การเดินทางด้วยการโร้ดทริป ด้วยรถส่วนตัวมันเป็นอะไรที่สะดวกสบายต่อคนนั่งไปด้วยที่สุดแล้วแหละค่ะ แต่คนขับอาจจะเป็นอีกเรื่องหนึ่ง แต่ถึงอย่างนั้นถ้าไปกับคนที่ถูกคอ คนที่ใช่มันก็สนุกๆ กันได้ แต่สำหรับทริปนี้นั้นตัวเราไปกับแม่ค่ะ ไม่ได้ขับให้แม่นั่งนะคะ แต่แม่ขับค่ะ ฮ่าๆ แต่ใดๆ คือการไปกับครอบครัวแน่นอนว่ามันดีต่อกระเป๋าสตางค์เราค่ะ อะใครมีแพลนจะโร้ดทริปไปสังขละ ก็เตรียมจนลิสต์ที่เที่ยวตามเราได้เลยค่ะ Day 1 นครนายก - นครปฐม - กาญจนบุรี ทางเรานั้นมุ่งหน้าออกจากนครนายก และมุ่งหน้าไปยังนครปฐมก่อน เนื่องจากในช่วงเวลาที่ไปนั้นดอกชมพูพันธุ์ทิพย์บานสะพรั้งพอดี ก็เลยว่าจะไปแวะถ่ายรูปกับชมพูพันธุ์ทิพย์ก่อน จากนั้นก็แวะหาอะไรรองท้องแต่แค่รองท้องไปก่อนเพราะเราจะไปกินแบบจริงจังที่ร้านอาหารที่กาญจนบุรีหลังจากถ่ายรูปกับชมพูพันธุ์ทิพย์จนหนำใจแล้วก็ขับรถมุ่งไปยังกาญจนบุรีต่อ และก่อนจะขึ้นสังขละกันนั้นเราก็ต้องไปเติมพลังใส่ท้องกันก่อน อย่าปล่อยให้ท้องหิวแต่ก็อย่ากินอิ่มจนเกินไปไม่งั้นอาจจะกะอักกะอ่วนตอนรถวนขึ้นสังขละได้ มื้อนี้เราไปฝากท้องกันที่ร้าน "ครัวแปดริ้ว ทองผาภูมิ" หากมาที่นี่เราแนะนำให้ลองชิมเมนูต้มยำปลานะ รสแซ่บเด็ดมาก โดยเฉพาะใครที่เมารถลองต้มยำแซ่บๆ ดูค่ะ ทางเรานี่ยังไม่ทันจะขึ้นสังขละก็เมารถแล้ว ( ปกติเป็นคนเมารถอยู่แล้ว ) นอกจากต้มยำแล้วทอดมันของที่นี่ก็อร่อยเช่นกัน อิ่มของคาวแล้วอย่าลืมตบท้ายด้วยของหวานด้วยไอศกรีมกะทิ หวานหอมอร่อย เย็นชื่นใจมากๆ เมื่อท้องอิ่มแล้วก็เตรียมตัวขึ้นสังขละกันข้อแนะนำคือพยายามวางแผนขึ้นไปให้ถึงไม่เย็นเกินไป เพราะหากขึ้นไปมืดๆ ค่ำๆ อาจจะอันตรายด้วยเพราะถนนค่อนข้างคดเคี้ยว มีหลากหลายโค้งมากจริงๆ ทั้งโค้งหักศอก โค้งวนเหมือนงูเลื่อยอีกถ้าเป็นไปได้ก็รีบไปให้ถึงสังขละก่อนจะมืดค่ำเป็นดีที่สุดค่ะ ใช้เวลาเป็นชั่วโมงอยู่เหมือนกันนะกว่าจะถึง และทำเอาเมารถอยู่เหมือนกัน ที่สำคัญคือเพราะไปช่วงหน้าร้อนด้วยอากาศข้างนอกก็ร้อน ถึงจะแวะพักรถ พักคน