แม้ยอดขาย Tesla จะโตในจีน แต่ก็ยังตกที่นั่งลำบากอยู่ดี ยอดขายรถยนต์ไฟฟ้าแบรนด์ Tesla เติบโตทะยานสวนทางกับค่ายรถยนต์แบรนด์อื่น ๆ ที่กำลังดิ่งลงเหวจากวิกฤติโคโรนาไวรัส ทว่า..Tesla ของเศรษฐีมัสก์ ก็ยังต้องตกที่นั่งลำบากอยู่ดี.. ไตรมาสแรกที่ผ่านมา ตลาดรถยนต์ในสหรัฐฯ GM ยอดขายลดลง 7% Fait Chrysler ลดลง 10% Ford ลดลง9% ส่วนทางฝั่งตะวันออก Toyota ลดลง 37% Nissan ลดลง 29% และ Honda ลดลง 49% ตรงข้ามกับ Tesla ของเศรษฐีมัสก์ ที่ทำรายได้ในตลาดรถยนต์ไฟฟ้าจีนอย่างท่วมท้น ครองสัดส่วน 25% ด้วยยอดขาย 10,160 คันภายถิ่นธงแดง ซึ่งนี่คือยอดขายที่ดีที่สุดเมื่อเทียบเป็นรายเดือนของ Tesla เมื่อถามถึงกลยุทธ์การขายใด ที่ทำให้มีคนถอย Tesla ท่ามกลางวิกฤติได้.. คำตอบก็คือ..มีการปรับรูปแบบการบริการ ด้วยการส่งรถยนต์ถึงหน้าบ้าน พร้อมทั้งเน้นการโปรโมทไปยังกลุ่มลูกค้าที่มีกำลังซื้อ ประกอบกับฐานการผลิตในกรุงเซี่ยงไฮ้ยังพอดำเนินการได้อยู่บ้าง จึงทำให้ Tesla สามารถทำการผลิตและส่งมอบรถให้กับลูกค้าได้ แต่ก็ใช่ว่า เรื่องดังกล่าวจะเป็นข่าวดีสำหรับค่ายรถยนต์ไฟฟ้าสัญชาติอเมริกัน ก่อนหน้านั้น พวกเขายังต้องรับความท้าทายจากสงครามการค้าระหว่างจีนและสหรัฐฯ ทั้งเรื่องภาษีนำเข้าที่มาเกี่ยวข้อง รวมไปถึงการปิดฐานการผลิตในเซี่ยงไฮ้นานหลายสัปดาห์ แม้ตลาดจีนจะยังพอทำให้ Tesla ยิ้มได้ แต่ทว่า..นัยจะสำคัญหลังจากนั้น น่าสนใจยิ่งกว่า.. เนื่องจากภาพรวมของธุรกิจยังอยู่ท่ามกลางความท้าทายจากวิกฤติโรคระบาด ล่าสุด Tesla ได้ทำสัญญากู้เงินเพื่อมาใช้หมุนเวียนกระแสเงินสด เป็นจำนวนกว่า 4 พันล้านหยวน หรือประมาณ 565.51 ล้านดอลลาร์ โดยเงินกู้ดังกล่าวนี้ ได้รับการจัดสรรโดย ธนาคารอุตสาหกรรมและพาณิชย์แห่งประเทศจีน เพื่อใช้ในกิจการในฐานการผลิตในเซี่ยงไฮ้เท่านั้น คำถามก็คือ..เหตุใด ? ฐานที่เซี่ยงไฮ้ถึงมีความสำคัญกับ Tesla แน่นอนว่าความสัมพันธ์ทางการค้าของสองประเทศยักษ์ใหญ่ มีอะไรให้ลุ้นกันอยู่ตลอด Tesla เองมองเห็นการเติบโตของตลาดในจีน ประกอบกับฐานการผลิตในเซี่ยงไฮ้ เป็นฐานแห่งแรกที่อยู่นอกเหนือจากสหรัฐอเมริกา ในระยะยาว ไม่เพียงแค่เป็นหนึ่งในไม้ตายที่ใช้แก้ปัญหาสงครามการค้า แต่ยังรวมไปถึงการเป็น Hub หลักของภูมิภาคด้วยการใช้เป็นศูนย์กลางกระจายสินค้าของแบรนด์ถึงหน้าบ้านของผู้บริโภค เลี่ยงภาษีนำเข้าที่สูงจากการข้ามนำ้ข้ามทะเลมาจากสหรัฐฯ อย่างไรก็ตาม สถานการณ์ที่สหรัฐฯ บ้านเกิดของแบรนด์ Tesla ยังคงน่าเป็นห่วง เนื่องจากมาตรการล็อกดาวน์ที่ยืดเยื้อยาวนาน ส่งผลให้สำนักงานใหญ่ ณ Alameda County ของรัฐแคลิฟอร์เนีย ไม่สามารดำเนินการได้ ด้วยเหตุดังกล่าว ส่งผลให้เศรษฐีมัสก์ ไม่พอใจต่อคำสั่งของรัฐ ที่ไม่อนุญาตให้คนมาทำงาน ในขณะที่รัฐใกล้เคียงมีคำสั่งอนุญาตบ้างแล้ว จึงได้ตัดสินใจ อาจจะย้ายฐานการผลิตไปที่เท็กซัส/เนวาดาแทน ความน่าสนใจหลังจากนี้ คือถ้ามีการย้ายฐานการผลิตออกจากแคลิฟอร์เนียจริง นั่นหมายความว่า รัฐแคลิฟอร์เนียจะไม่เหลือผู้ประกอบการด้านรถยนต์..อยู่เลย Credit Picture 1: Link / 2: Link / 3: Link / Cover Picture: Link ............................................................. ส่งต่อทุกแรงบันดาลใจ Share For Inspire Follow Us On “Facebook” Follow Us On “Line”