สวัสดีค่ะเพื่อนๆ ทุกคน วันนี้เราจะนำเทคนิคที่เราทำแล้วมันส่งผลให้เราเอาตัวรอดในวิชาเรียนที่เราไม่ถนัดมาแชร์ให้เพื่อนๆ ลองนำไปปรับใช้กัน เนื่องจากเราไม่ใช่คนที่เรียนเก่งและความจำก็สั้นมากๆ แต่ดันชอบวิชาสังคมและประวัติศาสตร์เป็นพิเศษ และวิชาที่เราไม่ถนัดเลยก็คือ คณิตศาสตร์กับวิทยาศาสตร์ ด้วยเหตุผลนี้ทำให้เราต้องหาเทคนิคและวิธีการที่จะเอาตัวรอดให้ได้เพื่อให้หลุดพ้นจากวิชาที่เราไม่ถนัด มาดูกันเลย1. มีสมุดจดงานหรือการบ้านไว้สัก 1 เล่มสมุดแบบไหนก็ได้ค่ะ สมุดเส้นกริดหรือเส้นตรงธรรมดาที่เราถนัดและชอบเป็นการส่วนตัว ตกแต่งอะไรก็ได้ สามารถดูในอินเทอร์เน็ตได้เลยว่าต้องการแบบไหนแต่อยากให้เป็นสมุดที่ง่ายต่อการพกพาด้วยนะคะ ส่วนของเราแบบนี้เลยถนัดดี ^^ 2. จดวันที่คุณครูสั่งงานและส่งงานให้ดี (อย่าจดผิดนะคะ) ถ้าส่งแล้วเราก็ขีดฆ่าทิ้งได้เลย3. จดเนื้อหาที่คุณครูสั่งโดยละเอียด ถ้ามีอะไรสงสัยถามตอนนั้นเลย เรื่องนี้สำคัญมาก แสดงถึงความเอาใจใส่ของเราเลยค่ะ อย่าคิดว่า เห้ย เดี๋ยวค่อยถามเพื่อนเอาก็ได้ อย่าลืมนะคะว่าเพื่อนเราก็ไม่ได้อยู่กับเราไปตลอดเพราะฉะนั้น ตนเป็นที่พึ่งแห่งตนค่ะ4. อันนี้สำคัญมาก!!! รหัสความดุ ความโหด ของครูผู้สอน ครูคนไหนใจดี ครูคนไหนดุหนูต้องแยกให้ได้ ข้อนี้เราต้องขออธิบายก่อนว่าไม่ได้จะอ้างอิงถึงคุณครูท่านใดที่สั่งสอนเรามาทั้งสิ้น แต่นิสัยใจคอของคนเราไม่เหมือนกันไม่ว่าจะอาชีพใดก็ตาม คุณครูที่ดุเขาอาจจะมีเหตุผลเพื่อให้เราตั้งใจก็ได้แต่ถ้าเราไม่ถนัดวิชาเขาล่ะ อย่างเราไม่ถนัดวิชาคณิตศาสตร์ถ้าไปเจอคุณครูค่อนข้างจะให้คะแนนยากมากก็ต้องทำเครื่องหมายไว้และคอยติดตามว่าคะแนนเก็บเราถึงครึ่ง ถึงเกณฑ์ที่ครูเขากำหนดไว้แล้วหรือยัง ถ้ายังไม่ถึงเราต้องตั้งใจทำคะแนนเก็บไว้ให้ดีที่สุดเท่าที่จะทำได้ เพื่อให้เราผ่านไปได้ด้วยดี แค่ไม่ติดศูนย์ ร ก็พอใจแล้วค่ะ 5. เรียงลำดับความยากของงาน ครูจะทำงานยากๆ ก่อน หรือที่ครูดุๆ ก่อน ส่วนครูที่ใจดีค่อยไปตกลงกันอีกทีข้อนี้จะคล้ายๆ กับข้อที่ 4 ค่ะ เราจะต้องเรียนรู้กับการใช้ชีวิตในสังคมและจะต้องสามารถวิเคราะห์นิสัยใจคอเขาให้ได้ คุณครูเองก็มีทั้งใจดีมากๆ ใจดีปานกลาง หรือค่อนข้างเนี้ยบ ดังนั้นการเรียงลำดับความยากของงานจะสำคัญมากๆ อย่างที่เราทราบว่าการศึกษาของประเทศไทยนั้นค่อนข้างที่จะสั่งงานเยอะมาก ทุกวิชาคือมีการบ้าน มีชิ้นงานที่เราจะต้องทำส่งดังนั้นการทำงานที่เราไม่ถนัดก่อนก็อาจจะเป็นผลดีเพราะมันต้องใช้ระยะเวลาทำ และงานที่ครูมักจะสั่งให้ส่งตรงเวลาเช่นเดียวกัน มิเช่นนั้นจะโดนหักคะแนน อย่าลืมนะคะว่าเกณฑ์การให้คะแนนของคุณครูแต่ละท่านไม่เหมือนกัน 