ก็ใช่ว่าจะดีขึ้นเพราะอากาศมันร้อนเกินต้านนะซิ แต่เมื่อถึงที่พักอะไรๆ มันก็ดีขึ้นน่ะนะ ทางเราพักที่สามประสบรีสอร์ทซึ่งอยู่ใกล้กับสะพานมอญเลย เมื่อถึงที่พักแล้วจริงๆ อยากอาบน้ำนอนแช่แอร์มากๆ แต่ว่าทางกลุ่มเราก็จัดโปรแกรมเที่ยวคือไปล่องเรือต่อเลย แต่ถ้าถามความเห็นเรานะอยากแนะนำว่าหากพอจะมีเวลาเราว่าอยู่สักสามวันน่าจะดีกว่า ถึงแล้วพักก่อน แล้วเที่ยววันถัดไป จากนั้นค่อยลุยลงเขากลับบ้านวันที่สาม เพราะนี่มันหน้าร้อนมันเลยทำให้รู้สึกเหนื่อยและเพลียแดดเอามากๆ เลย แต่ก็นะ...ถ้ามีเวลาจำกัดมันก็ต้องจัดเลยอะแหละ สำหรับการล่องเรือนั้นให้ไปแถวๆ ท่าน้ำที่สะพานมอญจะมีเรือรองรับนักท่องเที่ยวอยู่ เจ้าที่เราไปล่องนั้นคิดค่าบริการเหมาลำอยู่ที่ 600 ต่อลำและพาเที่ยวตามที่ลูกค้าแจ้งไว้ได้เลย แต่ถ้าไม่มีพิกัดอะไรในใจก็แจ้งให้เขานำเที่ยวได้ การล่องเรือนั้นก็ล่องวนๆ ดูสถานที่สำคัญๆ แต่ไฮไลท์หลักก็คือ "วัดจมน้ำ" หรือ "วัดใต้น้ำ" หรืออีกชื่อที่ดูขลังกว่านั้นก็คือ "เมืองบาดาล"เพราะว่าเมืองสังขละบุรีนั้นเดิมทีพื้นที่แห่งนั้นตั้งอยู่บนพื้นราบ แต่เพราะมีการสร้างเขื่อน ( เขื่อนเขาแหลม หรือ เขื่อนวชิราลงกรณ์ ) จึงทำให้น้ำท่วมหมู่บ้านและทำให้วัดจมอยู่ใต้น้ำเป็นเหตุให้ชาวต้องอพยพขึ้นมาอยู่ด้านบนและทิ้งเมืองสังขละเก่าให้จมอยู่ใต้น้ำ ก็คือ "วัดใต้น้ำ หรือ เมืองบาดาล" แต่จะว่าไปตอนล่องเรือนะเราก็ไม่ได้เห็นหรอกนะเมืองที่มันจมน้ำไปอะ ที่จะได้เห็นก็คือ "วัดสมเด็จเก่า" ที่อยู่ในบริเวณเมืองบาดาลแต่ไม่ได้จมน้ำหลังจากล่องเรือเสร็จก็กลับไปยังที่พัก และทานอาหารเย็น ซึ่งอาหารของที่พักรสชาติดีมากจริงๆ ทั้งมื้อเย็น และบุบเฟต์ในช่วงเช้าเลย ที่ชอบที่สุดก็คือกะเพรากุ้ง และต้มยำทะเล รสแซ่บช่วยให้ตื่นจากอาการเพลียในการเดินทางที่ยาวนานได้เลย แนะนำที่พักสังขละบุรี สามประสบรีสอร์ท ใกล้สะพานมอญ วิวสวย คุ้มDay 2 วันกลับ - แวะเที่ยวตามทาง...