แค่เดินก็ผอมได้! จากประสบการณ์ผู้เขียนบอกได้เลยว่าคำพูดนี้ไม่เกินจริง สำหรับคนที่การออกกำลังกายไม่ใช่เรื่องง่าย ไม่ใช่สายกีฬาหรือสายบ้าพลัง และมีข้ออ้างมากมายในเรื่องออกกำลังกาย คงไม่ต่างจากหลาย ๆ คนในวัยทำงาน ไม่มีเวลา นอนดึกตื่นเช้าเพราะรถติดกว่าจะถึงที่ทำงาน กว่าจะกลับถึงบ้านก็เหนื่อยแล้ว แต่น้ำหนักตัวยังอยู่ในเกณฑ์มาตรฐานคือ ส่วนสูง - 110 และคงที่มาตลอด 15 ปี โดยที่ไม่ต้องลำบากคุมอาหาร สามารถกินตามใจปากได้ กินข้าว 3 มื้อ กินน้ำหวานได้ กินเค้กได้ เพียงแต่ในชีวิตประจำวันจะเดินค่อนข้างเยอะ มาดูกันว่าวัน ๆ ผู้เขียนเดินวันละกี่นาที ไม่รู้เป็นความโชคดีหรือโชคร้ายที่ที่ทำงานอยู่ไม่ได้อยู่ใกล้รถไฟฟ้าหรือรถเมล์ แต่ก็ไม่ไกลมากถึงกับเดินไม่ได้ แล้วด้วยความที่ไม่ชอบนั่งมอเตอร์ไซต์รับจ้างเลยเลือกเดินดีกว่า ตอนเช้าจะเดินประมาณ 15 นาที ส่วนขากลับตอนเย็นประมาณ 15 นาที บวกกับต้องเดินขึ้นลงบันไดรถไฟฟ้าซึ่งสูงกว่าบันไดสะพานลอย บวกกับวันไหนต้องซื้อของหรือแวะห้างสรรพสินค้าก็ยังต้องเดินในห้างต่ออีก คิดว่าในแต่ละวันน่าจะเดินอยู่ประมาณ 7,000 - 10,000 ก้าว แค่เดินก็ผอมได้! เรื่องนี้รับรองได้ว่าเห็นผลจริงแน่นอนค่ะ ถ้ากินในปริมาณตามปกติแล้วเพิ่มการเดินวันละ 30 นาที 5 วันต่อสัปดาห์ น้ำหนักลดลงจากเดิมชัวร์ ส่วนใครที่มีเป้าหมายอยากลดเพิ่มกว่านี้ก็คงต้องดูแลเรื่องอาหารเพิ่มเติม เช่น ลดน้ำตาลและไขมันส่วนเรื่องคุมน้ำหนักนั้นรับรองเห็นผลเช่นกัน โดยที่เราไม่ต้องคุมอาหารมากมาย สามารถทานของอร่อยตามใจปากได้ แต่คงไม่ถึงกับจัดชานมไข่มุกวันละ 3 แก้ว ต่อด้วยเค้กทุกวัน หรือ บุฟเฟ่ต์สี่คร้ังต่อสัปดาห์ อย่างนั้นการเดินแค่นี้คงเอาไม่อยู่แน่ จากการอ่านหนังสือรวมทั้งคำแนะนำจากคุณหมอหลาย ๆ ท่าน ช่วยยืนยันว่าการเดินนั้นดีต่อสุขภาพในหลาย ๆ เรื่อง อย่างที่เราอาจคาดไม่ถึงเลยทีเดียวทำให้กล้ามเนื้อขา กล้ามเนื้อสะโพก ข้อต่อให้แข็งแรง ทำให้ขาเพรียว ลดไขมันหน้าท้องได้ด้วยช่วยเพิ่มอัตราการเผาผลาญของร่างกายให้ดีขึ้น เหตุผลนี่เองที่ทำให้การเดินช่วยลดหรือคุมน้ำหนักได้ ทำให้ร่างกายสมส่วนทำให้กระดูกแข็งแรง ลดความเสี่ยงของโรคกระดูกพรุนทำให้ปอดและหัวใจแข็งแรงช่วยให้ลำไส้ใหญ่ทำงานได้ดีขึ้น