การท่องเที่ยวถือเป็นการเปิดประสบการณ์ที่ดีและกว้างขวาง ซึ่งทำให้เราได้เรียนรู้ ได้เห็นความสวยงามและความมหัศจรรย์ของโลกใบนี้ ครั้งนี้ผู้เขียนก็จะเล่าประสบการณ์การท่องเที่ยวต่างแดนของผู้เขียนอีกครั้ง โดยครั้งนี้เราไปตะลุยกันที่ประเทศมาเลเซีย ซึ่งอยู่ไม่ไกลจากประเทศไทยเรานั่นเองค่ะ สำหรับการเดินทางไปมาเลเซียก็มีหลายทางด้วยกัน ไม่ว่าจะเครื่องบิน , รถยนต์ , รถไฟ เป็นต้น ครั้งนี้ผู้เขียนเดินทางโดยรถบัส โดยรถบัสจะมารับที่ด่านชายแดน หลังจากที่เราจ๊อปพาสปอร์ตออกจากประเทศแล้ว ต่อไปเรามาเริ่มต้นทริปของเรากันเลย หลังจากที่เข้าด่านมาแล้วพวกเราก็ไปขึ้นรถบัส เพื่อจะไปจ๊อปพาสปอร์ตอีกครั้ง แต่ครั้งนี้เป็นการจ๊อปเพื่อเข้าประเทศมาเลเซีย พอไปถึงเจ้าหน้าที่ก็จะสอบถามเราเล็กน้อยว่าไปกี่วัน ไปที่ไหนบ้าง คร่าว ๆ นะคะ พอผ่านตรงนั้นมารถบัสก็จะพาเรามุ่งหน้าไปยังที่เที่ยวแรกตามแพลน สำหรับแพลนเที่ยวที่แรก คือ Cameron highland ซึ่งอยู่ที่รัฐ Pahang จากด่านไปยังที่เที่ยวนั้นใช้เวลาประมาณ 5-6 ชั่วโมง เราไปถึงยัง Cameron ประมาณ 3 โมงกว่า ๆ พอไปถึงฝนก็เริ่มตกโปรยลงมา ทำให้บรรยากาศดูครึ้มและหนาวเย็น เสมือนกับอยู่เชียงใหม่หรือเชียงรายเลยก็ว่าได้ ที่ Cameron บรรยากาศก็เหมือนเราไปเที่ยวทางภาคเหนือของไทย คือ มีไร่ชาอันกว้างใหญ่ไกลสุดลูกหูลูกตาให้เราได้ไปถ่ายภาพกันด้วยนะคะ นอกจากนี้ยังมีไร่สตรอว์เบอร์รี่ให้เราได้เที่ยวชม แต่ไม่สามารถเด็ดจากต้นมาทานได้นะคะ ทางร้านจะมีบริการไว้ด้านหน้าไร่ค่ะ ราคาก็อยู่ที่ประมาณ 20 ริงกิตมาเลเซีย หรือ ราว ๆ 200 บาท หลังจากที่เราชมไร่ชาแล้ว เราก็ซื้อสตรอว์เบอร์รี่ไว้กินระหว่างทาง พอเราลงมาจาก Cameron แล้วก็มุ่งหน้าไปยัง Kuala Lumpur ซึ่งเป็นเมืองหลวงของประเทศมาเลเซียนั่นเอง โดยคืนแรกเราจะพักกันที่นั่น พวกเราไปถึงที่พักประมาณ 23.00 น. เวลามาเลเซียนะคะ เวลาที่นี่จะเร็วกว่าประเทศไทย 1 ชั่วโมง พอไปถึงต่างคนก็ต่างพากันเข้าห้องพัก เพื่อเก็บแรงไว้ตะลุยกันต่อในเช้าวันรุ่งขึ้น โดยแพลนของเราอีกวันหนึ่ง คือ เที่ยวในเมืองและซื้อของฝาก วันที่2 อรุณสวัสดิ์เช้าวันที่ 2 ของพวกเรา ณ ต่างแดน วันนี้พวกเราตื่นกันแต่เช้า เพื่อเตรียมพร้อมที่จะท่องเที่ยวในวันที่ 2 สำหรับที่เที่ยวที่เราจะไปที่แรก คือ Merdeka Square เป็นจัตุรัสที่ตั้งอยู่ในกัวลาลัมเปอร์ ประเทศมาเลเซีย ตั้งอยู่ด้านหน้าอาคาร Sultan Abdul Samad