#tnnexclusive #TNN ช่อง16
การเล่นหวยเป็นกิจกรรมยอดนิยมของคนไทยมาอย่างยาวนาน ถึงแม้จะรู้ดีว่าโอกาสที่จะถูกรางวัลใหญ่นั้นมีน้อยมาก แต่ผู้คนจำนวนไม่น้อยยังคงหวังลมๆ แล้งๆ ว่าสักวันหนึ่งโชคดีจะเข้าข้างตน จนกลายเป็นความเคยชินที่เลิกได้ยาก บทความนี้จะมาวิเคราะห์ถึงโอกาสในการถูกรางวัลใหญ่ รวมถึงสาเหตุที่ทำให้ผู้คนติดหวยกันมากขึ้นหวย: ความหวัง ค่านิยม ความบันเทิง หรือความเคยชิน?คนไทยยังคงเล่นหวยอย่างต่อเนื่อง แม้จะรู้ดีว่าโอกาสในการถูกรางวัลใหญ่นั้นมีน้อยมาก เนื่องจากหลายสาเหตุดังต่อไปนี้1. ความหวัง - ผู้เล่นหวยมักจะมีความหวังลมๆ แล้งๆ ว่าสักวันหนึ่งจะถูกรางวัลใหญ่ จนทำให้ชีวิตดีขึ้นในพริบตา แม้จะรู้ว่าโอกาสน้อยนิดเพียงใด แต่ก็ยังเสี่ยงซื้อต่อไปทุกงวด2. ค่านิยม - การเล่นหวยถือเป็นค่านิยมอย่างหนึ่งของสังคมไทย โดยเฉพาะในกลุ่มผู้มีรายได้น้อย ที่มีความเชื่อว่าการซื้อหวยเป็นทางลัดสู่ความร่ำรวย 3. ความบันเทิง - สำหรับบางคน การซื้อหวยเป็นเหมือนการละเล่นหรือความบันเทิงอย่างหนึ่ง ที่ช่วยผ่อนคลายความเครียดจากการทำงานหรือปัญหาชีวิต แม้จะแพ้บ่อยแต่ยังสนุกกับมันได้4. ความเคยชิน - หลายคนเล่นหวยเป็นประจำจนเป็นความเคยชิน กลายเป็นส่วนหนึ่งของชีวิตไปแล้ว บางคนถึงขั้นเสพติดและเลิกได้ยากปัญหาสื่อโฆษณากระตุ้นให้ซื้อสลากฯปัจจุบันมีสื่อโฆษณาต่างๆ ออกมากระตุ้นให้ผู้คนซื้อสลากกินแบ่งรัฐบาลกันมากขึ้น เช่น การประกาศผลรางวัลผ่านหน้าจอทีวี หนังสือพิมพ์ หรือสื่อออนไลน์ การให้ข่าวเกี่ยวกับเลขเด็ด หรือการโฆษณาประชาสัมพันธ์ต่างๆ ทำให้ผู้คนอยากลองเสี่ยงโชคกันมากขึ้น อาการ "ติดหวย"อาการ "ติดหวย" เป็นผลมาจากการ เล่นหวย จนกลายเป็นความเคยชิน และมีลักษณะคล้ายกับการติดการพนันประเภทอื่นๆ ผู้ที่ติดหวยมักจะหมกมุ่นกับการเสี่ยงโชค คอยวางแผนเรื่องเลขเด็ดอยู่ตลอดเวลา บางคนถึงขั้นเสียการงาน เพราะมัวแต่คิดเรื่องหวยจนขาดสมาธิในการทำงาน นอกจากนี้ยังมักจะใช้เงินจำนวนมากไปกับการซื้อหวยในแต่ละงวด บางรายอาจกระทบกับค่าใช้จ่ายที่จำเป็นในชีวิตประจำวัน เช่น ค่าอาหาร ค่าเช่าบ้าน จนอาจเกิดหนี้สินตามมาผู้ที่ติดหวย หากไม่ได้เล่นเป็นประจำทุกงวด มักจะเกิดอาการหงุดหงิด รู้สึกไม่สบายใจ เหมือนขาดอะไรไป บางคนอาจมีอาการทางกายร่วมด้วย เช่น นอนไม่หลับ เบื่ออาหาร เป็นต้น หากในงวดไหนที่ไม่มีเงินพอจะซื้อหวย ผู้ติดหวยมักจะพยายามกู้ยืมเงินจากทุกทาง เพื่อนำมาเล่นหวยต่อไป ด้วย
อ่านต่อ >381
#region #TNN ช่อง16
