ผมเชื่อว่าอย่างน้อยช่วงหนึ่งในชีวิตของคนเราต้องผ่านประสบการณ์แบบนี้กันมาบ้าง ไม่ว่าจะเป็นรักวัยเด็กแบบ puppy love แอบรักเพื่อนสมัยมัธยม อกหักเพราะเขาไม่รักตอบตอนเรียนสมัยมหาวิทยาลัย แน่นอนว่าทุกประสบการณ์เหล่านั้นหล่อหลอมให้เรากลายเป็นเราในทุกวันนี้ หนังแนว coming of age เป็นหนังที่แสดงถึงการเปลี่ยนแปลงของตัวละครผ่านเวลา โดยตัวละครจะพัฒนาความสัมพันธ์กับตัวละครอื่น ๆ โดยผ่านสถานการณ์สำคัญต่าง ๆ ในชีวิต ซึ่งส่วนใหญ่จะเป็นช่วงวัยรุ่นที่กำลังก้าวผ่านพ้นวัยเป็นผู้ใหญ่ ตัวอย่างเช่นหนังเรื่องแฟนฉัน เรื่องสิ่งเล็ก ๆ ที่เรียกว่ารัก เนื้อหาของหนังจะแสดงถึงความสัมพันธ์ของตัวละครเอกที่ค่อย ๆ เพิ่มขึ้น ทำให้เรารู้สึกอินไปกับหนัง ซึ่งบางเรื่องก็เรียกน้ำตาได้เป็นลิตร และทำให้เราคิดถึงเรื่องราวของเราที่ผ่านมาในอดีตไม่น้อย ซึ่งวันนี้ก็จะเป็นการแนะนำหนังห้าเรื่องในตลอดช่วงสิบปีที่ผ่านมา ที่ผมประทับใจนะครับ มาเริ่มกันที่เรื่องแรกเลย Flipped (2010) Some of us get dipped in flat, some in satin, some in gloss; but every once in a while, you find someone who's iridescent, and once you do, nothing will ever compare. คนบางคนถูกจุ่มในความเรียบง่าย บางคนในความเงามัน บางคนในความแวววาว แต่เมื่อนาน ๆ ทีคุณเจอคนที่พิเศษจริง ๆ และเมื่อคุณเจอ อะไรก็เทียบกันไม่ได้ ประโยคที่ทำให้เด็กชาย ไบรซ์ งงไปพักใหญ่หลังจากฟังคำพูดจากคุณตาของตัวเอง flipped เป็นเรื่องราวของเด็กหญิง จูลี และเด็กชายไบรซ์ ที่แสดงความสัมพันธ์ของทั้งสองตัวละครที่ค่อย ๆ พัฒนาขึ้นทีละเล็กทีละน้อย โดยเริ่มจาก จูลี เด็กหญิงเพื่อนบ้านที่มองเห็นไบรซ์เป็นเจ้าชายในฝัน หลงรักทุกรอยยิ้มของเขา และคิดว่าเขาชอบเธอกลับเช่นกัน ความรักแบบเด็ก ๆ ที่อยากได้จูบแรกจึงเริ่มขึ้น แต่กลับกัน ไบรซ์กลับรู้สึกไม่ชอบจูลีเลยสักนิด ที่เธอคอยมาตามตื๊อและยุ่งวุ่นวายกับเขาตลอด ที่ยิ้มให้ก็เพราะเห็นเป็นมารยาทเพื่อนบ้านกัน ประกอบกับการที่บ้านของจูลีมีฐานะที่ไม่ค่อยดี รวมถึงเพื่อน ๆ ของเขาก็ไม่ค่อยชอบเธอกัน แต่ความตื๊อของจูลีก็ยังคงไม่หมดไป เธอเอาไข่ไก่จากไก่ที่เธอเลี้ยงไว้ในบ้านไปให้ไบรซ์ทุกครั้งที่มันออกไข่ หากแต่ไบรซ์เมื่อเห็นจูลีเดินห่างไปจากสายตาเขาก็เอาไข่พวกนั้นไปทิ้ง จุดเปลี่ยนของความสัมพันธ์เกิดขึ้นเมื่อจูลีจับได้ว่าไข่ที่เธอเอามาให้เขาตลอดถูกเอาไปทิ้งถังขยะ รวมถึงการที่ไปได้ยินไบรซ์หัวเราะเออออไปกับเพื่อนเมื่อพูดเรื่องไม่ดีเกี่ยวกับเธอ ทำให้เธอรู้สึกว่าสิ่งที่เธอทำอยู่มันช่างไม่มีความหมายเอาซะเลย เธอเริ่มหายไปจากชีวิตของไบรซ์ และทำให้เด็กชายขี้เก๊กอย่างเขาเริ่มต้นรู้หัวใจตัวเอง หนังเรื่องนี้ให้อารมณ์เหมือนหนังเรื่องแฟนฉันเวอร์ชันฝรั่งเลยครับ เป็นความรักแบบเด็ก ๆ ใส ๆ ดูแล้วเบาสมอง ยิ้มออก เนื้อเรื่องถูกเล่าเป็นสองพาร์ทคือความรู้สึกของจูลี และความรู้สึกของไบรซ์สลับกัน ทำให้เราได้รับรู้ความคิด ความรู้สึกของตัวละครทั้งสองตัวตลอดเวลา เรียกได้ว่าชวนคิดถึงความรักวัยเด็กเลยก็ว่าได้ You are the apple of my eye (2011) People always say that the most wonderful time of a relationship happens before it really happens. ผู้คนมักบอกเสมอว่าช่วงเวลาที่งดงามที่สุดของความสัมพันธ์ เกิดขึ้นก่อนที่ความสัมพันธ์จะเริ่มจริง ๆ ถัดมาจากเรื่องของเด็ก ๆ มาเรื่องของรุ่นที่โตขึ้นมาหน่อยละกันครับ เรื่องนี้เป็นเรื่องราวสมัยเรียนมัธยมของ โกฉิงเถิง เด็กหนุ่มผู้เกเรประจำห้อง ไม่สนใจเรียนเอาแต่เล่นไปวัน ๆ จนกระทั่งอาจารย์ประจำชั้นได้ใช้เฉินเซียยี่หัวหน้าห้องให้ช่วยควบคุมความประพฤติและการเรียนของเขาให้ดียิ่งขึ้น และนั่นเป็นจุดเริ่มต้นของความสัมพันธ์ระหว่างเด็กหนุ่มเกเรและเด็กสาวที่ตรงกันข้ามกับเขาทุกอย่าง ช่วงแรก ๆ เฉินเซียยี่สอนอะไรเขาก็ไม่สนใจ ทำเป็นไม่รู้ไม่ชี้เสมอ จนกระทั่งโกฉิงเถิงถูกท้าว่าถ้าอันดับผลการเรียนดีขึ้นกว่าเธอได้ เธอจะยอมทำอะไรก็ได้ตามที่เขาบอก เขาจึงยอมรับคำท้าและเริ่มตั้งใจเรียน วันหนึ่งเฉินเซียยี่ลืมเอาหนังสือเรียนมา อาจารย์ประจำวิชาจึงจะลงโทษเธอ เขาจึงเอาหนังสือให้เธอยืมและออกไปรับโทษแทน นั่นเป็นจุดที่ทำให้เฉินเซียยี่เริ่มสนใจเด็กไม่เอาไหนอย่างโกฉิงเถิงขึ้นมา ความสัมพันธ์ของทั้งคู่เริ่มดีขึ้นพร้อม ๆ กับผลการเรียนของโกฉิงเถิงก็เช่นกัน จนในที่สุดทั้งคู่ก็ตกหลุมรักกันและคบกันจนได้ เรื่องราวเปลี่ยนผ่านไปจนช่วงมหาวิทยาลัย ความสัมพันธ์ของทั้งคู่เริ่มสะดุดลงเนื่องจากความไม่เข้าใจซึ่งกันและกัน และความใจร้อนของโกฉิงเถิง ทำให้ทั้งคู่เลิกรากันไปที่สุด สุดท้ายแล้วผลลัพธ์ของทั้งคู่จะเป็นยังไง จะกลับมารักกันอีกไหมต้องลองไปดูครับ เรื่องนี้ผมรู้มาว่าได้แรงบันดาลใจมาจากหนังเรื่องแฟนฉันด้วย เป็นหนังที่แสดงความสัมพันธ์ที่เปลี่ยนไปของตัวละครได้ดีมาก ๆ รวมถึงการเปลี่ยนผ่านของวัยก็ทำได้สุด ๆ เช่นกัน เรื่องมิตรภาพของเพื่อนในกลุ่มของโกฉิงเถิงก็เป็นอีกหนึ่งองค์ประกอบหนึ่งที่ทำให้หนังเรื่องนี้สมบูรณ์ เรียกได้ว่าเป็น coming of age ที่ผมอวยสุด ๆ ไปเลย ยิ่งฉากตอนจบยิ่งทำให้ประทับใจมากครับ Love, Rosie (2014) I think not telling, was a way to keep the dream alive. ฉันคิดว่าการไม่บอกเธอ คือทางหนึ่งที่จะรักษาความฝันเอาไว้ ตามมาด้วยเรื่องราวความรักของ โรซี่ และ อเล็กซ์ สองเพื่อนซี้ปึกกันมาตั้งแต่เด็ก ทั้งคู่นิยามความสัมพันธ์ของตัวเองไว้แบบนั้น จนกระทั่งเรียนจบมัธยมปลาย ทั้งคู่มีแพลนจะไปเรียนต่อที่มหาวิทยาลัยเดียวกัน หากแต่ความผิดพลาดกลับเกิดขึ้นกับโรซี่ในคืนวันที่เธอพาคู่เต้นรำของตัวเองไปงานโรงเรียน เธอพลาดท้องขึ้นมาจนทำให้กลายเป็นคุณแม่ตั้งแต่ยังสาว เธอตัดสินใจไม่บอกเรื่องนี้กับอเล็กซ์ ต้องการให้เขาบินไปเรียนที่อเมริกาก่อน อย่างน้อยก็มีเขาคนหนึ่งที่ได้ทำตามความฝันที่ทั้งคู่ได้คิดเอาไว้ด้วยกัน โรซี่กลายมาเป็นคุณแม่เลี้ยงเดี่ยว และทำงานด้วยตัวเองไปในตัว จนกระทั่งอเล็กซ์เรียนไปได้สักพักจึงรู้ความจริงว่าโรซี่ไม่ได้เข้าเรียนในมหาวิทยาลัยเดียวกับเขา ก่อนจะกลับมาเยี่ยมโรซี่พร้อมกับเป็นพ่อทูนหัวของลูกสาวเธอก่อนจะบินกลับไปเรียนต่อ หลังจากนั้นแต่ละคนก็เริ่มมีคนอื่นเข้ามาในชีวิต ทั้งพ่อของลูกโรซี่ที่กลับมารับผิดชอบเธอ อเล็กซ์ที่เริ่มต้นด้วยการคบกับสาวคนใหม่ รวมถึงความสัมพันธ์ของทั้งคู่ที่เวลาผ่านไปเท่าไรก็ตัดกันไม่ขาดสักที ทั้งที่นิยามความสัมพันธ์มันคือคำว่าเพื่อนเท่านั้นเอง สิ่งที่ลุ้นมากที่สุดของหนังเรื่องนี้คือเมื่อไรเวลาและจังหวะของทั้งคู่จะมาบรรจบกัน ดูแล้วจะกัดฟันมากครับ อยากบอกว่าเรื่องนี้เป็น coming of age ที่เริ่มจากสมัยมัธยมและจบลงหลังจากนั้นเกือบสิบปีได้ เรียกได้ว่าลุ้นยิ่งกว่าลุ้น และมีสิ่งที่เซอร์ไพรส์มาก ๆ ที่เฉลยเรื่องราวทุกอย่างระหว่างความสัมพันธ์ของทั้งคู่ที่ไม่ยอมก้าวข้ามคำว่าเพื่อนสักที ทั้ง ๆ ที่มันควรจะก้าวข้ามมาตั้งแต่แรกแล้ว รวมถึงปัญหาเรื่องของการมีบุตรก่อนวัยอันควรที่สะท้อนสังคมด้วย เป็นเรื่องที่ดีมากจริง ๆ ลองไปดูนะครับ The 100th love with you (2016) God gave us this irreplaceable time even if we were to lose it all. พระเจ้าให้ช่วงเวลาที่ไม่สามารถมีสิ่งไหนมาทดแทนได้ ถึงแม้ว่าสุดท้ายแล้วเราจะสูญเสียมันไปจนหมดก็ตาม เรื่องราวของ ริคุ เด็กหนุ่นที่ใครหลายคนต่างอิจฉาเพราะเขาสมบูรณ์แบบไปเสียหมดทุกอย่าง อย่างกับคาดเดาอนาคตได้ แต่ความสมบูรณ์แบบนั้นได้มาจากการที่เขาเป็นนักท่องเวลา แผ่นเสียงวิเศษที่สามารถทำให้เขาย้อนเวลากลับไปแก้ไขทุกเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นแบบผิดพลาดได้ แต่แล้ว อาโออิ เพื่อนสาวในวงดนตรีที่เขาแอบรักตั้งแต่สมัยเด็กกลับทำให้ความสมบูรณ์แบบของเขาเปลี่ยนไป อาโออิกำลังจะไปต่างประเทศ และมีเหตุการณ์น่าเศร้าเกิดขึ้นก่อนเธอจะไป เธอประสบอุบัติเหตุหลังจากการเล่นดนตรีคอนเสิร์ตร่วมกันเป็นครั้งสุดท้าย ริคุได้ใช้แผ่นเสียงย้อนเวลากลับมาช่วงเวลาก่อนที่พวกเขาจะเล่นดนตรีคอนเสิร์ตกันอีกครั้ง