ภาพจำของ " แซร์จ นาบรีย์ " ในสายตาแฟนลูกหนังเขาคือปีกดาวรุ่งจอมทะลุทะลวงที่กำลังอยู่ในช่วงฟอร์มดี แต่หลายคน (อาจ) ลืมไปว่านาบรีย์ได้ก้าวผ่านช่วงอายุวัยรุ่นมาสักระยะแล้ว ปัจจุบันด้วยวัย 26 ปีเขาได้กลายเป็นนักเตะของรักของหวงแห่งถิ่นเสือใต้ไปเป็นที่เรียบร้อยทั้งที่อนาคตเหมือนจะดับไปนานแล้ว นาบรีย์เกิดและเติบโตที่เมืองคนคลั่งลูกหนังอย่าง "สตุทท์การ์ด" ซึ่งเขามีทักษะความสามารถด้าน " การวิ่ง " ที่แสนโดนเด่นจนหาตัวจับยากในรุ่นเดียวกัน แต่เจ้าตัวหลงไหลมนต์เสน่ห์ของกีฬาฟุตบอลมากกว่า ทำให้ในท้ายที่สุดเขาตัดสินใจนำทักษะความเร็วที่มีมาประยุกต์กับการเล่นฟุตบอลตัวรุกแทน โดยจุดหมายแรกคือทีมเยาวชนของสตุทท์การ์ด แต่ชะตาชีวิตของนาบรีย์นั้นต่างจากเด็กเยอรมันคนอื่น เพราะสโมสรอาชีพแรกอย่างเป็นทางการของเด็กอายุ 16 ปีเกิดขึ้นในเกาะอังกฤษกับ " อาร์เซนอล " ที่เจ้าตัวมาด้วยความมั่นใจแต่สุดท้ายก็ดับโดยปริยายเพราะตลอด 4 ปีที่อยู่กับทีม นาบรีย์มีโอกาสลงสนามทั้งหมดเพียง 4 นัด และกดไปได้เพียง 1 ประตูเท่านั้น ด้วยฟอร์มที่เบียดตัวจริงยากทำให้ในฤดูกาล 2015-2016 ซึ่งเป็นการเล่นหนสุดท้ายบนเกาะอังกฤษ เจ้าตัวถูกปล่อยยืมตัวไปยัง " เวสต์บรอมวิช อัลเบี้ยน " ซึ่งการมาครั้งนี้ยิ่งเป็นฝันร้ายเพราะเจ้าตัวได้ลงเพียงแค่เกมเดียวเท่านั้น แถมตัวกุนซือเวสต์บรอมวิชในตอนนั้นยังนิยามถึงนาบรีย์เอาไว้ว่า " เขาไม่ได้ดีพอในระดับที่ทีมเราต้องการ " คำพูดสั้นๆ แต่ตอบได้ทุกอย่าง นาบรีย์ถูกเรียกตัวกลับอาร์เซน่อลในเดือนมกราคมก่อนที่อนาคตของเขากับทีมจะต้องจบลงเพียงแค่นี้ นาบรีย์ต้องหอบกระเป๋าบินกลับบ้านเกิดไปร่วมทีม "แวร์เดอร์ เบรเมน" ด้วยค่าตัวเพียง 5 ล้านปอนด์เท่านั้น ซึ่งต้องบอกว่าเป็นการตัดสินใจที่ถูกต้องมาก เพราะฟอร์มของนาบรีย์กับเบรเมนอยู่ในระดับห้าดาว เขากลายเป็นนักเตะที่ฟอร์มโดดเด่นน่าจับตามอง โดยลงสนามในลีกทั้งหมด 27 เกม กดไปได้ 11 ประตู แถมยังสามารถพาเบรเมนขึ้นไปจบอันดับ 8 บนตารางคะแนนได้ ในช่วงนี้คือความพลิกพันของเด็กหนุ่มคนหนึ่งอย่างแท้จริง จากนักเตะดาวรุ่งที่ดูหมดอนาคตกลับมามีชีวิตใหม่อีกครั้ง จนกระทั่งในปี 2016 นายใหญ่แห่งทัพอินทรีย์เหล็ก " โยอาคิม เลิฟ " ต้องตัดสินใจเรียกนาบรีย์มาเป็นส่วนหนึ่งในทีมชาติเยอรมันชุดคัดเลือกฟุตบอลโลก การติดทีมชาติครั้งแรกก็น่าดีใจแล้ว แต่ที่ยิ่งน่าภูมิใจมากขึ้นไปอีกคือนาบรีย์สามารถกดแฮตทริกได้ในเกมที่เยอรมันไล่ทุบซานมาริโนไปด้วยสกอร์ 8-0 ถึงแม้มาตรฐานคู่แข่งจะต่างกันเยอะไป แต่ผมมองว่าอย่างน้อยการที่เด็กวัยรุ่นคนหนึ่งสามารถทำได้ดีขนาดนี้ มันจะเป็นการต่อยอดความมั่นใจของเจ้าตัวในระยะยาวต่อไป เมื่อฟอร์มร้อนขนาดนี้จึงไม่ใช่เรื่องแปลกที่ " บาเยิร์น มิวนิค " จะกระชากตัวเขาไปร่วมทีมในฤดูกาล 2017 ซึ่งในช่วงแรกยังตกเป็นตัวสำรอง ทำให้ต้องย้ายแบบยืมตัวไปเล่นกับ " ฮอฟเฟ่นไฮม์ " ซึ่งเจ้าตัวโชว์ฟอร์มโหดกดไป 10 ประตูจากการลงเล่นเพียง 22 เกม พาฮอฟเฟ่นไฮรั้งอันดับสามทะลุเข้าไปเล่นในยูฟ่าแชมป์เปี้ยนลีกได้สำเร็จ ก่อนที่จะถูกเรียกตัวกลับถ้ำเสือใต้ในฐานะขุมกำลังเลือดใหม่แห่งอนาคต และเป็นตัวหลักอย่างที่เราเห็นกันในปัจจุบัน นับจากวันนั่นมาจนถึงตอนนี้นาบรีย์ติดทีมชาติตลอดทุกรายการ หากเราดูจากฟอร์มในระดับสโมสรไล่มายังทีมชาติ ต้องยอมรับว่าชั่วโมงนี้นาบรีย์กำลังเข้าสู่จุดพีคที่จะสามารถยืนระยะได้อีกอย่างน้อย 2 - 3 ปีเลยทีเดียว และผมเชื่อว่าเขาจะกลายเป็นกำลังสำคัญที่จะช่วยให้ทัพอินทรีย์เหล็กกลับมาทวงบัลลังก์แชมป์โลกที่การ์ตาได้อีกใครในช่วงปลายปีหน้า ** Ref Picture ภาพหน้าปก : จาก FB Bayern München ภาพประกอบ 1 จาก FB Bayern München / 2 , 3 จาก FB Germany / 4 จาก uefa.com ส่องนักบอลตัวเต็ง ดูสดระเบิดแมทช์สุดมันส์บน App TrueID โหลดฟรี !