วันนี้ (2 พฤษภาคม 2567) นายชัย วัชรงค์ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี เป็นห่วงสุขภาพและความเป็นอยู่ของประชาชน ในช่วงที่ประเทศไทยกำลังเผชิญกับสภาพอากาศที่ร้อนจัด และอุณหภูมิสูง จนอาจเกิดพายุฤดูร้อนตามมาได้ โดยขอให้ประชาชนดูแลรักษาสุขภาพ หลีกเลี่ยงการทำงานหรือการประกอบกิจกรรมในที่โล่งแจ้งเป็นระยะเวลานาน พร้อมทั้งเฝ้าระวังอันตราย และเตรียมพร้อมรับมือกับพายุฤดูร้อน พายุฝนฟ้าคะนอง ลมกระโชกแรงโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า กรมอุตุนิยมวิทยา ได้ออกประกาศเตือนเรื่อง พายุฤดูร้อนบริเวณประเทศไทยตอนบน ฉบับที่ 1 (79/2567) ในวันที่ 1 พฤษภาคม 2567 ที่คาดว่าจะมีผลกระทบในช่วงวันที่ 3 - 7 พฤษภาคม 2567 เนื่องจากมีความกดอากาศต่ำจากความร้อนปกคลุมประเทศไทยตอนบน ทำให้ประเทศไทยมีอากาศร้อนถึงร้อนจัดโดยทั่วไป กับมีฟ้าหลัวในตอนกลางวัน ในขณะที่มีลมใต้และลมตะวันตกเฉียงใต้พัดปกคลุมภาคตะวันออก อาจทำให้เกิดฝนฟ้าคะนองกับมีลมกระโชกแรงบางแห่ง โดยเฉพาะในพื้นที่ไทยตอนบน ภาคเหนือ ภาคกลาง ภาคตะวันออก และภาคอีสาน เนื่องจากมีอากาศร้อนจัด อุณหภูมิสูงสุด 44 องศาเซลเซียส ทั้งนี้ในบริเวณประเทศไทยตอนบนที่มีอากาศร้อนถึงร้อนจัด อาจส่งผลให้บริเวณดังกล่าวเกิดพายุฤดูร้อนเกิดในบางพื้นที่ โดยมีลักษณะของพายุฝนฟ้าคะนอง ลมกระโชกแรง และลูกเห็บตกบางแห่ง รวมถึงอาจมีฟ้าผ่าเกิดขึ้นได้รัฐบาลเน้นย้ำขอให้ประชาชนที่อาศัยอยู่ในบริเวณประเทศไทยตอนบน เฝ้าระวังอันตรายจากเหตุการณ์ดังกล่าวที่อาจจะเกิดขึ้น โดยหลีกเลี่ยงการอยู่ในที่โล่งแจ้ง ใต้ต้นไม้ใหญ่ สิ่งปลูกสร้าง และป้ายโฆษณาที่ไม่แข็งแรง และสำหรับเกษตรกรให้เตรียมการป้องกันและระวังความเสียหายที่จะเกิดต่อผลผลิตทางการเกษตรและอันตรายต่อสัตว์เลี้ยง ทั้งนี้ ขอให้ประชาชนติดตามข่าวสารและประกาศจากกรมอุตุนิยมวิทยาอย่างต่อเนื่อง ที่ http://www.tmd.go.th หรือที่ 0-2399-4012-13 และ 1182 ได้ตลอด 24 ชั่วโมง“นายกรัฐมนตรีห่วงใยประชาชนในการเผชิญกับสภาพอากาศที่ร้อนจัด รวมถึง ระมัดระวังการเกิดอัคคีภัยในบ้านเรือน รวมถึงระมัดระวังหากเกิดเหตุการณ์พายุฤดูร้อนและฝนฟ้าคะนองที่อาจตามมา จึงขอให้ประชาชนเตรียมความพร้อมเพื่อรับมือ และติดตามข่าวสารการพยากรณ์อากาศอย่างสม่ำเสมอ เพื่อป้องกันและลดความสูญเสียในชีวิตและทรัพย์สิน” นายชัย กล่าว
อ่านต่อ >18
#region #TNN ช่อง16
จากกรณี เหตุการณ์ เวลา 18.00 น. ของวันที่ 1 พฤษภาคม 2567 เกิดเหตุไฟไหม้โกดังเก็บสารเคมี ตั้งอยู่ริมถนนสายอุทัย - ภาชี หมู่ 2 อ.ภาชี จ.พระนครศรีอยุธยา เป็นโกดังร้าง มีคนลักลอบนำสารเคมีมาเก็บ เจ้าหน้าที่ยึดไว้เป็นของกลางในคดี 4 พันตัน จุดเกิดเหตุเป็นโกดังที่ 4 และ 5 กำลังเกิดเพลิงลุกไหม้อย่างรุนแรง กลุ่ม ควันดำพวยพุ่ง สู่ท้องฟ้า ส่งกลิ่นเหม็น เป็นวงกว้างต่อมา นายนิวัฒน์ รุ่งสาคร ผู้ว่าราชการจังหวัดพระนครศรีอยุธยา ลงพื้นที่สั่งการด้วยเอง พร้อมสั่งการขอสนับสนุนรถดับเพลิงจากพื้นที่ใกล้เคียง