ภาษาอังกฤษนับว่าเป็นภาษาที่สองที่สำคัญมากที่สุด เพราะเป็นภาษาสากลที่นิยมใช้กันทั่วโลก หากว่าใครสามารถพูดและสื่อสารภาษาอังกฤษได้ก็นับว่าเป็นข้อได้เปรียบที่จะเอาชนะคู่แข่งที่ไม่มีทักษะด้านภาษาได้อย่างสบาย ๆ การพูดภาษาอังกฤษที่ดีนั้นต้องสามารถส่งสารไปยังผู้ฟังได้อย่างถูกต้องและชัดเจน ซึ่งปัจจุบันมีสถาบันสอนภาษาอังกฤษมากมายผุดขึ้นเป็นดอกเห็ด ใครที่ต้องการจะเรียนเพิ่มเติมก็สามารถหาคอร์สที่เหมาะสมกับตัวเองได้อย่างง่าย ๆ ผ่านอินเทอร์เน็ต ซึ่งมีทั้งสอนแบบฟรี ๆ ไม่มีค่าใช้จ่ายไปจนถึงลงเรียนเป็นคอร์สแบบแพง ๆ หลายหมื่นกันเลยทีเดียว แต่ถึงจะเรียนภาษาอังกฤษมาเยอะแค่ไหนก็สื่อสารกับเจ้าของภาษาไม่เข้าใจสักที พูดประโยคเดิม ๆ เป็นสิบรอบก็แล้ว ใช้ภาษามือเข้ามาช่วยก็แล้วแต่เจ้าของภาษาก็ยังไม่เข้าใจสิ่งที่เราต้องการสื่อ เมื่อเจอเหตุการณ์ซ้ำ ๆ เดิม ๆ เข้าบ่อย ๆ ก็สะสมจนกลายเป็นความไม่มั่นใจในตัวเองและไม่กล้าพูดภาษาอังกฤษอีกเลย ถ้าใครมีปัญหาแบบนี้ แสดงว่าคุณยังต้องปรับสำเนียงการพูดอีกนิดนึงนะฮานะเชื่อว่ามีคนจำนวนมากที่กำลังเผชิญกับปัญหาเหล่านี้ ซึ่งส่วนหนึ่งมาจากการเรียนการสอนในห้องเรียนที่สอนผิดหลักตั้งแต่ต้น และค่านิยมที่ถูกปลูกฝังมาตั้งแต่เด็ก ๆ ว่าใครก็ตามที่(พยายาม)พูดภาษาอังกฤษอย่างชัดถ้อยชัดคำหรือสำเนียงเป๊ะคือ “กระแดะ” เป็นค่านิยมที่ฟังดูงง ๆ นะคะ ทั้ง ๆ ที่เมื่อมีคนกำลังพยายามฝึกฝนในสิ่งที่ดีเราก็ควรสนับสนุนและให้กำลังใจ ไม่ใช่ไปซ้ำเติมหรือพูดจาเหน็บแนมให้คนฟังรู้สึกนอยด์แต่อย่างใด ฮานะเป็นคนหนึ่งที่ชอบเรียนภาษาอังกฤษมากค่ะ เพราะรู้สึกว่าการได้ฝึกพูดฝึกออกเสียงตามเจ้าของภาษาเป็นเรื่องสนุก จึงพยายามออกสำเนียงให้คล้ายกับเจ้าของภาษามาโดยตลอด และใช่ค่ะ ฮานะเคยโดนดูถูกด้วยสารพัดสิ่งเลย ทั้งมองด้วยหางตา ทั้งหัวเราะใส่และทั้งเอาไปพูดจาล้อเลียนหาว่าสำเนียงเราเป็นแบบนั้นแบบนี้ โดนมาหลายสิ่งอย่างเลยค่ะ ช่วงแรก ๆ ยอมรับว่ามีเป๋บ้างแต่เมื่อโตขึ้นก็เริ่มเข้าใจว่าเราไม่สามารถไปอธิบายให้ทุกคนเข้าใจในสิ่งที่เรากำลังทำได้ทั้งหมดหรอก และถึงทำได้ก็ไม่ควรเสียเวลา ดังนั้น จึงหันกลับมาฝึกภาษาต่อเรื่อย