การบริจาคเลือดนั้น ถือว่าเป็นการสร้างกุศลที่ยิ่งใหญ่ ได้ชื่อว่าเป็นทานอุปบารมี (การสละเลือด เนื้อของตัวเองเป็นทาน) และยังเป็นการสร้างกุศลที่ไม่ต้องลงทุนใดๆ แถมยังได้ประโยชน์ทั้งผู้ให้และผู้รับอีกด้วย ขอแค่มีกายพร้อม ใจพร้อม เราทำได้ครับในช่วงเวลาที่ผ่านมา สภากาชาดไทยได้เปิดเผยว่า จากสถานการณ์โควิด-19 ที่ผ่านมา ทำให้จำนวนผู้บริจาคเลือดนั้นน้อยลง ส่งผลให้ปริมาณเลือดคงคลังที่กาชาดมีอยู่ไม่เพียงพอต่อความต้องการ และเมื่อไม่นานมานี้เอง (7 พฤษภาคม 2563) ผู้เขียนเองก็ได้มีโอกาสไปบริจาคเลือด ซึ่งกำลังอยู่ในช่วงที่สภากาชาดต้องการเลือดอยู่เป็นจำนวนมาก และครบตามวงรอบ 3 เดือนของผู้เขียนพอดีครับ (ผู้เขียนได้บริจาคเลือดครั้งล่าสุดไปเมื่อวันที่ 27 ธันวาคม 2562 ที่ผ่านมาครับ) ผู้เขียนจึงขอถือโอกาสนี้มาแบ่งปันประสบการณ์บริจาคเลือดในช่วงที่โควิด-19 กำลังระบาด เพื่อให้ใครที่กำลังจะไปบริจาคเลือดรู้สึกอุ่นใจได้ครับ ว่าทางสภากาชาดเขามีมาตรการป้องกันอย่างดีครับ มั่นใจว่าที่นี่ปลอดเชื้อได้เลยครับหลังจากที่เราเดินทางมาถึง ศูนย์บริการโลหิตแห่งชาติ สภากาชาดไทย แล้ว เราก็จะพบกับตึกกระจกสีน้ำเงินอยู่เด่นเป็นสง่า แต่ก่อนที่เราจะเข้าสู่ตัวอาคารได้นั้น เราก็ต้องผ่านการวัดอุณหภูมิร่างกาย และล้างมือด้วยเจลแอลกอฮอล์กันก่อนครับหลังจากที่ผ่านการวัดอุณหภูมิร่างกายและล้างมือด้วยเจลแอลกอฮอล์แล้ว เราก็ไปลงทะเบียน กรอกเอกสาร วัดความดันเหมือนเดิมครับ แต่สิ่งที่เพิ่มมาก็คือทุกคนจะต้องกรอกแบบฟอร์มคัดกรองตนเอง เพื่อเป็นการประเมินความเสี่ยงในการแพร่เชื้อเบื้องต้นครับ (มาถึงจุดนี้ก็ควรจะซื่อสัตย์ต่อตนเองนะครับ ตอบคำถามตามความเป็นจริง เพราะถ้าเรายังมีความเสี่ยงและไปบริจาคเลือดนั้น ก็ถือว่าเป็นการสร้างบาปโดยที่เราไม่รู้ตัวครับ)หลังจากที่กรอกเอกสารเสร็จแล้ว วัดความดันเสร็จแล้ว เราก็ไปยื่นเอกสารตามปกติ กดบัตรคิว รอพบแพทย์ เพื่อตรวจความสมบูรณ์ของเลือดและร่างกายครับ วันนี้ผู้คนมาบริจาคเลือดกันมากมายเลยทีเดียวครับ คิวที่รอตรวจร่างกายก็จะรอประมาณ 20-30 นาทีครับ(ระหว่างที่เรากำลังเข้าคิวเพื่อยื่นเอกสาร