จังหวัดใกล้เคียงเพื่อเข้ามาเร่งควบคุมสถานการณ์ให้ได้โดยเร็วที่สุด สั่งการในเรื่องดับเพลิงก่อนประสานหน่วยงานข้างเคียงรถดับเพลิงที่อยู่ในพื้นที่ทั้งหมด จัดการจราจร และเตรียมอพยพคนย้ายคนผู้ป่วยที่โรงพยาบาลภาชี กว่า 30 คน ย้ายไปก่อนเนื่องจากยังมีกลุ่มควันจำนวนมากอยู่ โดยจะย้ายไปโรงพยาบาลวังน้อย โรงพยาบาลท่าเรือ และโรงพยาบาลอุทัยล่าสุดทาง ทาง สำนักงานสาธารณสุขจังหวัดพระนครศรีอยุธยา ออกประกาศ โรงพยาบาลภาชี ปิดการให้บริการชั่วคราว เนื่องจากได้รับผลกระทบจากกลุ่มควันที่เกิดเพลิงไหม้ภายในโกดังเก็บสารเคมีของกลางลอยไปถึงโรงพยาบาล ซึ่งห่างประมาณ 600 เมตร ส่งผลทำให้อาจเกิดผลกระทบทางสุขภาพจากการเผาไหม้ของสารเคมีภาพจาก ผู้สื่อข่าวอยุธยา ขณะที่ โรงพยาบาลภาชี ได้อพยพผู้ป่วย ประมาณ 37 ราย ออกจากโรงพยาบาลไปยังโรงพยาบาลที่ได้มีการประสานเตรียมรองรับผู้ป่วยไว้แล้ว ได้แก่ โรงพยาบาลวังน้อย โรงพยาบาลท่าเรือ และโรงพยาบาลอุทัย หรือโรงพยาบาลที่สามารถรองรับได้ทั้งหมด แล้ว รวมถึงที่ โรงพยาบาลสนานและศูนย์อพยพ ที่ วัดโคกม่วง ตำบลโคกม่วง อำเภอภาชี ตอนนี้เจ้าหน้าที่ได้จัดเตรียมสนานที่ พร้อมรองรับผู้ที่ได้รับผลกระทบ โดยมีการเตรียมที่นอน หมอน มุ่ง อาหารน้ำดื่มรวมถึงจัดทีมแทพย์มาคอยช่วยเหลือพี่น้องประชาชน พบว่ามีประชาชนที่ได้รับผลกระทบบางส่วนเดินทางมาอยู่ในศูนย์อพยพแห่งนี้แล้วพระครูพิพัฒน์ ศาสนกิจจาทร เจ้าอาวาสวัดโคกม่วง เจ้าคณะตำบลภาชี เปิดเผยว่าหลังจากได้รับการประสานก็พร้อมเปิดเป็นศูนย์อพยพได้ทันที ซึ่งตอนนี้ก็มีมาแล้วบางส่วน ซึ่งตรงนี้สามารถรับได้เป็นร้อยคน และยังมีอาคารด้านในอีกและโรงเรียน ซึ่งสามารถรองรับได้เรื่อยๆ ซึ่งประสานวัดในเขตปกครองไว้แล้วถ้าไม่เพียงพอหรือเกิดเหตุฉุกเฉินภาพจาก ผู้สื่อข่าวอยุธยา
อ่านต่อ >40
#tnnexclusive #TNN ช่อง16
รัฐชาติจะดำเนินไปได้อย่างมั่นคง การมี “ผู้บริหารประเทศ” ที่เก่งกล้าสามารถ หรือการมี “ข้าราชการ” ที่ซื่อสัตย์ เป็นสิ่งที่สำคัญ แต่ที่สำคัญที่สุด หนีไม่พ้น “แรงงาน” ที่เป็นพลังขับเคลื่อนเศรษฐกิจ “จากเบื้องล่าง” และเป็น “ผู้อยู่เบื้องหลัง” ให้ประเทศมั่นคง มั่งคั่ง ยั่งยืน ต่อไปได้อย่างไรเสียแรงงานมักเป็น “ผู้ที่ถูกลืม” อยู่บ่อยครั้ง ดังนั้น การสร้างความตระหนักรู้หรือการเร้าอารมณ์แก่ผู้คนที่ดีที่สุดจึงต้องมาจาก “บทเพลง” โดยเฉพาะเพลงลูกทุ่งซึ่งได้รับความนิยมในวงกว้างท่ามกลางเพลงลูกทุ่งที่มักบรรยายถึงท้องไร่ท้องนา แต่ได้มีนักร้องท่านหนึ่งที่ได้ “เล่นฉีก” มาในแนวเพลง “สะท้อนความลำบากของแรงงานในเมืองหลวง” นั่นก็คือ “ไมค์ ภิรมย์พร”ยิ่งไปกว่านั้น การทำแนวเพลงเช่นนี้ยังเป็นการ “ปฏิวัติเพลงลูกทุ่ง” เมื่อเข้าสู่ยุคยุคมิลเลนเนียมอีกด้วยร่วมติดตามรอยทางการสร้างตำนานของ “นักร้องขวัญใจผู้ใช้แรงงาน” ท่านนี้ได้ ณ บัดนี้จากแดนอีสานบ้านเกิดเมืองนอน มาเล่นละครบทชีวิตหนักก่อนอื่น ต้องยอมรับว่า แนวเพลงลูกทุ่งในช่วงก่อนมิลเลนเนียม เป็นการต่อสู้ระหว่าง “ลูกทุ่งสตริง” และ “ลูกทุ่งหมอลำ” โดยเป็นช่วงขาขึ้นของลูกทุ่งหมอลำอย่างมาก ไล่มาตั้งแต่ พรศักดิ์ ส่องแสง, สาธิต ทองจันทร์, รุ่งโรจน์ เพชรธงชัย, จินตหรา พูนลาภ, ศิริพร อำไพพงศ์ หรือร็อคสะเดิดแน่นอนว่า สิ่งที่เน้นหนักคือ “แนวทำนอง” ส่วนเนื้อหายังคงเป็นเรื่องชนบท ท้องทุ่ง หรือความรัก เป็นที่ตั้งแต่ “พรภิรมย์ พินทะปะกัง” ชื่อจริงของไมค์ ภิรมย์พร ไม่ได้เป็นเช่นนั้น เพราะหลังจากที่เขาได้รับโอกาสจาก “แกรมมี่โกลด์” ค่ายเพลงลูกทุ่งในเครือ “จีเอ็มเอ็ม แกรมมี่” เป็นศิลปิน “คนแรก” ของค่าย ในอัลบั้มชุดเปิดตัว กลับสร้างเซอรืไพร์สแก่วงการเป็นที่สุด“คันหลังก็ลาว” บทเพลงไตเติ้ล กล่าวถึงชาวอีสาน ที่มา “ขายแรงงาน” ในเมืองกรุงแบบชัดเจน รวมถึงเพลง “ผู้อยู่เบื้องหลัง” ที่กล่าวถึงความยากลำบากของแรงงานแบบตรง ๆ ว่าเป็นพวก “ทำดีไม่มีใครเห็น” โดยมีเนื้อเพลง ดังนี้“ตึกนี้สูงใหญ่มือไผเล่าสร้าง ทั่วทุกเส้นทาง ไผสร้างไผเฮ็ดถนน นั่งนอนซำบาย ฮู้บ่ไผหนอทุกข์ทน กรำแดด กรำฝน แบกขนนั่นแม่นผู้ใดข้าวนี้คำนี้ไผที่ปลูกข้าว ฮู้บ้างหรือเปล่า ว่าข้าวนั้นมาจากไหน เสื้อผ้าสดสวย แฟชั่นที่ทันสมัย สวยที่คนใส่ คนเฮ็ดบ่มีไผชมหมู่เฮา คือผู้อยู่เบื้องหลัง คือผู้สรรค์สร้าง เพื่อคนอื่นได้สุขสม หยา
อ่านต่อ >36
#tnnexclusive #TNN ช่อง16
การเล่นหวยเป็นกิจกรรมยอดนิยมของคนไทยมาอย่างยาวนาน ถึงแม้จะรู้ดีว่าโอกาสที่จะถูกรางวัลใหญ่นั้นมีน้อยมาก แต่ผู้คนจำนวนไม่น้อยยังคงหวังลมๆ แล้งๆ ว่าสักวันหนึ่งโชคดีจะเข้าข้างตน จนกลายเป็นความเคยชินที่เลิกได้ยาก บทความนี้จะมาวิเคราะห์ถึงโอกาสในการถูกรางวัลใหญ่ รวมถึงสาเหตุที่ทำให้ผู้คนติดหวยกันมากขึ้นหวย: ความหวัง ค่านิยม ความบันเทิง หรือความเคยชิน?คนไทยยังคงเล่นหวยอย่างต่อเนื่อง แม้จะรู้ดีว่าโอกาสในการถูกรางวัลใหญ่นั้นมีน้อยมาก เนื่องจากหลายสาเหตุดังต่อไปนี้1. ความหวัง - ผู้เล่นหวยมักจะมีความหวังลมๆ แล้งๆ ว่าสักวันหนึ่งจะถูกรางวัลใหญ่ จนทำให้ชีวิตดีขึ้นในพริบตา แม้จะรู้ว่าโอกาสน้อยนิดเพียงใด แต่ก็ยังเสี่ยงซื้อต่อไปทุกงวด2. ค่านิยม - การเล่นหวยถือเป็นค่านิยมอย่างหนึ่งของสังคมไทย โดยเฉพาะในกลุ่มผู้มีรายได้น้อย ที่มีความเชื่อว่าการซื้อหวยเป็นทางลัดสู่ความร่ำรวย 3. ความบันเทิง - สำหรับบางคน การซื้อหวยเป็นเหมือนการละเล่นหรือความบันเทิงอย่างหนึ่ง ที่ช่วยผ่อนคลายความเครียดจากการทำงานหรือปัญหาชีวิต แม้จะแพ้บ่อยแต่ยังสนุกกับมันได้4. ความเคยชิน - หลายคนเล่นหวยเป็นประจำจนเป็นความเคยชิน