สวัสดีเพื่อน ๆ นักอ่านที่น่ารักทุกท่านกันอีกครั้งนะคะ วันนี้ผู้เขียนจะมานำเสนอบทความเกี่ยวกับเรื่องปัญหาด้านสุขภาพ โดยหวังว่าจะเป็นประโยชน์ให้กับผู้อ่านอีกหลายท่านโดยเฉพาะสาว ๆ ซึ่งหัวข้อที่ได้หยิบยกมาในวันนี้เป็นปัญหาที่ตัวผู้เขียนเองนั้นได้ประสบพบเจอมากับตัวเอง และอยากจะมาแชร์ในเพื่อน ๆ ได้อ่านกันนั่นก็คือกลุ่มอาการก่อนมีประจำเดือน หรือชื่อเรียกทางการแพทย์ Premenstrual Syndrome หรือ อาการ PMS นั่นเองค่ะ Premenstrual Syndrome (PMS) คือ อาการเหวี่ยงก่อนมีประจำเดือนของผู้หญิง โดยจะมีลักษณะอาการที่เกิดขึ้นทางด้านอารมณ์ และการเปลี่ยนแปลงของร่างกายอย่างเห็นได้ชัดในช่วงก่อนประจำเดือนมาประมาณ 4-7 วัน จากข้อมูลที่ผู้เขียนได้ศึกษามานั้นพบว่าเกิดมากถึง 80% ของผู้หญิงที่มีประจำเดือนเลยทีเดียว ซึ่งอาการเหล่านี้ถือเป็นปัญหาที่กวนใจสาว ๆ หลายท่านที่ไม่ควรมองข้าม ทำไมถึงรู้ว่าตัวเองกำลังเป็น PMS? ก่อนอื่นต้องบอกก่อนเลยว่าตัวผู้เขียนเองนั้น มักจะมีเจอกับกลุ่มอาการเหล่านี้ก่อนเป็นประจำแทบทุกเดือน ในแต่ละครั้งที่เป็นอาจจะมีอาการที่แตกต่างกันไปบ้าง และไม่เคยทราบถึงข้อมูลของอาการ PMS เลยว่าคืออะไร จนได้ไปเจอกับข้อมูลเกี่ยวกับอาการที่เกิดขึ้นนี้ทาง Facebook จึงได้อ่านและทำความเข้าใจ แต่ก็คิดว่าไม่ได้รุนแรงถึงขั้นต้องรักษา จึงไม่ได้สนใจ เมื่อเวลาผ่านไปได้สักพัก ผู้เขียนมีความรู้สึกว่าอาการ PMS ที่ตัวเองเป็นอยู่นั้นเริ่มมีอาการที่รุนแรงขึ้น ไม่ว่าจะเป็นด้านอารมณ์สภาพจิตใจ รวมไปถึงการเปลี่ยนแปลงทางด้านต่าง ๆ ของร่างกาย ผู้เขียนจึงตัดสินใจที่จะศึกษาข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับปัญหาเหล่านี้จนถึงขั้นที่ต้องรักษา อาการของ PMS มีอะไรบ้าง? อาการ PMS นั้นพบได้มากถึง 150 อาการเลยทีเดียว (อ้างอิงข้อมูลเพิ่มเติมจาก Family Health Service) โดยอาการที่ผู้เขียนพบนั้นจะมีหลัก ๆ ดังนี้ อาการคัดน่าอก ปวดหลัง น้ำหนักขึ้น ปวดท้องน้อย นอนไม่หลับ ปวดศีรษะ ร่างกายเหนื่อยล้า มีความอยากอาหารมากกว่าปกติ มีความรู้สึก หดหู่ ซึมเศร้า และร้องไห้ อารมณ์แปรปวน หงุดหงิด และเหวี่ยงวีน ไม่สบายเนื้อ ไม่สบายตัว ซึ่งอาการที่เกิดขึ้นเหล่านี้ในแต่ละคนอาจจะมีอาการที่แต่งต่างกันออกไป อย่างไรก็ตามเราควรหมั่นสังเกตตัวเองอยู่บ่อย ๆ และคอยจดบันทึกอาการที่เกิดขึ้นไว้นั่นเองค่ะ หากเป็นหนักขึ้นเรื่อย ๆ อาจจะเสี่ยงเป็นอาการ PMDD ด้วยเช่นกันค่ะ ซึ่งถือว่าเป็นอาการที่รุนแรงกว่า PMS และควรพบแพทย์เพื่อดำเนินการรักษานั่นเอง วิธีการรักษาอาการ PMS ด้วยตัวเอง หากเพื่อน ๆ ท่านใดที่รู้สึกว่าอาการ PMS ก่อนมีประจำเดือนของตนนั้นไม่ได้รุนแรงมาก แต่ก็อยากที่จะรักษาด้วยตัวเอง ก็ไม่ใช่เรื่องยากค่ะ โดยมีวิธีการปฏิบัติง่าย ๆ ดังนี้ ออกกำลังอยู่เป็นประจำ - การออกกำลังนั้นจะช่วยให้กระตุ้นให้ร่างกายของเรามีระบบการไหลเวียนของเลือดที่ดี