มาสังขละแล้วสิ่งที่ต้องทำก็คือไปเดินสะพานมอญในช่วงเช้า ส่วนใหญ่ถ้าไปช่วงเช้าคือคนไปใส่บาตรกัน ส่วนช่วงเย็นก็ไปชมพระอาทิตย์ตก แต่ความอับโชคของเราคือฟ้าไม่เปิดเลยทั้งตอนเย็นและตอนเช้า นอกจากนี้อากาศยังเต็มไปด้วยฝุ่น ตอนแรกก็คิดว่าเป็นหมอก แต่ไม่ว่าจะเช้าสายบ่ายเย็นมันก็ไม่จางไป จึงคิดว่าไม่น่าใช่หมอกน่าจะเป็นฝุ่นมากกว่า และนั่นทำให้ไม่สามารถเก็บภาพแสงตะวันสาดตกกระทบกับสะพานมอญได้เลย หลังจากเฝ้ารอให้ฟ้าเปิดแต่ดูแล้วเช้านี้น่าจะไม่ได้เห็นพระอาทิตย์แน่ๆ เลยกลับขึ้นไปและไปทานอาหารเช้า และบุบเฟ่ต์ของที่สามประสบรีสอร์ทคือเยอะมาก มาแบบจุกๆ ไม่รู้จะเลือกอะไรดีเลย อยากจะกินไปซะหมดทุกอย่างเลย แต่ที่ชอบมากๆ ก็คือผัดพริกแกง และน้ำส้ม นอกจากนี้ที่นี่ไม่ได้มีแค่ขนมปังปิงแต่ยังมีปาท่องโก๋ด้วย เอามาทานคู่กับกาแฟคือดีมากเลย หลังจากเช็กเอาน์แล้วก่อนกลับก็แวะเที่ยวอีกสักหน่อย เริ่มที่วัดวัดวังวิเวการาม แล้วก็ไปที่อีกฝั่งของสะพานมอญ ต่อด้วยด่านเจดีย์สามองค์ ซึ่งทั้งสามเจดีย์ก็มีความหมายที่ต่างกันนะคะ จำได้ว่ามีด้านความสำเร็จ ความรัก และสุขภาพ ซึ่งใครที่เป็นสายมูก็ลองแวะเข้าไปสักการะดูก็ได้ค่ะ แต่ทว่าตัวเรานั้นไม่ใช่สายมูเลยไม่ได้จำรายละเอียดขั้นตอนการสักการะมา จากนั้นก็ไปแวะเขื่อนวชิราลงกรณ์เพื่อถ่ายรูป เบ็ดเสร็จแล้วใช้เวลาไปค่อนวันถึงจะได้เดินทางกลับจริงๆ และไม่รู้คิดไปเองหรือป่าวแต่รู้สึกว่าขาลงจากสังขละบุรีทำให้เวียนหัวเมารถหนักกว่าขาขึ้นไปซะที โดยรวมก็ถือว่าเป็นสถานที่เที่ยวที่ควรไป เพราะมีกิจกรรมและสถานที่ให้เที่ยวชม แต่หากไปหน้าร้อนก็อดทนกับสภาพอากาศนิดหนึ่ง ถ้าจะให้ฟินจริงๆ เราว่าไปหน้าหนาวน่าจะดีกว่า เที่ยวได้แบบสบายกว่าด้วย และถ้าหากใครชอบบทความนี้ก็สามารถแชร์กันออกไปได้เลย หรือถ้าอยากติดตามเรื่องการเดินทางแบบอื่นๆ ของเราก็สามารถติดตามกันได้ที่ twitter ที่ Artinime หรือ Facebook เพจ แบกกล้องชิวเที่ยวไปเรื่อย ได้เลยค่ะhttps://twitter.com/supamas_kpr/status/1635402777898921984?s=20แชร์ที่เที่ยวใหม่ๆ ไม่ว่าจะเที่ยวสายไหนก็มาแวะแชร์กับทรูไอดีคอมมูนิตี้ “เที่ยวไปให้สุด”