สวัสดีเพื่อนๆชาว True ID ทุกคน หลายคนเวลาทำอาหารไม่ว่าจะเป็นอาหารคาวหรืออาหารหวาน อาจมีแป้งเป็นส่วนประกอบ สำหรับใครที่ต้องไปซื้อส่วนประกอบสำหรับทำอาหารเอง แอดเชื่อว่าสำหรับขั้นตอนการเลือกซื้อแป้งอาจต้องเข้าไปเลือกซื้ออยู่นาน เพราะนอกจากมีหลายยีห้อแล้ว ยังมีหลายชนิดมากจนเราอาจเลือกไม่ถูกเลยที่เดียว วันนี้แอดเลยมีข้อมูลแป้งแต่ละชนิดมาแนะนำให้เพื่อนได้อ่านกันว่า แป้งแต่ชนิดแตกต่างกันอย่างไร ชนิดไหนเหมาะจะไปทำอะไรได้บ้าง แป้งข้าวเจ้า (Rice Flour) หลายคนคงคุ้นชินกับชื่อแป้งนี้อยู่แล้ว เป็นแป้งที่ทำมาจากข้าวเจ้าตามชื่อเรียกเลย เนื้อแป้งมีลักษณะเป็นผงมีสีขาว เมื่อลองใช้มือสัมผัสเนื้อแป้งจะมีความหยาบเล็กน้อย เมื่อสุกแล้วตัวแป้งจะมีสีขาวขุ่น พอเย็นลงจะจับตัวเป็นก้อน เหมาะสำหรับทำอาหารที่ต้องการความคงตัว ส่วนขนมที่นิยมนำแป้งข้าวเจ้ามาทำเป็นส่วนประกอบ เช่น ขนมกล้วย ขนมถ้วย ขนมชั้น ขนมตาล ขนมลอดช่อง ขนมเบื้อง เป็นต้น แป้งข้าวเหนียว (Glutinous Flour) เป็นแป้งที่ทำมาจากข้าวเหนียว เนื้อแป้งมีลักษณะคล้าย ๆ แป้งข้าวเจ้าคือเป็นผงมีสีขาว เมื่อใช้มือสัมผัสเนื้อแป้งจะมีความหยาบเล็กน้อยกว่าแป้งข้าวเจ้า เมื่อแป้งสุกแล้วตัวแป้งจะมีสีขาวขุ่นและมีความเหนียว เหมาะสำหรับในไปทำอาหารที่ต้องการความเหนียว ส่วนขนมที่นิยมนำแป้งข้าวเหนียวมาทำเป็นส่วนประกอบ เช่น ขนมต้ม ขนมบัวลอย ขนมเทียน ขนมเหนียวตัด ขนมถั่วแปบ เป็นต้น หากเมนูไหนที่ขนมไม่ต้องการความเหนียวมากแอดแนะนำว่าอาจมีการผสมแป้งข้าวเจ้าลงไปด้วยได้ แป้งมันสำปะหลัง (Tapioca starch) แป้งมันสำปะหลัง หรือ หลายคนอาจเรียกสั้นว่า แป้งมัน เป็นแป้งที่ทำมาจากหัวมันสำปะหลัง เนื้อแป้งเป็นผงมีสีขาวเหมือนเป็นข้าวชนิดอื่น ๆ เมื่อใช้มือสัมผัสเนื้อแป้งมีความละเอียด ลื่นมือ เมื่อสุกแล้วตัวแป้งจะมีสีใส และจะมีความเหนียวหนืด เหมาะสำหรับทำอาหารที่ต้องการความเหนียวแต่ใสและดูขึ้นเงา สามารถนำไปทำทั้งอาหารหวานและอาหารคาว แต่ข้อเสียของแป้งมันสำปะหลัง เมื่อแป้งเย็นตัวแล้วจะคืนตัวได้ง่าย จึงนิยมที่จะนำแป้งชนิดอื่นมาผสมเพื่อทำให้ขนมมีความเหนียวนุ่มขึ้น โดยขนมที่นิยมนำแป้งมันสำปะหลังเป็นส่วนประกอบ เช่น ขนมชั้น ขนมปลากริมไข่เต่า ครองแครงแก้ว ทับทิมกรอบ เป็นต้น