวจรอบ ๆ ก็เจอกับ ถ้ำฉันทันต์บรรพต ท่ามกลางอากาศร้อนที่พร้อมจะลุกไหม้อยู่ภายนอกถ้ำ แต่เมื่อเดินเข้าไปในถ้ำสัมผัสได้ถึงความเย็ก สงบ ที่แอบอิงอยู่ภายในถ้ำ ยิ่งเมื่อมองไปรอบ ๆ ตั้งแต่ทางเข้าปากถ้ำทางขวามือ จะมีพระพุทธรูปเรียงรายนั่งหลับตาขัดสมาธิกันเป็นทิวแถว ทางเข้าด้านซ้ายมือ จะเจอเรือไม้ลำใหญ่ มีป้ายเขียนบอกไว้ว่างเป็น รางแช่น้ำว่านโบราณที่สำคัญ อย่าลืมไหว้พระอาจารย์ยก วัดเข้าอ้อ เพื่อให้ชีวิตเราครั้งหนึ่งเราได้มาและกราบไหว้ท่านเกจิอาจารย์ ของวัดดังแห่งเมืองใต้ เดินผ่านแนวพระพุทธรูปเข้าไปข้างหน้าจะเจอกับแท่นที่วางทั้งพระพุทธรูป รูปปั้นเทพ และภาพของฤาษีในกรอบใหญ่ อดมิได้ที่ต้องกราบไหว้เพื่อแสดงความเคารพและบูชาท่านเหล่านั้น มองไปข้าง ๆ มีทางเล็ก ๆ เดินเข้าไปข้างใน ภายในเป็นลานโล่ง ๆ ไม่กว้างนักแต่มีรูปปั้นสิ่งศักดิ์สิทธิ์อีกมากมายอยู่ภายใน พื้นที่ตรงนี้ทั้งสงบ เยือกเย็น เหมาะแก่การนั่งทำสมาธิได้เป็นอย่างดีออกมาจากถ้ำมองไปรอบ ๆ ทั้งด้านซ้ายและขวามีบันไดขึ้นไปบนยอดเขา ผู้เขียนเลือกขึ้นไปบันไดด้านซ้ายมือ เส้นทางเป็นบันไดปูนไต่ไปตามแนวสันเขา บนเขาจะได้พบกับจุดสำคัญต่าง ๆ และจำนวนขั้นบันไดที่เราต้องเดินขึ้นไป หากไปถึงยอดสุดก็ต้องก้าวขึ้นบันไดจำนวน 586 ขั้น ความเหนื่อยกับการเดินสัมผัสบรรยากาศป่าเขาลำเนาไพร มีลมพัดมาปะทะร่างกายที่ชุ่มไปด้วยเหงื่อบ้างเป็นครั้งคราว เส้นทางที่ต้องปีน และลอดกิ่งหนามเป็นระยะ ทำให้ย้อนนึกถึงการเดินทางไกลเข้าค่ายพักแรมขึ้นมาทันใดเมื่อไปถึงสุดทางเดินก็จะพบกับบันไดที่ทอดชันลงไปยังเบื้องล่างของหุบเขา การปีนลงต้องใช้ความระมัดระวังเป็นอย่างมาก ทั้งด้วยความชันของบันได และสภาพบันไดที่ผุพัง เบื้องล่างจะเจอกับความมืด เสียงของน้ำไหล ความอับของถ้ำที่เป็นที่อาศัยของค้างคาว อีกทั้งหากโชคดีก็จะเจอกับเจ้าที่งูเหลือมตัวสีเหลืองทองที่นอนทอดกายอยู่บนริมกำแพงถ้ำเส้นทางที่ลงมาข้างล่าง ยังมีบันไดด้านขวาที่เราไม่สามารถไปต่อได้ เนื่องจากความผุพังของบันไดเหล็ก เราทำได้แค่เดินย้อนกลับลงไปตามเส้นทางเดิมก่อนกลับ หันมาไหว้พระนอนตรงทางขึ้นถ้ำ และทำบุญบำรุงพระพุทธศาสนาตามกำลังศรัทธา ณ วัดแห่งนี้ เราสามารถทำบุญผ่านการแสกน QR Code ของบัญชีธนาคาร ที่สำคัญ การทำบุญครั้งนี้ทางวัดจะทำการลิ้งค์ข้อมูลการลดหย่อยภาษีไปยังกรมสรรพากรให้เราโดยอัตโนมัติ สายบุญ สายเที่ยวท่านใดสนใจ ได้แวะไปเมืองพัทลุง อย่าลืมแวะเที่ยวและกราบไหว้สิ่งศักดิ์สิทธิ์ ณ วัดเข้าอ้อ ทางผ่านไปยังทะเลน้อย หรือไปตามพิกัดนี้ก็ได้นะคะภาพโดย ผู้เขียนพิกัด Google Mapแชร์ที่เที่ยวใหม่ๆ ไม่ว่าจะเที่ยวสายไหนก็มาแวะแชร์กับทรูไอดีคอมมูนิตี้ “เที่ยวไปให้สุด”