ทำให้เรารู้สึกผ่อนคลาย นอกจากจะช่วยบรรเทาอาการ PMS ได้แล้ว ยังช่วยให้สุขภาพดีได้อีกด้วยนะคะ การเลือกรับประทานอาหารที่มีประโยชน์ - การเลือกรับประทานอาหารที่ดีมีคุณค่าก็เป็นสิ่งสำคัญ เช่น การเลือกรับประทานผัก ผลไม้ หรือเลือกรับประทานอาหารที่มีไขมันต่ำก็ช่วยได้นะ หลีกเหลี่ยงอาหารที่ไม่มีประโยชน์ - อย่างเช่น แอลกอฮอล์ คาเฟอีน และอาหารที่มีไขมันสูงนั่นเองค่ะ วิธีการพบแพทย์ผู้เชี่ยวชาญเพื่อปรึกษาอาการ สำหรับใครที่เจอกับปัญหาอาการ PMS แล้วต้องการการรักษาที่ถูกวิธี หรือต้องการปรึกษาแพทย์เพื่อความมั่นใจและปลอดภัย มีวิธีการที่ง่ายไม่ซับซ้อน โดยประสบการณ์ด้านการรักษาที่ผู้เขียนปฏิบัตินั่นไม่ยุ่งยากเลยค่ะ ผู้เขียนเริ่มจากการเลือกพบแพทย์ผู้เชี่ยวชาญโดยตรง สำหรับผู้เขียนเลือกที่จะปรึกษาแพทย์ที่คลินิกด้าน "สูตินรีเวชกรรม" เลยค่ะ โดยศึกษาหาข้อมูลจากคลินิกใกล้บ้าน ทักไปสอบถามคุณหมอเพื่อนัดวันเข้าไปปรึกษา และตรวจอาการนั่นเองค่ะ เมื่อถึงวันนัดคุณหมอจะสอบถามอาการคร่าว ๆ และสอบถามว่ารอบเดือนมาปกติหรือไม่ จากนั้นก็จะอธิบายถึงการปรับเปลี่ยนฮอร์โมนในแต่ละเดือนให้เราฟัง การรักษาของผู้เขียนนั้นคุณหมอแจ้งว่าอยู่ที่ตัวเราว่าอาการนั้นรบกวน หรือมีปัญหาต่อการใช้ชีวิตประจำวันหรือไม่ แล้วแต่ตัวบุคคลด้วย โดยผู้เขียนเลือกที่จะทานยารักษา โดยคุณหมอได้จัดยาปรับฮอร์โมนให้ โดยสอบถามเกี่ยวประวัติการแพ้ยาก่อนนั่นเองค่ะ ยาปรับฮอร์โมนที่คุณหมอได้จัดให้นั้นจะเป็นยาคุมที่ต้องรับประทานทุกวันให้ตรงเวลานั่นเองค่ะ โดยเริ่มรับประทานตั้งแต่วันที่ประจำเดือนมาวันแรก และทานติดต่อกันจนกว่าหมดแผง ซึ่งคุณหมอได้จัดยาให้มา 2 แผง สำหรับทาน 2 เดือน และนัดติดตามผลในเดือนที่ 3 นั่นเองค่ะ สำหรับในส่วนของยาที่ผู้เขียนได้รับประทานนั้นขอไม่เปิดเผยนะคะ เนื่องจากการได้รับยามารับประทานที่ถูกต้องนั้น ต้องมาจากคุณหมอที่จัดยาให้เราโดยตรง เพราะอาการของแต่ละคนนั้นแตกต่างกันออกไป การซื้อยาทานเองผู้เขียนคิดว่าอาจจะไม่เป็นผลดี เนื่องจากยาแต่ละชนิดอาจมีผลข้างเคียงกับผู้ใช้ที่แตกต่างกันไป อาการ PMS นั่นเป็นการเปลี่ยนแปลงทางด้านเคมีทางสมอง ความสมดุลของฮอร์โมน หรือแม้แต่สภาพแวดล้อม ดังนั้นการรักษาจึงต้องควบคู่ไปอีกหลาย ๆ ด้านเช่นกัน ซึ่งปัจจุบันยังไม่มียาชนิดใดรักษาอาการ PMS ให้หายขาดได้ แต่ยาปรับฮอร์โมนหรือยาคุมบางชนิดคือช่วยบรรเทาได้เพียงส่วนหนึ่งเท่า การดูแลรักษาสุขภาพด้วยการออกกำลัง หรือการเลือกรับประทานอาหารที่มีประโยชน์จึงเป็นเรื่องสำคัญ รวมไปถึงการทำให้จิตใจสงบ หาอะไรทำให้จิตใจเราแจ่มใสขึ้น หากปฏิบัติตามอย่างเป็นประจำและสม่ำเสมอ ผู้เขียนเชื่อได้เลยว่าจะไม่มีปัญหาอาการเหล่านี้กวนใจสาว ๆ อีกแน่นอนค่ะ^^ ขอบคุณภาพประกอบจาก Freepix และ Pixabay ภาพหน้าปก / ภาพประกอบที่ 1 / ภาพประกอบที่ 2 / ภาพประกอบที่ 3 / ภาพประกอบที่ 4 เรียบเรียงบทความโดย: Noojummai