6. ถ้าเป็นงานกลุ่มเราจะต้องทำเนียนมีส่วนร่วมกับเพื่อนๆ เสมอ แบบ เห้ย เรามีคอม มีโน้ตบุคนะ เรามีเครื่องปริ้นนะ เรามีสีนะ บางทียิ่งถ้างานไหนเราไม่ถนัดเลยยิ่งต้องรีบอาสาเรื่องความสะดวกสบายให้เพื่อนๆ สมาชิกในกลุ่มเพื่อแสดงให้พวกเขาเห็นว่าเรามีความกระตือรือร้นใส่ใจนะข้อนี้สำหรับงานที่เราไม่ถนัดอีกเช่นเคย การที่เราจะต้องอยู่ร่วมในสังคมนั้นเราต้องปฏิบัติตามกฎเกณฑ์ของสังคมมีการช่วยเหลือกันไม่มากก็น้อย บางทีเราต้องทำงานร่วมกันกับเพื่อนถ้าเราไม่ช่วยอะไรเลยก็อาจะสร้างความไม่พอใจของสมาชิกภายในกลุ่มและนำไปสู่ความขัดแย้ง ในห้องเรียนก็เหมือนสังคม สังคมหนึ่งที่ฝึกให้เราสามารถอยู่ร่วมกันกับคนในสังคมดังนั้นถ้าเราพอมีอุปกรณ์หรือความสามารถเล็กๆ น้อยๆ เราก็ควรเอ่ยปากเลยไม่ต้องให้เพื่อนถามค่ะ 7. ไม่ถนัดวิชาไหน ถ้ามันทำไม่ได้จริงๆ แนะนำ ส่งงานให้ครบส่งงานครบ ผ่านแน่ๆ ไม่มีคุณครูคนไหนหรอกค่ะที่เขาอยากให้เราตกวิชาเขาถ้าไม่สุดๆ จริงๆ คนเรามีความถนัดแตกต่างกันดังนั้นทำวิชาที่ถนัดให้เต็มที่แต่อย่าละเลยวิชาที่เราไม่ถนัด ยกตัวอย่างเราเอง เราไม่ถนัดวิชาคณิตศาสตร์เราตามส่งงาน รายงานเพื่อที่จะได้คะแนนเก็บจนครบเพื่อให้ผ่านเกณฑ์ที่คุณครูประจำวิชาตั้งเอาไว้ถึงเกรดเฉลี่ยจะน้อยแต่เราก็ไปทำวิชาที่เราถนัดมากๆ ให้ได้เกรดมากเพื่อเฉลี่ยๆ กันไปได้นะ ยิ่งเวลาน้อยและเพิ่งจะได้จับหนังสือขอแนะนำทำตารางอ่านหนังสือแบบเร่งด่วนได้เลย8. คิดบวกเสมอ แม้เราผลสอบจะออกมาไม่ดี แต่มันไม่ได้มาตัดสินอนาคตเราว่าเราจะไม่ประสบความสำเร็จข้อนี้เป็นข้อสุดท้ายที่อยากจะให้เพื่อนๆ ทุกคนจำเอาไว้ให้ดีเลยนะคะ ในฐานะที่เราเรียนครูและฝึกสอนเสร็จแล้ว เราจะย้ำกับนักเรียนที่เราสอนเสมอว่าคนเราอย่าคิดว่าตัวเองไม่เก่ง ทำไม่ได้ เพียงแต่เราไม่ถนัดเท่านั้นเอง เพราะฉะนั้นวิธีแก้คือพยายามให้ผ่านการศึกษาภาคบังคับไปให้ได้แล้วเข้าไปเรียนสายที่ตนเองชอบ ตนเองรักในภายหลังก็ได้ ทุกอย่างสามารถทำเป็นเงินได้หมดเพียงแค่เราใส่ใจและสนใจ มีนักเรียนหลายคนที่มีเงินค่าขนมจากการใช้สื่อออนไลน์ เช่น รับออกแบบงานศิลปะต่างๆ จดสรุปการเรียนขาย รายได้ที่ได้มาก็นำมาซื้ออุปกรณ์ต่อโดยที่ไม่ต้องขอเงินผู้ปกครอง อันนี้เป็นตัวอย่างที่ดีมากๆ เลย และนี่ก็เป็นเทคนิคที่เราใช้มาตั้งแต่สมัยเรียนมัธยมจนกระทั่งเข้าศึกษาในระดับมหาวิทยาลัย ดังนั้นถ้าเพื่อนๆ คนไหนสนใจก็สามารถนำไปใช้ได้นะคะ ลองไปปรับดูก็ได้ แต่สิ่งที่สำคัฐที่สุดคือเราต้องคิดบวกอยู่เสมอว่า “เราทำได้” เครดิตภาพรูปภาพโดยผู้เขียนรูปปก โดย Martin de Arriba จาก Pexelsอัปเดตข่าวสาร และแหล่งเรียนรู้หลากหลายแบบไม่ตกเทรนด์ บน App TrueID โหลดเลย ฟรี !