ส่วนอาหารคาวที่นิยมนำแป้งมันสำปะหลังเป็นส่วนประกอบ เช่น ขนมกุยช่ายทอด ส่วนหอยทอดเมนูนี้อาจต้องมีการผสมระหว่างแป้งมันสำปะหลังกับแป้งสาลี เพื่อให้การทอดที่กรอบและนุ่ม แป้งข้าวโพด (Corn Starch) เป็นแป้งที่ทำมาจากเมล็ดข้าวโพด เนื้อแป้งมีลักษณะเป็นผงมีสีขาวเหลือง เมื่อใช้มือสัมผัสเนื้อแป้งมีความละเอียดเนียน ลื่นมือ เมื่อสุกแล้วตัวแป้งจะมีความข้นเหนียว มีสีใสและไม่คืนตัวเหมือนแป้งมัน เหมาะสำหรับทำอาหารที่ต้องการความคงตัว แป้งข้าวโพดนิยมนำไปประกอบอาหาร เช่น ราดหน้า ซอสชนิดต่าง ๆ รวมถึงไส้ขนม แป้งท้าวยายม่อม (Arrowroot Starch) เป็นแป้งที่ทำมาจากหัวท้าวยายม่อม เนื้อแป้งเป็นเม็ดสีเหลียมเล็ก ๆ สีขาว เมื่อใช้มือสัมผัสเนื้อแป้งจะมีความหยาบ เมื่อเทียบกับแป้งอื่นที่แอดบอกมาก่อนหน้า หากจะนำแป้งนี้ไปใช้ต้องนำแป้งไปบดให้ละเอียดและนำไปร่อนเสียก่อน เมื่อสุกแล้วตัวแป้งจะมีความข้นเหนียว มีสีใส เหมาะสำหรับทำอาหารที่ต้องการความข้นเหนียว แต่มีความใส คนส่วนใหญ่นิยมนำแป้งท้าวยายม่อมมาผสมกับแป้งชนิดอื่น เช่น แป้งข้าวโพด แป้งมัน ฯลฯ เพื่อประกอบอาหารที่ต้องการความข้นเหนียวและมันวาว ส่วนขนมที่นิยมนำแป้งท้าวยายม่อมมาทำเป็นส่วนประกอบ เช่น ขนมน้ำดอกไม้ ขนมชั้น ลอดช่อง เปียกปูน เป็นต้น แป้งถั่วเขียว (Mung Bean Starch) ถั่วเขียวเป็นพืชที่มีประโยชน์หลายอย่างนอกจากทำเป็นวุ้นเส้นที่เรารู้จักกันดีแล้ว ยังสามารถทำเป็นแป้งได้อีก โดยแป้งทำมาจากเมล็ดถั่วเขียว เนื้อแป้งมีลักษณะเป็นผง มีสีขาว เมื่อใช้มือสัมผัสเนื้อแป้งจะมีความสากมือเล็กน้อย เมื่อสุกแล้วตัวแป้งจะมีความใสคล้ายวุ้น แต่หากเมื่อแป้งเย็นตัวลงจะจับตัวเป็นก้อนแข็งแต่มีความเด้งอยู่ในตัว เหมาะสำหรับอาหารที่ต้องการความคงตัวแต่มีความใส ส่วนขนมที่นิยมนำแป้งถั่วเขียวมาทำเป็นส่วนประกอบ เช่น ขนมลอดช่องแก้ว ขนมซาหริ่ม ขนมตะโก้ เป็นต้น แป้งสาลี (Wheat Flour) มาถึงแป้งสุดท้ายที่จะแอดแนะนำในที่นี้คือ แป้งสาลี หลายๆคนที่ทำเบเกอรี่คงรู้จักแป้งชนิดนี้ดีเพราะเป็นแป้งหลักที่ทำเบเกอรี่เลยที่เดียว แป้งสาลีเป็นแป้งที่ทำจากข้าวสาลี เป็นแป้งที่นิยมใช้ในเบเกอรี่เป็นหลัก เนื้อแป้งมีลักษณะเป็นผง มีสีขาว โดยแป้งสาลีมีความแตกต่างจากแป้งชนิดอื่น เพราะแป้งสาลีสามารถแบ่งออกเป็นชนิดต่าง