ซึ่งสถานที่นี้ (Merdeka Square) เป็นสถานที่สำคัญทางประวัติศาสตร์ของมาเลเซีย เนื่องจากเป็นสถานที่ที่แสดงถึงความเป็นเอกราชของมาเลเซียนั่งเองหลังจากที่พวกเราเที่ยวที่แรกแล้วก็พากันไปเดินแหล่งช็อปปิ้ง ซึ่งจะคล้าย ๆ กับแพลตตินัมของบ้านเรา พอซื้อของแล้วพวกเราก็นั่งรถไฟฟ้าไปยัง Suria KLCC ซึ่งเป็นห้างที่อยู่ภายใน Petronas twin towers หรือตึกแฝดปีโตนาสนั่นเอง ที่นั่นถือได้ว่าเป็นสัญลักษณ์ของประเทศมาเลเซียก็ว่าได้ เพราะหากใครได้ไปที่นั่นก็ต้องแวะไปถ่ายภาพที่ตึกปีโตนาสกันทุกคน แต่ช่วงที่ผู้เขียนไปเป็นช่วงเที่ยงวันพอดี ทำให้อากาศค่อนข้างร้อน จึงได้เก็บเกี่ยวภาพเพียงไม่นาน จากนั้นพวกเราก็มุ่งหน้าไปยังเมืองปุตราจายา ซึ่งเป็นเมืองใหม่ที่รวบรวมการปกครองของมาเลเซียไว้ที่นั่น นอกจากนี้ธรรมเนียบรัฐบาลมาเลเซียก็ย้ายไปอยู่ที่นั่นด้วยเช่นกัน ที่เมืองปุตราจายาจะคล้าย ๆ กับประเทศสิงคโปร์ อยู่ติดทะเลสาปและมีความทันสมัยและมีมัสยิดสีชมพู อันใหญ่โตมโหฬารตั้งอยู่ ครั้งนี้พวกเราก็ได้ไปเยี่ยมชมมัสยิดด้วยเช่นกัน สำหรับใครที่จะเข้าไปด้านในของมัสยิด ด้านในจะมีเจ้าหน้าคอยสำรวจการแต่งกายของพวกเราด้วยว่าเหมาะสมหรือไม่ หากไม่เหมาะทางเจ้าหน้าที่จะมีชุดคลุมให้เราใส่ ชุดจะคล้ายในหนังแฮรี่พอตเตอร์นะคะ ผู้คนที่ไปเที่ยวส่วนมากก็อยากที่จะสวมใส่ชุดนั้นเช่นกัน เราไปเที่ยวที่มัสยิดเป็นที่สุดท้าย ก่อนจะมุ่งหน้าต่อไปยังเมืองปีนังและค้างคืนที่นั่นเป็นคืนสุดท้าย รถบัสพาพวกเราไปถึงปีนังประมาณ 21.00 น. พวกเราก็พากันหาอะไรทานและแยกย้ายเข้านอน วันที่ 3 เช้าวันสุดท้ายแล้วนะคะสำหรับทริปนี้ วันนี้พวกเราไปเที่ยวในเมืองปีนังกัน โดยเอกลักษณ์ของที่นี่ก็จะเป็นพวกจิตรกรรมฝาผนังและพิพิธภัณฑ์ต่าง ๆ นั่นเอง ครั้งนี้พวกเราก็เดินถ่ายภาพรอบ ๆ เมือง พอเวลาประมาณ 12.00 น. บัสก็จะพาเรามุ่งหน้าด้านชายแดน เพื่อกลับเข้าประเทศ เราถึงที่ด่านกันประมาณ 17.00 น. ก็เตรียมจ๊อปพาสปอร์ตออกจากมาประเทศมาเลเซียและจ๊อปพาสปอร์ตเข้าประเทศไทย จากนั้นรถบัสก็จะพาเราไปส่งยังมหาวิทยาลัยก่อนที่เราจะแยกย้ายกันกลับหอ สำหรับทริปเที่ยวอาเซียนอีกทริปก็จบลงแล้วค่ะ อยากจะแนะนำนะคะใครที่ชอบท่องเที่ยวแบบแบกแพค ประเทศมาเลเซียก็ถือเป็นอีกหนึ่งตัวเลือกในการไปผจญภัยไม่น้อย การเดินทางก็ใช้เวลาระยะสั้นและไม่ยุ่งยาก ลองดูนะคะ แล้วพบกันใหม่ทริปหน้าค่ะ ภาพถ่ายโดย : Little girl(ผู้เขียน)