กลายเป็นส่วนหนึ่งของชีวิตไปแล้ว บางคนถึงขั้นเสพติดและเลิกได้ยากปัญหาสื่อโฆษณากระตุ้นให้ซื้อสลากฯปัจจุบันมีสื่อโฆษณาต่างๆ ออกมากระตุ้นให้ผู้คนซื้อสลากกินแบ่งรัฐบาลกันมากขึ้น เช่น การประกาศผลรางวัลผ่านหน้าจอทีวี หนังสือพิมพ์ หรือสื่อออนไลน์ การให้ข่าวเกี่ยวกับเลขเด็ด หรือการโฆษณาประชาสัมพันธ์ต่างๆ ทำให้ผู้คนอยากลองเสี่ยงโชคกันมากขึ้น อาการ "ติดหวย"อาการ "ติดหวย" เป็นผลมาจากการ เล่นหวย จนกลายเป็นความเคยชิน และมีลักษณะคล้ายกับการติดการพนันประเภทอื่นๆ ผู้ที่ติดหวยมักจะหมกมุ่นกับการเสี่ยงโชค คอยวางแผนเรื่องเลขเด็ดอยู่ตลอดเวลา บางคนถึงขั้นเสียการงาน เพราะมัวแต่คิดเรื่องหวยจนขาดสมาธิในการทำงาน นอกจากนี้ยังมักจะใช้เงินจำนวนมากไปกับการซื้อหวยในแต่ละงวด บางรายอาจกระทบกับค่าใช้จ่ายที่จำเป็นในชีวิตประจำวัน เช่น ค่าอาหาร ค่าเช่าบ้าน จนอาจเกิดหนี้สินตามมาผู้ที่ติดหวย หากไม่ได้เล่นเป็นประจำทุกงวด มักจะเกิดอาการหงุดหงิด รู้สึกไม่สบายใจ เหมือนขาดอะไรไป บางคนอาจมีอาการทางกายร่วมด้วย เช่น นอนไม่หลับ เบื่ออาหาร เป็นต้น หากในงวดไหนที่ไม่มีเงินพอจะซื้อหวย ผู้ติดหวยมักจะพยายามกู้ยืมเงินจากทุกทาง เพื่อนำมาเล่นหวยต่อไป ด้วย
อ่านต่อ >381
#region #TNN ช่อง16
วันนี้ (2 พฤษภาคม 2567) นายชัย วัชรงค์ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี เป็นห่วงสุขภาพและความเป็นอยู่ของประชาชน ในช่วงที่ประเทศไทยกำลังเผชิญกับสภาพอากาศที่ร้อนจัด และอุณหภูมิสูง จนอาจเกิดพายุฤดูร้อนตามมาได้ โดยขอให้ประชาชนดูแลรักษาสุขภาพ หลีกเลี่ยงการทำงานหรือการประกอบกิจกรรมในที่โล่งแจ้งเป็นระยะเวลานาน พร้อมทั้งเฝ้าระวังอันตราย และเตรียมพร้อมรับมือกับพายุฤดูร้อน พายุฝนฟ้าคะนอง ลมกระโชกแรงโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า กรมอุตุนิยมวิทยา ได้ออกประกาศเตือนเรื่อง พายุฤดูร้อนบริเวณประเทศไทยตอนบน ฉบับที่ 1 (79/2567) ในวันที่ 1 พฤษภาคม 2567 ที่คาดว่าจะมีผลกระทบในช่วงวันที่ 3 - 7 พฤษภาคม 2567 เนื่องจากมีความกดอากาศต่ำจากความร้อนปกคลุมประเทศไทยตอนบน ทำให้ประเทศไทยมีอากาศร้อนถึงร้อนจัดโดยทั่วไป กับมีฟ้าหลัวในตอนกลางวัน ในขณะที่มีลมใต้และลมตะวันตกเฉียงใต้พัดปกคลุมภาคตะวันออก อาจทำให้เกิดฝนฟ้าคะนองกับมีลมกระโชกแรงบางแห่ง โดยเฉพาะในพื้นที่ไทยตอนบน ภาคเหนือ ภาคกลาง ภาคตะวันออก และภาคอีสาน เนื่องจากมีอากาศร้อนจัด อุณหภูมิสูงสุด 44 องศาเซลเซียส ทั้งนี้ในบริเวณประเทศไทยตอนบนที่มีอากาศร้อนถึงร้อนจัด อาจส่งผลให้บริเวณดังกล่าวเกิดพายุฤดูร้อนเกิดในบางพื้นที่ โดยมีลักษณะของพายุฝนฟ้าคะนอง ลมกระโชกแรง และลูกเห็บตกบางแห่ง รวมถึงอาจมีฟ้าผ่าเกิดขึ้นได้รัฐบาลเน้นย้ำขอให้ประชาชนที่อาศัยอยู่ในบริเวณประเทศไทยตอนบน