ๆ โดยไม่กลัวเสียงวิพากย์วิจารณ์อีกเลย แต่ก็ใช่ว่าจะไม่เคยผิดพลาดนะคะ เคยผิดเคยพลาดมานับไม่ถ้วนแล้ว บ่อยครั้งที่กลับไปนั่งทบทวนอีกครั้งก็กลายเป็นเรื่องตลกไปซะอย่างนั้น แต่เพราะความไม่ยอมพ้จึงมีวันที่ฝรั่งชมว่าสำเนียงดีมาก เวลาออกไปที่สาธารณะหรือเวลาที่ได้พูดคุยกับคนต่างชาติ ฮานะมักจะได้รับคำชมนี้เสมอค่ะ ปลื้มใจจัง :) (ถือเป็นความสำเร็จเล็ก ๆ ของเรา แต่ยังต้องพัฒนาตัวเองต่อไปเรื่อย ๆ)แต่การฝึกพูดภาษาที่เราไม่ได้ใช้มาตั้งแต่เกิดย่อมยากเสมอค่ะ และการพูดให้ได้สำเนียงที่เป๊ะจนฝรั่งเข้าใจก็ไม่ใช่เรื่องง่าย แต่ก็ไม่ได้ยากเกินความสามารถนะคะ วันนี้ฮานะจึงขอนำเคล็ดลับ แต่จะเรียกว่าเคล็ดลับก็คงไม่ได้เนาะ เพราะมันก็ไม่ได้ลับอะไร 5555 เอาเป็นว่าฮานะขอแบ่งปันวิธีการฝึกสำเนียงให้คล้ายกับเจ้าของภาษามากที่สุดซึ่งฮานะใช้มาตลอดตั้งแต่เด็กมาฝากทุกคนค่ะ 1. เลือกสำเนียงที่ชอบ ภาษาอังกฤษนั้นมีหลายสำเนียง มีทั้งสำเนียงแบบไทย สำเนียงอังกฤษ สำเนียงอเมริกา สำเนียงอินเดีย(ซึ่งฟังยากมาก ๆ ถ้าใครเข้าใจสำเนียงนี้ ถือว่าสำเนียงอื่นดูง่ายไปเลย) สำเนียงฟิลิปปินส์และอื่น ๆ อีกมากมาย เพราะมีมากมายหลายสำเนียงและแต่ละสำเนียงนั้นก็ออกเสียงต่างกันเหลือเกิน ฟังช่วงแรก ๆ จึงไม่แปลกที่จะงง ๆ หน่อย ดังนั้น ฮานะจึงแนะนำให้เราเลือกสำเนียงที่ชอบ ที่คิดว่าเราน่าจะฝึกพูดตามได้ไม่ยาก ถ้าไม่รู้จะเลือกแบบไหนก็ให้ลองพิมพ์เข้าไปฟังสำเนียงแบบต่าง ๆ ใน YouTube ดูก็ได้ค่ะ มีครบทุกสำเนียงเลย แต่เราไม่จำเป็นต้องเลือกข้างหรือปักธงข้างใดข้างหนึ่งแบบร้อยเปอร์เซ็นต์หรอกนะคะ สามารถนำมาปะปนกันได้ค่ะ แค่ออกเสียงให้ถูกฝรั่งก็เข้าใจแล้ว แต่ที่ฮานะแนะนำให้เลือกสำเนียงที่ชอบเพื่อที่เราจะได้หาสำเนียงที่คล้ายกับสำเนียงเดิมของเรา การฝึกสำเนียงของเราจะได้ไม่ยากจนเกินไปค่ะ 2. เสพสื่อเยอะ ๆ การฝึกสำเนียงที่ดีที่สุดนั้นคือการเอาตัวเองไปอยู่ในสิ่งแวดล้อมที่เราต้องการให้ตัวเราเป็น แต่สถานการณ์บ้านเมืองปัจจุบัน กักตัวอยู่บ้านเป็นเดือน ๆ แบบนี้จะให้บินไปฝึกสำเนียงที่ถิ่นเลยก็ดูจะเป็นไปได้ยากนะคะ ฮานะจึงขอแนะนำให้เสพสื่อจากทางอินเทอร์เน็ตดีกว่าค่ะ ง่ายและสะดวกด้วย เราชอบสำเนียงแบบไหนก็หาสื่อนั้นมาเสพเยอะ ๆ บ่อย ๆ เลยค่ะ ช่วงแรก ๆ ให้เน้นฟังไปก่อน ฟังไม่รู้เรื่องไม่เป็นไรค่ะ แต่ฟังให้เยอะ ๆ ระหว่างฟังนั้นให้คิดตามไปด้วยว่าเขากำลังสื่อถึงอะไร เดาเล่น ๆ ก่อนก็ได้ค่ะ ผิดถูกช่างมัน กิจกรรมที่แนะนำคือการดูหนังและฟังเพลงค่ะ ใครไม่ชอบดูหนังก็หาเพลงมานั่งฟังก็ได้นะ ซึ่งข้อดีของการฟังเพลงอย่างหนึ่งคือ สั้นและจำได้ง่าย เราสามารถจำเป็นทำนองและเลียนเสียงแบบเป๊ะ ๆ ตามต้นฉบับไปร้องตามได้เลย สนุกขึ้นแน่นอนค่ะ แต่ถ้าใครที่ชอบดูหนังแบบฮานะล่ะก็ แนะนำให้เปิดซับไทเทิลเอานะคะ ระหว่างดูก็ฝึกพูดตามด้วยจะได้ฟังสำเนียงที่เจ้าของภาษาพูด นอกจากนี้ยังได้คำศัพท์ใหม่ ๆ ด้วยนะ ยิ่งเป็นซีรี่ส์เรื่องยาว ๆ ยิ่งดีค่ะ เพราะสมองจะปรับตัวให้คุ้นชินกับสำเนียงนั้น ๆ และจะไม่กลัวหากเราเจอสถานการณ์จริง 3. ฝึกออกเสียง เมื่อฟังมาเยอะแล้วสมองก็คงปรับตัวกับสำเนียงใหม่ได้แล้วนะคะ ขั้นตอนต่อไปคือการฝึกออกเสียงค่ะ ฝึกออกเสียงในที่นี้ ฮานะหมายถึงเริ่มใหม่ตั้งแต่เรกเลยนะ เอาตั้งแต่ A-Z เลยนะคะ ฝึกออกเสียงให้ถูกต้องทีละตัว ๆ เอาให้ชัดเอาให้คล่องเลยนะ ตัวอย่างเช่น ตัว R ต้องม้วนลิ้นเข้าไปข้างใน ตัว L ต้องเอาลิ้นไปแตะบนเพดานปาก ตัว V ไม่ได้ออกเสียงว่า “วี” แต่ออกเสียงว่า “ฟวี” (เอาฟันบนมาแตะริมฝีปากล่างพร้อมทำเสียงสั่น ๆ ในลำคอ) ตัว Z ที่ครูสอนตอนเด็กว่า “แซด” แต่กลับอ่านว่า “ซี” (เอาเสียงออกมาจากลำคอและเมื่อเอามือไปแตะคอแล้วคอสั่น แบบนี้เรียกถูกต้อง) อย่าไปรีบค่ะ ค่อย ๆ ฝึก เพราะพื้นฐานนั้นสำคัญมาก ถ้าเราออกเสียงผิดตั้งแต่พยัญชนะ ตัวอื่น ๆ ก็จะผิดไปด้วย เมื่อเริ่มคล่องแล้วก็ให้ฝึกตัวสะกดที่มักออกเสียงผิด เช่น s, sh, x, ch, Th, ed, f, k, คำลงท้ายพวกนี้จำเป็นมากค่ะ สิ่งหนึ่งที่เจ้าของภาษาเน้นย้ำคือการลงท้าย เพราะต่อให้เราออกเสียงพยัญชนะถูกต้องแต่ถ้าลงท้ายผิด ความหมายก็จะเปลี่ยนไปด้วย จากนั้นให้ฝึกออกเสียงคำง่าย ๆ เช่น คำว่า cat , fat, rat, bat แต่ต้องออกเสียงให้ถูกต้องนะคะ สามารถใช้ Google translate มาอ่านให้ฟังก่อนแล้วค่อยอ่านตามก็ได้ค่ะ เมื่อได้คำง่าย ๆ แล้วก็ลองไต่ระดับขึ้นมาอีกนิดนึงโดยการฝึกอ่านคำที่ออกเสียงคล้ายกัน เช่น for, four / hour, our /know, no / air, heir แบบนี้เป็นต้น และระดับสุดท้ายคือการอ่านออกเสียงเป็นประโยคยาว ๆ ลองท้าทายตัวเองดูสิคะ ว่าจะสำเร็จมั้ยนะ :)4. ใช้จริง เมื่อออกเสียงเป็นประโยคยาว ๆ ถูกต้องหมดแล้ว ขั้นสุดท้ายที่สำคัญที่สุดคือการนำมาใช้จริงกับเจ้าของภาษาจริง ๆ ค่ะ เราอาจจะหาคู่สนทนาจากอินเทอร์เน็ต เช่น จากแอพพลิเคชั่นต่าง ๆ ก็ได้นะคะ ไม่จำเป็นต้องออกไปหาเจ้าของภาษาเพื่อพิสูจน์สิ่งที่ฝึกฝนมาก็ได้ ช่วงแรก ๆ อาจจะยังเขิน ๆ ไม่กล้าพูดนะคะ แต่เชื่อเถอะค่ะว่ามันจะต้องดีขึ้นอย่างแน่นอน ซึ่งเรื่องแบบนี้ไม่ใช่ฝึกวันสองวันแล้วจะเก่งจนฝรั่งตกใจนะคะ อย่าไปหวังอะไรเกินตัวแบบนั้นค่ะ ทุกอย่างต้องใช้เวลาทั้งนั้น หลายคนอาจจะแย้งว่ามันยากบ้าง ไม่มีเวลาบ้าง ใช่ค่ะ การฝึกภาษาอื่นที่ไม่ใช่ภาษาถิ่นนั้นยากเสมอ ยิ่งต้องพูดให้เป๊ะ ๆ ให้เจ้าของภาษาฟังรู้เรื่องยิ่งยากเข้าไปกันใหญ่ แต่ถ้าอยากเก่งจริง ๆ คำเหล่านี้ย่อมไม่ใช่อุปสรรคแน่นอนค่ะ ไม่มีใครเกิดมาแล้วเก่ง พูดภาษานู้นภาษานี้คล่องปรื๋อโดยไม่ผ่านการฝึกฝนและความสม่ำเสมอหรอกนะคะ ดังนั้นถ้าอยากเอาชนะใจตนเอง(รวมไปถึงเพิ่มศักยภาพในตัวเอง)แล้วล่ะก็ ลองให้โอกาสตัวเองเรียนรู้ไปเรื่อย ๆ ค่อย ๆ สะสมทีละนิด ๆ เดี๋ยวจะเก่งขึ้นจนคนอื่นทักเองแหละ แต่ถึงไม่มีคนทักก็ไม่ต้องไปเสียใจนะ เพราะแค่เราสามารถเอาชนะใจตัวเองได้ แค่นี้ก็เพียงพอแล้ว ทุกวันนี้ฮานะก็ยังฝึกฝนตัวเองอยู่เลยค่ะ ดังนั้น ห้ามท้อนะคะ เรื่องแบบนี้ต้องอาศัยวินัย จะมาแป๊ป ๆ แล้วหายเลยก็ใช่เรื่อง ฝึกให้หนัก ใช้ให้บ่อย มาทำให้เรื่องที่ทุกคนมองว่า "ยาก" มัน "ง่ายลง" แล้วเราจะได้ Speak English แบบที่ไม่มีใครมาว่าได้และฝรั่งฟังรู้เรื่องกันเถอะ#สู้ไปด้วยกันค่ะทุกคนภาพประกอบโดย :https://pixabay.comภาพประกอบโดย :https://pixabay.comภาพประกอบโดย :https://pixabay.comภาพประกอบโดย :https://pixabay.comภาพประกอบโดย :https://pixabay.comภาพประกอบโดย :https://pixabay.comภาพประกอบโดย :https://pixabay.comภาพประกอบโดย :https://pixabay.com