mhouge จาก Pixabay" /> หลังจากที่ แจ็ก หม่า หหาเศรษฐีชาวจีน ผู้ก่อตั้งแพลตฟอร์มอีคอมเมิร์ซออนไลน์ Alibaba เสนอขายหุ้น Alibaba ในตลาดหุ้นนิวยอร์ก และทำราคาเปิดตัวต่อหุ้นสูงถึง 38% ทำลายสถิติของ Facebook ที่เคยทำไว้ก่อนหน้านี้ เขาก็กลายเป็นเจ้าของสินทรัพย์ตามราคาหุ้น ถึง 13,000 ล้านเหรียญดอลลาร์สหรัฐ หรือราว ๆ 414,700ล้านบาท และในปี 2019 เขาครอบครองทรัพย์สินในจีน สูงถึง 300,00 ล้านหยวน และมีการคำนวณไว้ว่า เขาทำรายได้เฉลี่ย 9,130,000 ล้านหยวน หรือราว 40 ล้านบาท ต่อชั่วโมง ซึ่งนั่นก็ส่งผลทำให้เขากลายเป็นมังกรไอที ที่เป็นมหาเศรษฐีอับดับ 3 ของโลก ในการเสวนา Woeld AI Conference หัวข้อที่ว่า "AI จะเข้ามาแทนที่มนุษย์จริงหรือไม่!" ในวันนั้นสองมหาเศรษฐีเสนอแนวคิดคนสะขั้วเกี่ยวกับเรื่องของ AI เอาไว้โดย อีลอน มัสก์ มองว่ามนุษย์ประเมินความสามารถของ AI ตํ่าเกินไปเพราะว่าต่อไป AI จะฉลาดกว่ามนุษย์ แม้กระทั่งมนุษย์ที่ฉลาดที่สุดในโลกส่วน แจ็ก หม่า มองว่า ต่อไป AI จะช่วยให้คนทำงานสบายขึ้น ด้วยการให้ทำงานซํ้า ๆ แล้วให้มนุษย์ทำเฉพาะงานที่สำคัญแทน ซึ่งจะช่วยให้ลดวันเวลาการทำงาน เหลือเพียงสัปดาห์ละ 3 วัน และวันละเพียง 4 ชั่วโมงเท่านั้นและมองว่าอย่างไร AI ก็คงไม่สามารถทดแทนอะไรบางอย่างที่มนุษย์มีได้อย่างแน่นอน マクフライ 腰抜け จาก Pixabay" /> แล้วอะไรทำให้เขาเชื่อแบนั้น หากจะย้อนถึงปูมหลังที่ทำให้เขามีความเชื่อมั่น ในพลังและศักยภาพของมนุษย์ ก็คงน่าจะเป็นเพราะว่าตัว แจ็ก หม่า เองเกิดมาในครอบครัวที่ยากจน แต่ด้วนความที่เขาใฝ่รู้ เขาจึงมักจะชอบออกไปพูดคุย หาความรู้จากชาวต่างชาติอยู่เสมอ ๆ จนชาวต่างชาติคนหนึ่งได้ตั้งชื่อ "Jack" ให้กับเขาแม้ว่าเขาจะสอบตกวิชาเลขมาโดยตลอด จนเก็อบจะทำให้เขาไม่ได้เรียนต่อในรั้วมหาวิทยาลัย แต่ก็ได้เรียน ต่อมาเขาได้ทำอาชีพเป็นครูสอนภาษาอังกฤษ และเริ่มต้นก้าวสู่โลกธุรกิจ ด้วยการเปดสำนักแปลภาษา ที่ใหญ่ที่สุดในเมืองหังโจวในเวลาต่อมา จุดเปลื่ยนของ แจ็ก หม่า เริ่มต้นจากการที่เขามีความรู้ด้านด้ารภาษาอังกฤษมากที่สุด เชาจึงได้เป็นตัวแทนของเทศบาลเมืองหังโจว ในการเจรจาธุรกิจที่สหรัฐอเมริกาในปี 1995 เขากลับมาพร้อมกับ "คอมพิวเตอร์ อินเทล 386" เขาได้โชว์คอมพิวเตอร์เครื่องนี้กับเพื่อน ๆ พร้อมกับแผนธุรกิจที่จะพลิกโลก แต่เพื่อน 23 คนของเขาไม่มีใครเห็นด้วยเลยนอกจาก "เหออิปิง" ที่ร่วมลงขัน เปิดเว็บไซต์ "China Pages" และไม่ได้ใช้เส้นสายในพรรคคอมมิวนิสต์เลย จึงยังต้องขาดทุนทางธุรกิจอยู่และในปี 1998 เขาได้เจอเพื่อนแท้อีกคนคือ "เจอร์รี่ หยาง" เจ้าของเว็บไซต์ Yahoo สาขาจีน ที่เข้ามาช่วยผลักดันกิจการเว็บไซต์ในยุคที่ยังมีคนรู้จักอินเทอร์เน็ตน้อยมาก การมีเพื่อนแท้อย่าง "เหออิปัง" และ "เจอร์รี่ หยาง" ทำให้พวกเขาได้เข้าใจว่า ต่อให้มีกี่ AI ก็สู้มิตรภาพของเพื่อนแท้ไม่ได้ Jeff Balbalosa จาก Pixabay" /> อีกหนึ่งคน ที่มีส่วนช่วยผลักดันเขาให้กลายเป็นมังกรคือ "จาง หยิง" ภรรยาคู่ทุกข์คู่ยากของเขาที่รักกันตั้งแต่สมัยเรียนหมาวิทยาลัยทั้งคู่ล้มลุกคลุกคลาน กับธุรกิจที่มาก่อนกาลมานับไม่ถ้วยแม้แต่ออเดอร์สั่งซื้อแรกสุดในเว็บไซต์ Alibaba ก็เป็นฝีมือของ "จาง หยิง" นี่เอง เรื่องราว ของมนุษย์อีกหนึ่งสิ่งที่เขาได้เรียนรู้นั่นก็คือ ความผิดพลาดของมนุษ์นั่นเองเพราะเขาเองมองว่าความผิดพลาดนั้นเติมเต็มความเป็นมนุษย์อย่างที่ AI ไม่มีวันจะทำได้เขาจึงเริ่มต้นเขียนหนังสือเกี่ยวกับเรื่องราวความผิดพลาดของ Alibaba เขาอย่ากให้เรื่องราวความผิดพลาดของเรา เป็นประโยชน์ต่อคนอื่น ๆ ในช่วงที่เขาตัดสินใจเกษียณจากการเป็น CEO และยังพอมีแรง มีสติพอที่จะบอกเล่าเรื่องราวเหล่านี้ได้ด้วยตัวของเขาเองและถ้า อีลอน มัสก์ คือตัวอย่างของการทำลายทรัพยากรมนุษย์ แจ็ก หม่า ก็ดูจะเป็นขั้วตรงข้ามอีกเช่นกันเพราะหลังจากที่เขาเกษียณตัวเองจาก Alibaba เขาก่อตั้งมูลนิธิด้านการศึกษา ซึ่งเป็นสิ่งที่แสดงว่าเขานั้น ให้ความสำคัญกับทรัพยากรมนุษอย่างมาก Gerd Altmann จาก Pixabay" /> อย่างที่เขาเคยกล่าวไว้ว่า การบริจาคเงินนั้นง่าย แต่ที่ยากที่สุดคือการใช้พฤติกรรมของตนสร้างประโยชน์ให้เกิดผลลัพธ์ที่ดีกับผู้อื่น ด้วยความเชื่อมั่นในศักยภาพของคนที่เขายังคงเชื่อว่าคนยังมีบางสิ่งที่ AI ก็ไม่สามารถทดแทนได้นั่นจึงทำให้เขาก้าวขึ้นมาเป็นมังกรยักษ์ใหญ่ในวงการการไอทีโลกอย่างทุกวันนี้ แจ็ก หม่า มังกรสะท้อนโลก 1.ภาพโดย mhouge จาก Pixabay">マクフライ 腰抜け จาก Pixabay">Jeff Balbalosa จาก Pixabay"> Gerd Altmann จาก Pixabay">