ระบบขับถ่ายดีขึ้นช่วยลดความดันโลหิตช่วยลดความเสี่ยงของโรคเบาหวานช่วยลดความเครียด ทำให้อารมณ์ดี ลดความเสี่ยงของโรคซึมเศร้าทำให้นอนดี หลับง่ายขึ้นช่วยลดความเสี่ยงโรคอัลไซเมอร์ ข้อดีมากมายขนาดนี้ เรามาเพิ่มการเดินในชีวิตประจำวันกันเถอะ Tips📌 การเดินเพื่อสุขภาพ หรือ เพื่อลดหรือคุมน้ำหนักนั้น เป้าหมาย คือ ควรเดินให้ได้รวม ๆ แล้วอย่างน้อย 150 นาทีต่อสัปดาห์ เช่น วันละ 30 นาที 5 วันต่อสัปดาห์ 📌 ในการเดินแต่ละครั้ง แบ่งการเดินเป็น 3 ช่วง1) เริ่มเดินสบาย ๆ เป็นการวอร์มอัพ2) ช่วงกลาง เดินเร็วขึ้น เร่งฝีเท้าหน่อย ไม่ถึงกับต้องเหนื่อยจนหอบแต่ให้รู้สึกเหนื่อย เหมือนเวลาที่เราต้องรีบจ้ำให้ถึงที่หมายเร็ว ๆ เพราะกลัวสาย3) ช่วงท้าย ก่อนถึงที่หมายผ่อนฝีเท้าให้ช้าลงถือเป็นการคูลดาวน์ ให้ร่างกายเราปรับตัวให้ปกติก่อนหยุดเดินและนั่งพัก 📌 สำหรับใครที่ไม่มีเวลาหรือเพิ่งเริ่มเดิน อาจจะเริ่มจากในแต่ละวันแบ่งการเดินเป็นหลายช่วงเวลา เช่น เช้า 10 นาที ระหว่างวัน 10 นาที เย็นอีก 10 นาที 📌 ส่วนใครที่มีเวลา บ้านหรือที่ทำงานอยู่ใกล้สวนอากาศดี ๆ อาจจะเลือกเดินในช่วงเช้าหรือเย็นยาว ๆ ต่อเนื่อง 30 นาที 45 นาที หรือ 1 ชั่วโมงเลยก็ได้ ตามสะดวกเลยค่ะ 📌 สำหรับคนที่ขับรถไปทำงาน อาจจะเลือกเพิ่มการเดินช่วงเช้า หรือ เย็น ตามเวลาที่สะดวก เช่นเช้า เผื่อเวลาให้ถึงที่ทำงานก่อนเวลาเข้างานสัก 10 นาที แล้วเลือกเดินไปซื้อกาแฟร้านที่ไกลหน่อย หรือจะเดินสัก 10 นาทีก่อนอาบน้ำแล้วค่อยขับรถมาทำงานก็ได้เย็น พอถึงบ้านจอดรถแล้วก็เดินในหมู่บ้านสัก 10 นาที ก่อนเข้าบ้านพักผ่อน หรือเลือกเดินหลังอาหารค่ำสัก 10 นาที ถือเป็นการเดินย่อยอาหารไปในตัวก็ได้เหมือนกัน ถ้าใครที่คิดว่าการออกกำลังกายเป็นเรื่องยาก ผู้เขียนอยากชวนให้เริ่มจากการเดินก่อน พอร่างกายเรากระปรี้กระเปร่า รู้สึกแอคทีฟขึ้นการจะออกกำลังกายหรือเล่นกีฬาเป็นเรื่องเป็นราวก็จะง่ายขึ้นด้วยค่ะ ผู้เขียน: Gingerbreadเครดิตภาพ: ภาพปก โดย Burst จาก StockSnapภาพที่ 1 โดย Serhat Beyazkaya จาก Unsplashภาพที่ 2 โดย Jasmin Chew จาก Unsplashภาพที่ 3 โดย Bewakoof.com Official จาก Unsplashภาพที่ 4 โดย Khiet Tam จาก Unsplashภาพที่ 5 โดย Arek Adeoye จาก Unsplashเปิดประสบการณ์ความบันเทิงที่หลากหลายสุดปัง บน App TrueID โหลดเลย ฟรี !