เฝ้าระวังอันตรายจากเหตุการณ์ดังกล่าวที่อาจจะเกิดขึ้น โดยหลีกเลี่ยงการอยู่ในที่โล่งแจ้ง ใต้ต้นไม้ใหญ่ สิ่งปลูกสร้าง และป้ายโฆษณาที่ไม่แข็งแรง และสำหรับเกษตรกรให้เตรียมการป้องกันและระวังความเสียหายที่จะเกิดต่อผลผลิตทางการเกษตรและอันตรายต่อสัตว์เลี้ยง ทั้งนี้ ขอให้ประชาชนติดตามข่าวสารและประกาศจากกรมอุตุนิยมวิทยาอย่างต่อเนื่อง ที่ http://www.tmd.go.th หรือที่ 0-2399-4012-13 และ 1182 ได้ตลอด 24 ชั่วโมง“นายกรัฐมนตรีห่วงใยประชาชนในการเผชิญกับสภาพอากาศที่ร้อนจัด รวมถึง ระมัดระวังการเกิดอัคคีภัยในบ้านเรือน รวมถึงระมัดระวังหากเกิดเหตุการณ์พายุฤดูร้อนและฝนฟ้าคะนองที่อาจตามมา จึงขอให้ประชาชนเตรียมความพร้อมเพื่อรับมือ และติดตามข่าวสารการพยากรณ์อากาศอย่างสม่ำเสมอ เพื่อป้องกันและลดความสูญเสียในชีวิตและทรัพย์สิน” นายชัย กล่าว
อ่านต่อ >18
#region #TNN ช่อง16
จากกรณี เหตุการณ์ เวลา 18.00 น. ของวันที่ 1 พฤษภาคม 2567 เกิดเหตุไฟไหม้โกดังเก็บสารเคมี ตั้งอยู่ริมถนนสายอุทัย - ภาชี หมู่ 2 อ.ภาชี จ.พระนครศรีอยุธยา เป็นโกดังร้าง มีคนลักลอบนำสารเคมีมาเก็บ เจ้าหน้าที่ยึดไว้เป็นของกลางในคดี 4 พันตัน จุดเกิดเหตุเป็นโกดังที่ 4 และ 5 กำลังเกิดเพลิงลุกไหม้อย่างรุนแรง กลุ่ม ควันดำพวยพุ่ง สู่ท้องฟ้า ส่งกลิ่นเหม็น เป็นวงกว้างต่อมา นายนิวัฒน์ รุ่งสาคร ผู้ว่าราชการจังหวัดพระนครศรีอยุธยา ลงพื้นที่สั่งการด้วยเอง พร้อมสั่งการขอสนับสนุนรถดับเพลิงจากพื้นที่ใกล้เคียง จังหวัดใกล้เคียงเพื่อเข้ามาเร่งควบคุมสถานการณ์ให้ได้โดยเร็วที่สุด สั่งการในเรื่องดับเพลิงก่อนประสานหน่วยงานข้างเคียงรถดับเพลิงที่อยู่ในพื้นที่ทั้งหมด จัดการจราจร และเตรียมอพยพคนย้ายคนผู้ป่วยที่โรงพยาบาลภาชี กว่า 30 คน ย้ายไปก่อนเนื่องจากยังมีกลุ่มควันจำนวนมากอยู่ โดยจะย้ายไปโรงพยาบาลวังน้อย โรงพยาบาลท่าเรือ และโรงพยาบาลอุทัยล่าสุดทาง ทาง สำนักงานสาธารณสุขจังหวัดพระนครศรีอยุธยา ออกประกาศ โรงพยาบาลภาชี ปิดการให้บริการชั่วคราว เนื่องจากได้รับผลกระทบจากกลุ่มควันที่เกิดเพลิงไหม้ภายในโกดังเก็บสารเคมีของกลางลอยไปถึงโรงพยาบาล ซึ่งห่างประมาณ 600 เมตร ส่งผลทำให้อาจเกิดผลกระทบทางสุขภาพจากการเผาไหม้ของสารเคมีภาพจาก ผู้สื่อข่าวอยุธยา ขณะที่ โรงพยาบาลภาชี ได้อพยพผู้ป่วย ประมาณ 37 ราย ออกจากโรงพยาบาลไปยังโรงพยาบาลที่ได้มีการประสานเตรียมรองรับผู้ป่วยไว้แล้ว ได้แก่ โรงพยาบาลวังน้อย โรงพยาบาลท่าเรือ และโรงพยาบาลอุทัย หรือโรงพยาบาลที่สามารถรองรับได้ทั้งหมด แล้ว รวมถึงที่ โรงพยาบาลสนานและศูนย์อพยพ ที่ วัดโคกม่วง ตำบลโคกม่วง อำเภอภาชี ตอนนี้เจ้าหน้าที่ได้จัดเตรียมสนานที่ พร้อมรองรับผู้ที่ได้รับผลกระทบ โดยมีการเตรียมที่นอน หมอน มุ่ง