แต่คราวนี้อาโออิกลับถูกย้อนเวลากลับมาด้วย ทำให้เธอได้รู้ถึงความลับความสมบูรณ์แบบของริคุ ทั้งคู่สารภาพความในใจต่อกัน และพัฒนาความสัมพันธ์ที่เกินเพื่อนหลังจากนั้น จนในที่สุดวันที่อาโออิถูกกำหนดให้ประสบอุบัติเหตุก็มาถึงอีกครั้ง ริคุจะสามารถช่วยอาโออิจากโชคชะตาที่ถูกกำหนดไว้ได้หรือไม่ ต้องตามไปดูเรื่องนี้ครับ เนื้อเรื่องแสดงความสัมพันธ์ของตัวละคร มิตรภาพ และการถ่ายทอดอารมณ์ความรู้สึกได้ดีเลยทีเดียว แถมเพลงประกอบหนังเรื่องนี้เพราะติดหูมาก ๆ เลยครับ บรรยากาศที่ถ่ายก็สวยงามเหมือนเราได้ไปเที่ยวญี่ปุ่นด้วยจริง ๆ The half of it (2020) I always thought that there was one way to love, one right way. But there are more. So many more than I knew. ผมเคยคิดมาตลอดว่าความรักมันมีรูปแบบเดียว รูปแบบที่ถูกต้อง แต่แท้จริงแล้วมันมีมากกว่านั้น มากมายกว่าที่ผมรู้ เรื่องราวของ เอลลี่ เด็กสาวชาวจีนที่มาอยู่กับพ่อที่เป็นนายสถานีรถไฟในเมือง Squahamish เธอเป็นเด็กหัวดี เรียนเก่ง และมีพรสวรรค์ทางดนตรี แถมยังเนิร์ดสุด ๆ เธอใช้ความสามารถของตัวเองในการรับจ้างทำการบ้านและแต่งบทความจากเพื่อนเพื่อหารายได้พิเศษ ด้วยความที่เธอเป็นคนเอเชียในเมืองเล็ก ๆ และไม่ค่อยมีเพื่อน ทำให้เธอถูกเหยียดเชื้อชาติและถูกกลั่นแกล้งอยู่บ่อย ๆ แต่เธอก็ไม่สนใจ ใช้ชีวิตอย่างปกติจนกระทั่งวันหนึ่ง พอล หนุ่มนักกีฬาสุดแสนจะบ๊องได้เข้ามาจ้างงานเธอ แต่มันไม่ใช้งานทำการบ้านหรือเขียนบทความ แต่เป็นการเขียนจดหมายจีบ แอสเธอร์ สาวสุดฮอตประจำโรงเรียนแทน หลังจากโดนตื๊อไปหลายครั้งบวกกับความต้องการเงินในช่วงที่ขาดรายได้ในครอบครัว ทำให้เอลลี่รับงานนั้นในที่สุด ความสัมพันธ์ของเอลลี่กับพอลจึงถูกพัฒนาจนกลายมาเป็นเพื่อนกัน ร่วมมือกันในการจีบแอสเธอร์ แต่กลับกลายเป็นว่าพอลกลับตกหลุมรักเอลลี่เสียเอง ในขณะที่แอสเธอร์ก็เหมือนจะชอบจดหมายและข้อความที่พอลเขียนขึ้นมาเช่นกัน เรื่องราวรักสามเส้าจะจบลงอย่างไรต้องตามไปดูอีกเช่นเคยครับ นอกจากนี้หนังเรื่องนี้ยังสะท้อนความรักในมุมมองหลายแบบ เรียกได้ว่าจะทำให้คุณเข้าใจความรักมากขึ้นกว่าเดิมอย่างแน่นอน สุดท้ายแล้วก็ขอจบการแนะนำหนังห้าเรื่องตลอดสิบปีที่ผมประทับใจแต่เพียงเท่านี้นะครับ รับรองว่าบางเรื่องอาจทำให้คุณอินได้เป็นอาทิตย์ บางเรื่องอาจจะยิ้มทั้งน้ำตา บางเรื่องอาจจะทำให้คิดถึงเรื่องราวในอดีต ยังไงไว้เจอกับการแนะนำหนังครั้งใหม่อีกนะครับ :) เครดิตรูปภาพสวย ๆ idmb และ mfah : Flipped (2010) / You are the apple of my eye (2011) / Love, Rosie (2014) / The 100th love with you (2016) / The half of it (2020) / cover