เราควรจะยืนตามจุดที่กำหนดไว้นะครับ เพื่อเป็นการเว้นระยะห่างทางสังคมครับ)(เราจะสังเกตได้ว่าการจัดที่นั่งสำหรับพักคอยนั้นจะมีการเว้นระยะห่างกันครับ)หลังจากที่ตรวจเลือดเสร็จ ตรวจร่างกายเสร็จ หมอบอกว่าร่างกายเราสมบูรณ์ดี ค่าความเข้มข้นของเลือดผ่านเกณฑ์ พร้อมสำหรับการบริจาคเลือดแล้วครับตรวจร่างกายเสร็จแล้ว แวะจิบน้ำสัก 2-3 แก้ว ก็ขึ้นไปชั้นบน เตรียมพร้อมสำหรับการบริจาคเลือดครับหลังจากที่เรียกคิวแล้ว เราก็จะเข้าไปนั่งรอข้างในอีกทีนึง ข้างในจะแบ่งเก้าอี้ออกเป็น 2 แถวครับ แถวนึงสำหรับใครที่จะเจาะเลือดแขนซ้าย อีกแถวสำหรับใครที่จะเจาะเลือดแขนขวาครับ แน่นอนครับ ผู้เขียนเป็นคนถนัดขวา คนส่วนมากก็ถนัดขวา ก็ต้องเลือกเจาะเลือดที่แขนซ้ายครับ ดังนั้นแถวที่จะเจาะเลือดที่แขนข้างซ้ายก็จะดูคึกคักอีกเช่นเคยครับหลังจากที่เรานั่งรอมาสักพัก เจ้าหน้าที่ก็จะเรียกเราเข้าไปที่ห้องบริจาคเลือดครับ หลังจากที่ยื่นเอกสาร วางสัมภาระ ก่อนเจาะเลือดเจ้าหน้าที่ก็จะให้เราล้างมือด้วยเจลแอลกอฮอล์อีกครั้งนึงครับ ล้างมือเสร็จสรรพเรียบร้อย การบริจาคเลือดก็เป็นไปตามปกติครับ15 นาทีผ่านไป หลังจากที่เครื่องชั่งเขย่าถุงบรรจุโลหิตร้องเพื่อเตือนว่าได้รับปริมาณเลือดครบตามจำนวนที่กำหนดแล้ว (วันนี้ผู้เขียนบริจาคไป 450 ซีซี) สักพักเจ้าหน้าที่ก็จะมาถอดเข็มออก แล้วให้เรานอนพักประมาณ 5 นาทีครับพักเสร็จแล้วก็ไปนั่งพักกันต่อที่ห้องพักหลังบริจาคโลหิตครับ จุดนี้คงจะเป็นจุดที่ผู้เขียนชอบมากที่สุดแล้วครับ จิบโอวัลตินเย็นๆให้พอมีแรงขึ้นมา พร้อมกับชิมขนมอร่อยๆครับ เมนูขนมวันนี้เป็นเค้กส้มครับ ส่วนโอวัลตินกับน้ำดื่มมีให้เติมตลอดอย่างไม่ขาดสายครับเสร็จสิ้นไปแล้วกับการบริจาคเลือดในวันนี้แล้วครับ สำหรับครั้งนี้เป็นการบริจาคเลือดครั้งที่ 5 ของตัวผู้เขียนเอง หลังจากนี้ ผู้เขียนก็ต้องดูแลตัวเองเป็นอย่างดี พักผ่อนให้เพียงพอ รับประทานยาธาตุเหล็กก่อนนอนทุกวัน (วันละ 1 เม็ด) เพื่อให้ร่างกายนั้นกลับมาสมบูรณ์และแข็งแรงเหมือนเดิม พร้อมสำหรับการบริจาคเลือดครั้งถัดไปในอีก 3 เดือนข้างหน้านี้ครับ//ภาพโดยผู้เขียน//