อาหารน้ำดื่มรวมถึงจัดทีมแทพย์มาคอยช่วยเหลือพี่น้องประชาชน พบว่ามีประชาชนที่ได้รับผลกระทบบางส่วนเดินทางมาอยู่ในศูนย์อพยพแห่งนี้แล้วพระครูพิพัฒน์ ศาสนกิจจาทร เจ้าอาวาสวัดโคกม่วง เจ้าคณะตำบลภาชี เปิดเผยว่าหลังจากได้รับการประสานก็พร้อมเปิดเป็นศูนย์อพยพได้ทันที ซึ่งตอนนี้ก็มีมาแล้วบางส่วน ซึ่งตรงนี้สามารถรับได้เป็นร้อยคน และยังมีอาคารด้านในอีกและโรงเรียน ซึ่งสามารถรองรับได้เรื่อยๆ ซึ่งประสานวัดในเขตปกครองไว้แล้วถ้าไม่เพียงพอหรือเกิดเหตุฉุกเฉินภาพจาก ผู้สื่อข่าวอยุธยา
อ่านต่อ >40
#tnnexclusive #TNN ช่อง16
รัฐชาติจะดำเนินไปได้อย่างมั่นคง การมี “ผู้บริหารประเทศ” ที่เก่งกล้าสามารถ หรือการมี “ข้าราชการ” ที่ซื่อสัตย์ เป็นสิ่งที่สำคัญ แต่ที่สำคัญที่สุด หนีไม่พ้น “แรงงาน” ที่เป็นพลังขับเคลื่อนเศรษฐกิจ “จากเบื้องล่าง” และเป็น “ผู้อยู่เบื้องหลัง” ให้ประเทศมั่นคง มั่งคั่ง ยั่งยืน ต่อไปได้อย่างไรเสียแรงงานมักเป็น “ผู้ที่ถูกลืม” อยู่บ่อยครั้ง ดังนั้น การสร้างความตระหนักรู้หรือการเร้าอารมณ์แก่ผู้คนที่ดีที่สุดจึงต้องมาจาก “บทเพลง” โดยเฉพาะเพลงลูกทุ่งซึ่งได้รับความนิยมในวงกว้างท่ามกลางเพลงลูกทุ่งที่มักบรรยายถึงท้องไร่ท้องนา แต่ได้มีนักร้องท่านหนึ่งที่ได้ “เล่นฉีก” มาในแนวเพลง “สะท้อนความลำบากของแรงงานในเมืองหลวง” นั่นก็คือ “ไมค์ ภิรมย์พร”ยิ่งไปกว่านั้น การทำแนวเพลงเช่นนี้ยังเป็นการ “ปฏิวัติเพลงลูกทุ่ง” เมื่อเข้าสู่ยุคยุคมิลเลนเนียมอีกด้วยร่วมติดตามรอยทางการสร้างตำนานของ “นักร้องขวัญใจผู้ใช้แรงงาน” ท่านนี้ได้ ณ บัดนี้จากแดนอีสานบ้านเกิดเมืองนอน มาเล่นละครบทชีวิตหนักก่อนอื่น ต้องยอมรับว่า แนวเพลงลูกทุ่งในช่วงก่อนมิลเลนเนียม เป็นการต่อสู้ระหว่าง “ลูกทุ่งสตริง” และ “ลูกทุ่งหมอลำ” โดยเป็นช่วงขาขึ้นของลูกทุ่งหมอลำอย่างมาก ไล่มาตั้งแต่ พรศักดิ์ ส่องแสง, สาธิต ทองจันทร์, รุ่งโรจน์ เพชรธงชัย, จินตหรา พูนลาภ, ศิริพร อำไพพงศ์ หรือร็อคสะเดิดแน่นอนว่า สิ่งที่เน้นหนักคือ “แนวทำนอง” ส่วนเนื้อหายังคงเป็นเรื่องชนบท ท้องทุ่ง หรือความรัก เป็นที่ตั้งแต่ “พรภิรมย์ พินทะปะกัง” ชื่อจริงของไมค์ ภิรมย์พร ไม่ได้เป็นเช่นนั้น เพราะหลังจากที่เขาได้รับโอกาสจาก “แกรมมี่โกลด์” ค่ายเพลงลูกทุ่งในเครือ “จีเอ็มเอ็ม แกรมมี่” เป็นศิลปิน “คนแรก” ของค่าย ในอัลบั้มชุดเปิดตัว กลับสร้างเซอรืไพร์สแก่วงการเป็นที่สุด“คันหลังก็ลาว” บทเพลงไตเติ้ล กล่าวถึงชาวอีสาน ที่มา “ขายแรงงาน” ในเมืองกรุงแบบชัดเจน รวมถึงเพลง “ผู้อยู่เบื้องหลัง” ที่กล่าวถึงความยากลำบากของแรงงานแบบตรง ๆ ว่าเป็นพวก “ทำดีไม่มีใครเห็น” โดยมีเนื้อเพลง ดังนี้“ตึกนี้สูงใหญ่มือไผเล่าสร้าง ทั่วทุกเส้นทาง ไผสร้างไผเฮ็ดถนน นั่งนอนซำบาย ฮู้บ่ไผหนอทุกข์ทน กรำแดด กรำฝน แบกขนนั่นแม่นผู้ใดข้าวนี้คำนี้ไผที่ปลูกข้าว ฮู้บ้างหรือเปล่า ว่าข้าวนั้นมาจากไหน เสื้อผ้าสดสวย แฟชั่นที่ทันสมัย สวยที่คนใส่ คนเฮ็ดบ่มีไผชมหมู่เฮา คือผู้อยู่เบื้องหลัง คือผู้สรรค์สร้าง เพื่อคนอื่นได้สุขสม หยา
