แดนดินถิ่นสมรภูมิ เขาน้ำค้าง มหัศจรรย์การก่อสร้าง อุโมงค์ปิยมิตร สงขลาเป็นจังหวัดใหญ่ มากหลายด้วยวัฒนธรรมเก่าแก่ ทั้งไทย จีน มลายู มุสลิม บางครั้ง เพียงแค่คุณขับรถข้ามอำเภอ คุณอาจพบเจอกับวัฒนธรรมที่แปลกตา ทั้ง ๆ ที่พึ่งขับรถผ่านแหล่งวัฒนธรรมอีกแห่งมาเมื่อไม่ถึงหนึ่งนาที สงขลาเป็นเมืองใหญ่ จึงมีประวัติศาสตร์ยาวนาน และหนึ่งในเรื่องราวที่หลายคนไม่เคยทราบ คือ สงขลาเป็นแดนดินถิ่นสมรภูมิที่มีการสู้รบกันอย่างดุเดือดมาก่อน ครั้งนี้ผมตั้งหมุดหมายอยากไปเห็นด้วยตัวเองกับสมรภูมิรบในตำนาน สถานที่ที่มนุษย์สรรสร้างสิ่งมหัศจรรย์นั่นคือ เมืองในอุโมงค์ ใครที่เคยไปเที่ยวเมืองในอุโมงค์ที่เวียดนามมา ถ้าได้มาเห็นที่นี่แล้วจะทึ่ง อึ้งตะลึงมากกว่าร้อยเท่า เพราะที่นี่ยังคงความเป็น "ของดั้งเดิม" ไว้ทุกประการ ติดตามกันไปลงรูสู่เมืองใต้ดิน ณ อุโมงค์ปิยมิตร เขาน้ำค้าง จ.สงขลาครับ เครดิตภาพ ญาณพลไชยวุฒิ ผู้เขียน อุโมงค์ปิยมิตรแห่งเขาน้ำค้าง เครดิตภาพ ญาณพลไชยวุฒิ ผู้เขียน เดี๋ยวก่อน ล้านก้าว พิมพ์ผิดไหม อุโมงค์ปิยมิตรนั่นอยู่ อ.เบตง จังหวัดยะลามิใช่หรือ ใช่ละครับ ส่วนใหญ่นักท่องเที่ยวรู้จักอุโมงค์ปิยมิตรแห่งเบตงมากกว่า แท้ที่จริง อุโมงค์ปิยมิตรเค้ามีขอบข่ายงานถึง 5 แห่งด้วยกัน และที่หลงเหลือมาจนถึงปัจจุบันคือ อุโมงค์ปิยมิตรที่ 1 อ. เบตง จ.ยะลา และ อุโมงค์ปิยมิตรที่ 5 อ.นาทวี จ.สงขลาครับ เครดิตภาพ ญาณพลไชยวุฒิ ผู้เขียน การมาเขาน้ำค้าง ค่อนข้างไกล (แอบแขวะ ไม่มีป้ายบอกทางที่ชัดเจน) เราสามารถเดินทางได้ทั้งจากตัวเมืองสงขลา และตัวเมืองหาดใหญ่ แต่ส่วนใหญ่นิยมใช้เส้นทางหาดใหญ่ - สะเดา - เขาน้ำค้าง ระยะทางประมาณ 70 กิโลเมตร ผ่านที่ราบ สวนยาง จนกระทั่งรถเริ่มวิ่งไต่เขาสูงชั้น จากประสบการณ์ในอดีต พอบอกได้ว่า ตอนนี้เราเข้าสู่พื้นที่อดีตสงครามแล้ว จนกระทั่งเราเดินทางมาถึง อุทยานแห่งชาติเขาน้ำค้าง จะมีป้ายบอกทางไปบ้านปิยมิตร อย่าได้หลงทางเชียว เลี้ยวผิดเราจะไปตัวอำเภอนาทวีแทน และที่สำคัญ มันหามีป้ายบอกทางไม่ หลังจากกลับรถวนไปมาสองสามรอบ เราก็เดินทางมาถึง อุโมงค์ประวัติศาสตร์ อุโมงค์ปิยมิตรที่ 5 บ้านเขาน้ำค้างครับ เครดิตภาพ ญาณพลไชยวุฒิ ผู้เขียน อุโมงค์ปิยมิตร เขาน้ำค้างคือ สถานที่สู้รบในอดีตในยุคสงครามเย็นประมาณ ปี 2510 -2530 เมื่อมีความเห็นต่างทางการเมือง สุดท้ายจึงเกิดการประหัตประหาร ผู้นำการต่อสู้ในขณะนั้นมีชื่อว่า จีนเป็ง หรือ เฉินผิง ต้องการปลดแอกชาวจีนมลายูจากการกดขี่ของอังกฤษ จึงได้จัดตั้งขบวนการโจรจีนมลายา เคลื่อนไหวตามแนวชายแดนไทย มาเลเซีย จนกระทั่งพลังอำนาจของโจรจีนมลายาอ่อนแอลงจนประกาศยุติสงครามในปี 2532 เมื่อนั้น สมรภูมิรบแห่งนี้จึงสงบลง จากพื้นที่สงคราม สู่การพัฒนาแหล่งท่องเที่ยว เบื้องต้นของการพัฒนาอุโมงค์มิยมิตร เขาน้ำค้าง คือการจัดทำสถานที่ระลึกถึงสหายผู้จากไปในสงคราม ดังนั้น นักท่องเที่ยวจึงมิใคร่รู้เรื่องราวของอุโมงค์ประวัติศาสตร์เขาน้ำค้างแห่งนี้ จวบจนกระทั่ง ต้นปี 2540 บรรดาอดีตสหายแห่งกรมที่ 8 แห่งพรรคคอมมิวนิสต์มลายา ได้ริเริ่มฟื้นฟูสถานที่แห่งนี้โดยได้รับเงินสนับสนุนจากอดีตสหายจนกระทั่งสามารถฟื้นฟูให้กลายเป็นสถานที่ทางประวัติศาสตร์ในปัจจุบัน เครดิตภาพ ญาณพลไชยวุฒิ ผู้เขียน อุโมงค์ปิยมิตร แห่งเขาน้ำค้าง เป็นอุโมงค์รบคนสร้างที่มีขนาดใหญ่ และยาวที่สุดในประเทศไทย ถูกสร้างขึ้นในปี 2515 ด้วยแรงงานสับเปลี่ยนหมุนเวียนวันละ 200 คน ใช้เวลาในการก่อสร้างนาน 2 ปี แบ่งออกเป็นสามชั้น มีระยะทางภายในรวมแล้วประมาณ 2 กิโลเมตร และมีทางเข้าออกทั้งหมด 16 ช่องทางสามารถพาคนเข้าไปอาศัยอยู่ภายในอุโมงค์ได้ถึง 600 คน !!!! ดังนั้นจึงไม่ใช่เรื่องแปลกที่ทางการพยายามทำลายคนเหล่านี้ด้วยอาวุธนานา รวมถึงการทิ้งระเบิดจากเครื่องบิน แต่ไม่สามารถทำอันตรายและทำลายอุโมงค์แห่งนี้ได้ เครดิตภาพ ญาณพลไชยวุฒิ ผู้เขียน ได้เวลา มุดรู เครดิตภาพ ญาณพลไชยวุฒิ ผู้เขียน เมื่อมาถึงอุโมงค์ เขาน้ำค้าง เราเสียค่าธรรมเนียมสำหรับการดูแลสถานที่เพียงแค่ 40 บาท ส่วนล่างจะเป็นพิพิธภัณฑ์รวบรวมสิ่งของเครื่องใช้ และ อาวุธต่าง ๆ ระหว่างการสู้รบ หลังจากนั้น เราต้องไต่เขาขึ้นไปอีก 108 ขั้น