หากวันหนึ่งเราเดินออกไปนอกบ้านแล้วไปเจอกับคนที่หน้าตาเหมือนเราบุคลิกเหมือนเราเป๊ะๆเราจะทำยังไง?เหตุการณ์ดังกล่าวเคยเกิดขึ้นจริงมาแล้ว แถมคนที่ดูเหมือนกันไม่ใช่แค่คนสองคนเท่านั้น แต่มีถึง 3 คนด้วยกันผมเพิ่งได้ดูสารคดีเรื่อง Three Identical Strangers ทางช่อง Netflix ที่กล่าวถึงเหตุการณ์การประหลาดในเช้าวันหนึ่งของปี 1980 “บ๊อบบี้” ได้เดินทางเพื่อมาเข้าเรียนวันแรกในวิทยาลัยชุมชนซัลลิแวนเคาน์ตี้ แต่ตลอดย่างก้าวที่บ๊อบบี้เดินผ่านผู้คน จะมีคนเดินเข้ามาทักทายเขาตลอดทาง โดยเรียกเขาว่า “เอ็ดดี้” เขาไม่รู้จักคนที่เข้ามาทักเขาเลย และไม่รู้ด้วยซ้ำว่า “เอ็ดดี้” คือชื่อใครจนบ๊อบบี้ได้มาเจอเพื่อนสนิทของเอ็ดดี้ถึงได้รู้ว่าตัวเขาและเอ็ดดี้น่าจะเป็นฝาแฝดกัน เพื่อนเอ็ดดี้จึงได้โทรศัพท์ไปหาเอ็ดดี้และให้ลองพูดคุยกับบ๊อบบี้ทั้งคู่ได้พูดคุยแลกเปลี่ยนกันจึงได้รู้ว่าพวกเขาเกิดวันเดียวกัน และมาจากสถานดูแลเด็กอ่อนหลุยส์ไวส์เซอร์วิสเซสที่เดียวกันเย็นวันนั้นบ๊อบบี้ขับรถไปหาเอ็ดดี้ที่บ้านทันทีที่ประตูบ้านเปิดออกมา บ๊อบบี้ ได้เห็นชายที่อยู่ตรงหน้าเขา หน้าตาเหมือนเขาทุกอย่าง อีกทั้งบุคลิกท่าทางก็ยังคล้ายกันอีก พวกเขาคือพี่น้องฝาแฝดที่พลาดจากกันอย่างไม่ต้องสงสัยเรื่องราวของทั้งคู่กลายเป็นข่าวใหญ่โต หนังสือพิมพ์หลายสำนักได้ตีพิมพ์กันยกใหญ่ แล้วข่าวของทั้งคู่ก็มาถึงมือครอบครัวของ “เดวิด”พี่สาวของเดวิดหยิบหนังสือพิมพ์ที่ได้ลงรูปข่าวของ “บ๊อบบี้” กับ “เอ็ดดี้” ที่หน้าเหมือนกับเดวิดแบบเป๊ะๆ แถมวันเกิดและสถานที่รับเลี้ยงตอนเด็กก็เหมือนกับเดวิด จึงคิดว่า เดวิด ต้องเป็นแฝดคนที่สามของทั้งคู่แน่ๆ จึงได้บอกข่าวนี้ให้กับเดวิด เมื่อเดวิดได้รู้ข่าวว่าเขามีฝาแฝดอยู่ด้วยอีกสองคนจึงทั้งตกใจ และดีใจจึงได้โทรศัพท์ไปคุยกับ บ๊อบบี้ และ เอ็ดดี้แล้วทั้งสามคนก็ได้มาเจอพร้อมหน้าพร้อมตากันเป็นครั้งแรก ทั้งสามคนเหมือนทั้งหน้าตา และบุคลิกรูปร่าง ความชอบการได้มาเจอกันโดยบังเอิญของทั้งสามคน กลายเป็นข่าวดังระเบิด ทั้งสามได้ถูกเชิญไปออกรายการทีวีทุกช่อง หัวหนังสือได้สัมภาษณ์ทั้งสามคนทุกฉบับโดยทุกสื่อจะมองเห็นถึงความเหมือนกันของทั้งสามคน ทั้งหน้าตา ท่าทาง รสนิยม ความชอบ สเปคผู้หญิงที่ถึงแม้จะถูกเลี้ยงดูมาไม่เหมือนกันและเติบโตมาในสิ่งแวดล้อมที่แตกต่างกันออกไปก็ตามทั้งสามคนรักใคร่กลมเกลียวตัวติดกันตลอดเวลา เล่นด้วยกัน ไปเที่ยวด้วยกัน นอนด้วยกัน ไปไหนไปด้วยกันจนในที่สุดทั้งสามคนก็ได้ร่วมกันเปิดร้านอาหาร “Triplets” ขึ้นมาในปี 1993ผู้คนต่างให้ความสนใจร้าน Triplets มาก