อ่านต่อ >36
#tnnexclusive #TNN ช่อง16
การเล่นหวยเป็นกิจกรรมยอดนิยมของคนไทยมาอย่างยาวนาน ถึงแม้จะรู้ดีว่าโอกาสที่จะถูกรางวัลใหญ่นั้นมีน้อยมาก แต่ผู้คนจำนวนไม่น้อยยังคงหวังลมๆ แล้งๆ ว่าสักวันหนึ่งโชคดีจะเข้าข้างตน จนกลายเป็นความเคยชินที่เลิกได้ยาก บทความนี้จะมาวิเคราะห์ถึงโอกาสในการถูกรางวัลใหญ่ รวมถึงสาเหตุที่ทำให้ผู้คนติดหวยกันมากขึ้นหวย: ความหวัง ค่านิยม ความบันเทิง หรือความเคยชิน?คนไทยยังคงเล่นหวยอย่างต่อเนื่อง แม้จะรู้ดีว่าโอกาสในการถูกรางวัลใหญ่นั้นมีน้อยมาก เนื่องจากหลายสาเหตุดังต่อไปนี้1. ความหวัง - ผู้เล่นหวยมักจะมีความหวังลมๆ แล้งๆ ว่าสักวันหนึ่งจะถูกรางวัลใหญ่ จนทำให้ชีวิตดีขึ้นในพริบตา แม้จะรู้ว่าโอกาสน้อยนิดเพียงใด แต่ก็ยังเสี่ยงซื้อต่อไปทุกงวด2. ค่านิยม - การเล่นหวยถือเป็นค่านิยมอย่างหนึ่งของสังคมไทย โดยเฉพาะในกลุ่มผู้มีรายได้น้อย ที่มีความเชื่อว่าการซื้อหวยเป็นทางลัดสู่ความร่ำรวย 3. ความบันเทิง - สำหรับบางคน การซื้อหวยเป็นเหมือนการละเล่นหรือความบันเทิงอย่างหนึ่ง ที่ช่วยผ่อนคลายความเครียดจากการทำงานหรือปัญหาชีวิต แม้จะแพ้บ่อยแต่ยังสนุกกับมันได้4. ความเคยชิน - หลายคนเล่นหวยเป็นประจำจนเป็นความเคยชิน กลายเป็นส่วนหนึ่งของชีวิตไปแล้ว บางคนถึงขั้นเสพติดและเลิกได้ยากปัญหาสื่อโฆษณากระตุ้นให้ซื้อสลากฯปัจจุบันมีสื่อโฆษณาต่างๆ ออกมากระตุ้นให้ผู้คนซื้อสลากกินแบ่งรัฐบาลกันมากขึ้น เช่น การประกาศผลรางวัลผ่านหน้าจอทีวี หนังสือพิมพ์ หรือสื่อออนไลน์ การให้ข่าวเกี่ยวกับเลขเด็ด หรือการโฆษณาประชาสัมพันธ์ต่างๆ ทำให้ผู้คนอยากลองเสี่ยงโชคกันมากขึ้น อาการ "ติดหวย"อาการ "ติดหวย" เป็นผลมาจากการ เล่นหวย จนกลายเป็นความเคยชิน และมีลักษณะคล้ายกับการติดการพนันประเภทอื่นๆ ผู้ที่ติดหวยมักจะหมกมุ่นกับการเสี่ยงโชค คอยวางแผนเรื่องเลขเด็ดอยู่ตลอดเวลา บางคนถึงขั้นเสียการงาน เพราะมัวแต่คิดเรื่องหวยจนขาดสมาธิในการทำงาน นอกจากนี้ยังมักจะใช้เงินจำนวนมากไปกับการซื้อหวยในแต่ละงวด บางรายอาจกระทบกับค่าใช้จ่ายที่จำเป็นในชีวิตประจำวัน เช่น ค่าอาหาร ค่าเช่าบ้าน จนอาจเกิดหนี้สินตามมาผู้ที่ติดหวย หากไม่ได้เล่นเป็นประจำทุกงวด มักจะเกิดอาการหงุดหงิด รู้สึกไม่สบายใจ เหมือนขาดอะไรไป บางคนอาจมีอาการทางกายร่วมด้วย เช่น นอนไม่หลับ เบื่ออาหาร เป็นต้น หากในงวดไหนที่ไม่มีเงินพอจะซื้อหวย ผู้ติดหวยมักจะพยายามกู้ยืมเงินจากทุกทาง เพื่อนำมาเล่นหวยต่อไป ด้วย
อ่านต่อ >381