ๆ แบ่งตามปริมาณของโปรตีนในเมล็ดข้าวสาลี ซึ่งทำให้มีลักษณะของแป้งที่ต่างกัน สามารถ แบ่งออกเป็น 3 ประเภท ได้แก่ แป้งสาลีสำหรับทำขนมปัง (Bread Flour) แป้งสาลีชนิดนี้ทำจากเมล็ดข้าวสาลีชนิดหนัก มีปริมาณโปรตีนหรือกลูเตน อยู่ที่ 12 - 13 % เนื้อแป้งมีลักณะเป็นผงสีขาวนวล เมื่อใช้มือสัมผัสเนื้อแป้งจะมีความหยาบกว่าเป็นสาลีชนิดอื่น แต่เนื่องจากมีปริมาณโปรตีนที่สูงกว่าแป้งสาลีชนิดอื่น ดูดซับน้ำได้ดี ทำให้แป้งทำให้แป้งยืดหยุ่น เหนียว กว่าแป้งสาลีชนิดอื่น เหมาะสำหรับนำมาทำขนม เช่น ขนมปัง โดนัท ปาท่องโก๋ พิซซา โรตี เป็นต้น แป้งสาลีเอนกประสงค์ (All Purpose Flour) แป้งสาลีชนิดนี้ทำจากเมล็ดข้าวสาลีชนิดหนักและชนิดเบามาผสมกัน มีปริมาณโปรตีนหรือกลูเตน อยู่ที่ 9 - 10 % เนื้อแป้งมีลักณะเป็นผงสีขาวนวล เมื่อใช้มือสัมผัสเนื้อแป้งจะมีความหยาบน้อยกว่าแป้งขนมปัง ตัวแป้งเมื่อนำมาผสมจะมีความยืดหยุ่น เหนียว เหมาะสำหรับนำมาทำขนม เช่น คุกกี้ พาย แพนเค้ก หรือ จะนำไปทำเป็นแป้งชุบอาหารทอด ก็ได้นะคะ แป้งสาลีสำหรับทำเค้ก (Cake Flour) แป้งสาลีชนิดนี้ทำจากเมล็ดข้าวสาลีชนิดเบา มีปริมาณโปรตีนหรือกลูเตนน้อยที่สุด อยู่ที่ 6 - 9 % เนื้อแป้งมีลักณะเป็นผงสีขาวนวล เมื่อใช้มือสัมผัสเนื้อแป้งจะมีความหยาบน้อยกว่าเป็นสาลีชนิดอื่น แต่เนื่องจากมีปริมาณโปรตีนที่น้อยสุด ทำให้ ดูดซับน้ำไม่คอยดี ทำให้แป้งทำให้แป้งไม่ค่อยเหนียว เหมือนเทียบกับแป้งขนมปัง เหมาะสำหรับนำมาทำขนม เช่น เค้ก ขนมปุยฝ้าย ขนมสาลี่ ขนมกลีบลำดวน เป็นต้น เป็นอย่างไรกันบ้างคะ สำหรับใครที่คิดว่าจะซื้อแป้งสำหรับประกอบอาหารแล้วคิดว่ายาก แอดเชื่อกันว่าทุกคนคงไม่สับสนเวลาไปซื้อแป้งกันแล้ว สำหรับขั้นต่อไปผู้ซื้อคงต้องตัดสินใจเลือกยี้ห้อและราคากันเองแล้วนะคะ ภาพปกจาก : https://www.freepik.com/free-photo/flour-blow-with-wheat-seeds_6069914.htm ภาพประกอบ 1 จาก : https://www.freepik.com/free-photo/high-angle-view-baker-s-hand-holding-flour-white-background_3536578.htm ภาพประกอบ 2 จาก : https://www.freepik.com/free-vector/agricultural-cereals-set_5973040.htm ภาพประกอบ 3 จาก : https://www.freepik.com/free-photo/bagels-with-slices-bread-bowl-flour_7024819.htm