ต่างพากันมาที่ร้านเพียงเพื่อจะได้เจอตัวเป็นๆ ของทั้งสามคน เพียงปีแรกที่ร้านเปิดก็ทำรายได้ไปมากกว่าล้านเหรียญสหรัฐ ทั้งสามคนประสบความสำเร็จอย่างสูงและคิดว่าวันเวลาดีๆ ของทั้งสามคนจะอยู่แบบนี้ไปตลอด แต่ชีวิตจริงกลับไม่เป็นเช่นนั้นเมื่อร้านดำเนินกิจการไปเรื่อยๆ ก็ได้พบกับปัญหา แม้ทั้งสามคนจะเป็นแฝดมีท่าทางเหมือนกัน แต่จริงๆ แล้วกลับมีความคิดที่แตกต่างกันไปอย่างสิ้นเชิงบ๊อบบี้ เป็นคนนิ่งสุขุมเอ็ดดี้ เป็นคนสนุกสนานร่าเริงเดวิด จะเป็นคนกลางระหว่าง บ๊อบบี้ กับ เอ็ดดี้เมื่อความแตกต่างดำเนินไปจนหาจุดลงตัวไม่ได้ บ๊อบบี้ ก็ขอแยกตัวออกมาจากการทำร้าน ทำให้เอ็ดดี้กับเดวิดรู้สึกเสียศูนย์ เพราะพวกเขาสามคนหลังได้พบกันแล้วก็ไม่เคยต้องแยกจากกันอีกเลยอารมณ์ของเอ็ดดี้จากที่เคยร่าเริงก็กลายมาเป็นเดี๋ยวดีเดี๋ยวร้าย ไว้หนวดเครารุงรัง โทรไปหาใครต่อใครเวลาตีสองตีสามโดยไม่รู้ว่าจะพูดอะไรเริ่มทำอะไรแปลกๆ ออกมาต่อหน้าลูกและภรรยาของเขาจนในที่สุดทางครอบครัวก็ได้พาเอ็ดดี้ไปโรงพยาบาลแล้วก็พบว่าเอ็ดดี้ป่วยเป็นโรคซึมเศร้า เมื่อสืบค้นประวัติลงไปก็ได้ค้นพบเรื่องประหลาดของทั้งสามคนที่ว่าในตอนเป็นวัยรุ่น ทั้งสามคนได้เคยมีอาการทางประสาทจนต้องเข้ามารับการบำบัดรักษาที่โรงพยาบาลประสาทเช่นกัน เพียงแต่ในรายของ บ๊อบบี้ กับ เดวิด เมื่อเติบโตแล้วอาการนี้ก็ได้หายไปเอ็ดดี้ต้องเข้ารับการบำบัดอยู่ที่โรงพยาบาลเป็นเวลาสามสัปดาห์ จึงได้ออกมาใช้ชีวิตปกติ เอ็ดดี้ได้กลับมาทำงานที่ร้านอาหารกับเดวิดเหมือนเช่นเดิม แต่เดวิดก็รู้สึกถึงความเปลี่ยนไปไม่เหมือนเดิมของเอ็ดดี้ ที่ไม่ร่าเริงแจ่มใสเหมือนเก่าก่อน เดวิดมักจะให้ภรรยาเขาและคนรอบข้างคอยสังเกตดูแลเดวิดอยู่ห่างๆ แล้วลางสังหรณ์ของเดวิดก็เป็นจริงเอ็ดดี้ได้ใช้ปืนยิงปลิดชีวิตตัวเอง สร้างความตกใจให้กับ เดวิด และ บ๊อบบี้ เป็นอย่างมาก ข่าวเอ็ดดี้ได้กลายเป็นข่าวใหญ่โต และมันก็ทำให้ได้รับรู้ความจริงเบื้องหลังของปริศนาแฝดสามว่าทำไมต้องแยกจากกันลอว์เรนซ์ ไรท์ นักข่าวและนักเขียนชื่อดัง ได้ทำการค้นคว้าวิจัยเกี่ยวกับข่าวแฝดที่ถูกแยกจากกัน เขาได้ทำการสืบค้นสถานดูแลเด็กอ่อนหลุยส์ไวส์เซอร์วิสเซสของแฝดสาม ถึงเหตุผลความจำเป็นที่ต้องจับแฝดแยกจากกัน โดยทางสถานเลี้ยงเด็กได้อ้างว่าการจะหาครอบครัวใดครอบครัวหนึ่งรับเลี้ยงเด็กทีเดียวเป็นไปได้ยาก การจับแยกจึงเป็นการดีต่อตัวเด็กเองแต่ยิ่งลอว์เรนซ์ ไรท์ ได้สืบค้นความจริงมากเท่าไรมันกลับไม่ใช่เช่นนั้น จริงๆ แล้วมันเป็นการทดลองทางวิทยาศาสตร์นำโดยดอกเตอร์ปีเตอร์ นิวเบาเออร์ที่อยากทดลองว่า กรรมพันธุ์หรือการเลี้ยงดู