ที่มาของเลข 108 มาจากวรรณกรรมจีนเรื่อง ซ้องกั๋ง หรือที่คนไทยรู้จักกันในชื่อ 108 ผู้กล้าแห่งเขาเหลียงซาน แม้ว่าผมเป็นคนเชียงใหม่ และเขาน้ำค้างตรงหน้าก็ไม่ได้สูงชันอะไรนัก แต่การเดินขึ้นบันได 108 ขั้นถือเป็นความเหนื่อยหนักหน่วงเหลือแสน ด้านบนเป็นทางเข้าอุโมงค์มี 3 ช่องทางด้วยกัน ตามสะดวกว่าจะเข้าทางรูไหน ผมเลือกเข้าทางฝั่งเรือนหอรอรัก สถานที่ซึ่งเคยเป็นเรือนหอชั่วคราวของสหายเจ้าบ่าวเจ้าสาวในยามสงคราม วินาทีแรกเมื่อผ่านเข้าไป มันคือความมหัศจรรย์แห่งศรัทธาที่ถูกสร้างด้วยน้ำมือมนุษย์ อุโมงค์สูงใหญ่ที่คนสูง 175 ซม.อย่างผมเดินได้สบาย ระหว่างทางเราเดินผ่านอดีตห้องบัญชาการต่าง ๆ เช่น คลังกระสุน โรงพยาบาล ห้องวิทยุ ห้องบัญชาการ ค่อย ๆ ลดหลั่นลงสู่ความลึกใต้ดิน ด้านหนึ่งอดสะท้อนสะท้านใจไม่ได้ว่า เพียงแค่ความคิดเห็นต่างกัน มันทำให้คนเราพร้อมเข่นฆ่ากันได้ เครดิตภาพ ญาณพลไชยวุฒิ ผู้เขียน แม้ภายในอุโมงค์มีไฟฟ้าส่องสว่างตลอดทาง แต่บ่อยครั้งที่ผมยังรู้สึกวังเวง หวาดกลัว ยิ่งตอนท้ายของการสำรวจ ผมหลงทางในอุโมงค์ !!!!! ผมเดินผ่านห้องพยาบาลถึงสามรอบ เมื่อรอบที่สามที่เส้นทางพาผมพบห้องพยาบาลอีกครับ ผมแทบกรีดร้องออกมาสุดเสียง เฮ้ย !!! จะออกไปได้ยังไงเนี่ย อย่าลืมว่าระยะทางคดเคี้ยวในอุโมงค์วันวนแห่งนี้ มีระยะทางถึง 2 กิโลเมตร โชคดีที่ก่อนสติจะแตก มีนักท่องเที่ยวต่างชาติเข้ามาพอดี ผมจึงขอเกาะติดพวกเขาให้อุ่นใจ จนกระทั้งเดินออกจากอุโมงค์ปิยมิตรที่ 5 เขาน้ำค้างได้ เครดิตภาพ ญาณพลไชยวุฒิ ผู้เขียน 2 ชั่วโมง กับการเก็บรายละเอียดข้อมูล และ หลงอยู่ในอุโมงค์ เป็นประสบการณ์ที่น่าตื่นตา ผมเห็นว่าสถานที่แห่งนี้เหมาะสำหรับผู้สนใจประวัติศาสตร์การเมือง การทหารและสงคราม การมาที่นี่ควรมีข้อมูลเบื้องต้นไว้บ้าง เพราะตลอดเส้นทางแทบไม่มีป้ายประชาสัมพันธ์บอกเล่าข้อมูลอันใด แต่ถึงกระนั้น ในฐานะของคนเคยไป อุโมงค์ที่ยิ่งใหญ่นาม กูจี ที่ประเทศเวียดนาม ขอบอกว่า อุโมงค์ปิยมิตรแห่งเขาน้ำค้าง ยิ่งใหญ่อลังการมากกว่ากันเยอะครับ เครดิตภาพ ญาณพลไชยวุฒิ ผู้เขียน