แผนการลงทุนต่อไปของ Facebook : Instagram Shopping และ Facebook Marketplace ในช่วงวิกฤติโควิด-19 Facebook ได้ทำกำไรจากค่าโฆษณาได้อย่างมหาศาล ซึ่งกำไรได้เพิ่มขึ้นเป็นเท่าตัว Facebook ได้เติบโตขึ้นอย่างรวดเร็ว โดยในไตรมาสที่ผ่านมา Facebook มีผลประกอบการที่เติบโตมากยิ่งขึ้นถึง 48 เปอร์เซ็นต์ ซึ่งเป็นมูลค่าเกือบมากถึง 26,200 ล้านดอลลาร์สหรัฐ โดยคิดเป็นสัดส่วนกำไรสุทธิที่เติบโตขึ้นจาก 4,900 ล้านเป็น 9,500 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ซึ่ง 97% ของผลประกอบการรวมของ Facebook มาจากค่าโฆษณาทั้งสิ้น เป็นโฆษณาที่จะปรากฏขึ้นตามหน้า Feed ของผู้ใช้ Facebook ซึ่งในไตรมาสที่ผ่านมามีการเผยแพร่โฆษณาเพิ่มขึ้นถึง 12% และค่าโฆษณาก็เพิ่มขึ้นมาอีกด้วยถึง 30% Facebook ทำกำไรมากมายมหาศาลเหล่านี้ได้จากไหน ในช่วงวิกฤติโควิด -19 สืบเนื่องมาจากการที่มีมาตรการป้องกันการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 อาทิเช่นมาตราการจำกัดการเดินทางและการล็อกดาวน์ของประเทศต่างๆทั่วโลก และอีกทั้ง จำนวนของผู้ใช้ Facebook ที่เฉลี่ยเข้าใช้ Facebook อย่างน้อย 1 ครั้งต่อเดือนได้เพิ่มขึ้นจากประมาณ 50 ล้านคนเป็น 2,850 ล้านคนภายในระยะเวลาแค่ 3 เดือนเท่านั้น และผู้ใช้ Facebook ที่เข้าใช้ Facebook ทุกวันมีเกือบมากถึง 1,900 ล้านคน แค่เฉพาะ App 1 App ที่สังกัดอยู่ในยักษ์ใหญ่ Facebook เช่น Instagram หรือ Whatsapp ก็มีคนเข้าใช้งานเฉลี่ยวันละมากถึง 2,720 ล้านคน ซึ่งมีจำนวนมากขึ้นถึง 120 ล้านคนเทียบกับเมื่อ 3 เดือนที่ผ่านมา ซึ่งจำนวนผู้ใช้ Facebook จำนวนมหาศาลนี้ เป็นเสน่ห์ที่น่าดึงดูดอย่างมากสำหรับบริษัทที่ต้องการทำการตลาดในด้านออนไลน์ ในช่วงวิกฤติโควิด-19 ระลอกนี้ทำให้มีบริษัทจำนวนมากเลือกที่จะโฆษณาผลิตภัณฑ์ของตน ผ่านช่องทาง Facebook เพื่อเข้าถึงลูกค้าได้โดยตรง ทำให้ Facebook ได้เปรียบมากในช่วงเวลานี้ ในการที่จะสร้างกำไรมหาศาลในช่วงเวลานี้ เพราะเป็น Platform ที่เหมาะสมมากๆในการทำการตลาดออนไลน์ ด้วยเหตุนี้ Facebook จึงได้ถูกจัดอันดับให้เป็นบริษัทที่ทำกำไรได้มากที่สุดบริษัทหนึ่งของโลกในช่วงวิกฤติโควิด-19 Facebook จึงเดินหน้าต่อในการลงทุน “Instagram Shopping” จากการทำกำไรมหาศาลในช่วงวิกฤติโควิด-19 นั้น ทำให้ Facebook มีแผนในการลงทุนต่อทางด้าน Software Computer ที่ Facebook ที่ออกแบบขึ้นเพื่อให้ผู้บริโภครู้สึกเหมือนกับว่าไปเที่ยวอยู่กับบุคคลอีกคนหนึ่งในสถานที่หนึ่งจริงๆ ซึ่งจะทำให้ผู้คนสามารถได้รับประสบการณ์มากมายเหมือนกับไปสถานที่นั้นมาจริงๆได้ โดยเป็นระบบที่ Facebook ตั้งใจพัฒนามาเป็นเวลานาน นอกจากนั้น Mark Zuckerberg มีเป้าหมายที่จะทำให้ Facebook เป็น Platform E-Commerce อย่างเต็มรูปแบบ ถึงแม้ว่าโปรเจคนี้อาจจะต้องใช้เวลานานหลายปีเลยทีเดียว ซึ่งโปรเจค 2 โปรเจคนี้มีจุดประสงค์เดียวกันนั่นก็คือการส่งเสริมให้ผู้คนเข้ามาใช้บริการช้อปปิ้งออนไลน์มากยิ่งขึ้นนั่นเอง เรียกได้ว่าในอนาคต เราอาจจะประชากรโลกส่วนใหญ่ ออกจากบ้านน้อยลง และช้อปปิ้งออนไลน์ จนอาจจะเกิดกระแสการเปลี่ยนแปลงครั้งยิ่งใหญ่ ที่ร้านค้าปิดน้อยลงเหลือแต่เจ้าใหญ่ๆ และร้านค้าออนไลน์มีมากขึ้นจนน่าตกใจ ความคิดเห็นส่วนตัวของผู้เขียน ผมโดยประสบการณ์ส่วนตัวก็ต้องยอมรับเลยว่า เข้า Facebook ค่อนข้างบ่อยใน 1 วันและผมเชื่อว่าคนอื่นๆก็คงเล่น Facebook กันบ่อยมากๆเหมือนกัน ผมคิดว่าถ้า Facebook ทำ Marketplace และ Instagram Shopping สำเร็จ ก็จะทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงรูปแบบการซื้อขายครั้งยิ่งใหญ่ของโลกเลยทีเดียว จากแต่ก่อนที่คน 1 คนเล่น Facebook เพื่อติดต่อสื่อสารกับกลุ่มคนในโลกออนไลน์และเขาก็อาจจะออกนอกบ้านไป shopping ซื้อของ แต่ ณ ปัจจุบันกลายเป็นว่าจะติดต่อสื่อสารหรือซื้อของก็สามารถทำได้ใน Facebook หมดเลย เรียกว่า Facebook จะสามารถคลอบคลุมกิจกรรมเกือบทั้งหมดของคน 1 คนได้แล้ว ภาพปกโดย Simon จาก Pixabay ภาพที่ 1 โดย geralt จาก Pixabay ภาพที่ 2 โดย mikegi จาก Pixabay ภาพที่ 3 โดย Mediamodifier จาก Pixabay