อย่างไหนจะส่งผลต่อบุคลิกการเติบโตของเด็กมากกว่ากันโดยการเลือกแฝดที่แม่มีปัญหาเรื่องสุขภาพจิตแล้วทิ้งไว้ในสถานเลี้ยงดูเด็ก นำมาจับแยกให้อยู่กับครอบครัวที่มีฐานะ ความเป็นอยู่และสังคมที่แตกต่างกันไป ซึ่งได้ทำการทดลองกับเด็กจำนวนหนึ่งที่ยังไม่ได้รับการเปิดเผยว่ามีทั้งหมดกี่คนในกรณีของแฝดสามนี้ทางนักวิทยาศาสตร์ได้เลือกครอบครัวที่ฐานะดี มีพ่อเป็นหมอบ้างานให้เลี้ยงดู บ๊อบบี้ ได้เลือกครอบครัวที่ฐานะปานกลาง มีพ่อเป็นครูเจ้าระเบียบเข้มงวดให้เลี้ยงดู เอ็ดดี้ และได้เลือกครอบครัวชนชั้นแรงงาน มีพ่อขี้เล่น ร่าเริงแจ่มใส ให้เลี้ยงดู เดวิด โดยที่ทั้งสามครอบครัวไม่เคยรู้มาก่อนเลยว่ามันเป็นการถูกเลือกมาก่อนแล้วในวัยเด็กนักวิทยาศาสตร์ต่างหมั่นเข้าไปทดสอบบันทึกของเด็กทั้งสามว่ามีความเปลี่ยนแปลง แตกต่างกันไปในแต่ละปียังไง โดยอ้างว่าเป็นการติดตามผลจากสถานรับเลี้ยงเด็ก ไม่มีใครได้รู้ความจริงนี้จนเวลาผ่านล่วงเลยมาหลายสิบปีบ๊อบบี้, เอ็ดดี้ และ เดวิด แม้คนภายนอกจะมองว่าเติบโตเหมือนกันทุกอย่าง แต่จริงๆ แล้วนิสัยแตกต่างกันมาก ที่คนอื่นมองว่าทั้งสามคนเหมือนกัน นั่นเป็นเพราะว่าคนเราพยายามจ้องจะหาแต่ในสิ่งที่ทั้งสามเหมือนกัน โดยไม่ได้ดูในสิ่งที่ทั้งสามคนต่างกันเลยจะเห็นได้ว่าทั้งกรรมพันธุ์และการเลี้ยงดูล้วนส่งผลกระทบต่อการเติบโตของเด็กทั้งสามคนล้วนเคยมีปัญหาทางจิตในตอนเด็ก ซึ่งอาจส่งทอดมาจากยีนส์กรรมพันธุ์มาจากแม่แท้ๆ แต่ด้วยการเลี้ยงดูที่ต่างกัน ทำให้นิสัย สุขภาพจิตภายในของทั้งสามคนไม่เหมือนกัน และมีวิธีรับมือกับปัญหาที่แตกต่างกันออกไปความจริงอันโหดร้ายนี้สร้างความไม่พอใจให้กับ บ๊อบบี้ และ เดวิด เป็นอย่างมาก ทั้งคู่ต่างรู้สึกว่าเป็นเหมือนหนูทดลอง และการทดลองครั้งนี้มันได้สร้างบาดแผลที่ไม่อาจรักษาได้ให้กับพวกเขา หากไม่มีการทดลอง ไม่มีการจับแยกพวกเขาทั้งสามคนตั้งแต่ยังเด็ก บั้นปลายชีวิตของเอ็ดดี้อาจไม่ได้เป็นเช่นนั้นทั้งคู่ต่างเรียกร้องให้มีการเปิดเผยข้อมูลการทดลองทั้งหมดให้กับพวกเขา แต่โชคร้ายที่ภายหลังดอกเตอร์ปีเตอร์ นิวเบาเออร์ ได้เสียชีวิตลงจึงไม่มีใครสรุปผลการทดลองครั้งนี้ลงได้ ทำให้ บ๊อบบี้ กับ เดวิด ยิ่งรู้สึกว่าชีวิตของพวกเขาทั้งสามคนสูญเสียไปกับการทดลองอันเปล่าประโยชน์จากปาฏิหาริย์ที่ทำให้ทั้งสามคนได้มาเจอกันโดยบังเอิญกลายเป็นมาได้รับรู้ความจริงอันแสนโหดร้ายบางทีชีวิตก็ชอบเล่นตลกจนเราต้องร้องไห้... บทความจากเพจ "ปั่นเรื่อง เป็นภาพ" ที่ผมเขียนขึ้นเองครับขอบคุณภาพปกจาก imdbขอบคุณภาพจาก imdbขอบคุณภาพจาก imdbขอบคุณภาพจาก imdbขอบคุณภาพจาก imdbขอบคุณภาพจาก imdb