ภาพปกโดยNUT_PJแอมป์ในรถยนต์มีกี่แบบสรุปย่อ ๆ ฉบับตามความเข้าใจของผู้เขียนเอง เลือกให้เหมาะสมกับสไตส์การฟังและความชอบ แอมป์แต่ละแบบอาจจะแตกต่งกันไป ในเรื่องของกำลังขับและความเหมาะสมกับการฟังในสไตส์ต่าง ๆ บางตัวเหมาะกับฟังเน้นรายละเอียดเสียงชัด ๆ บางตัวเหมาะกับเบสแรง ๆ ไปดูกันเลยว่ามีแบบไหนบ้างภาพโดย NUT_PJ1. แอมป์ 4 Chในปัจจุบันนิยมใช้สำหรับขับลำโพงเสียงกลาง-แหลม เนื่องจากรูปแบบสัญญาณที่เข้าไปจะตอบสนองทุกความถี่ ทำให้เกิดความร้อนสูงขณะใช้งาน และกินกระแสไฟมาก จึงไม่นิยมมาขับซับวูฟเฟอร์ข้อดี กำลังขับดีได้ทุกย่านความถี่ เสียงดี ขับลำโพงได้หลายคู่งบประมาณไม่แพงเท่า class Dข้อเสีย ถ้าเป็นรุ่นเก่า ๆ ตัวจะใหญ่เทอะทะ หาที่ติดตั้งยาก ร้อนง่ายภาพโดย NUT_PJ2. แอมป์ 2 Chใช้สำหรับขับลำโพงเสียงกลาง หรือดอกซับวูฟเฟอร์ที่วัตต์ไม่สูงมาก สามารถให้เสียงทั้งในย่านความถี่ต่ำและสูง ขึ้นอยู่กับการเลือกใช้งานกับลำโพงลักษณะไหนข้อดี ตัวเล็กกระทัดรัด หาที่ติดตั้งได้ง่าย ระบบไม่วุ่นวายเพราะต่อลำโพงได้แค่คู่เดียวข้อเสีย ขับลำโพงได้แค่คู่เดียว ไม่ค่อยหลากหลายเท่าไหร่ แต่ถ้าแบบโมนโนก็สามารถนำมาขับลำโพงซับได้ แต่ต้องเลือกดอกที่ไม่กอนกำลังมากเท่าไหร่ภาพโดย NUT_PJ3. แอมป์ 5 Chใช้สำหรับขับลำโพงกลางแหลม และ ซับวูฟเฟอร์ อีก1ดอก ทั้งระบบใช้เพาเวอร์แอร์แค่ตัวเดียว ส่วนใหญ่เป็นสไตส์แนวฟังเพราะ ๆ เน้นรายละเอียดเสียง แต่สมัยนี้คนส่วนน้อยที่จะนิยมแอมป์ 5 ch เพราะส่วนใหญ่จะหันไปใช้ 4 ch และ class D คือแยกหน้าที่ใครหน้าที่มันไปเลยภาพโดย NUT_PJข้อดี ไม่เปลืองงบประมาณค่าใช้จ่ายข้อเสีย ค่อนข้างเปลืองเนื้อที่เพราะเพาเวอร์แอมป์ 5 ch จะตัวค่อนข้างใหญ่4. ClassDใช้สำหรับขับซับวูฟเฟอร์เฉพาะ เลือกให้เหมาะสมกับกำลังของดอกซับวูฟเฟอร์ ให้กำลังขับที่สูง เนื้อเบสหนักแน่น กินไฟน้อยกว่า เพาเวอร์แอมป์รถยนต์ 4 ch (วัดที่กำลังวัตต์เท่ากัน)ข้อดี กินไฟน้อยเหมาะกับคลื่นความถี่ต่ำเท่านั้นข้อเสีย การตอบสนองต่อความถี่สูงไม่ดีและความเพี้ยนเยอะกว่า เพาเวอร์แอมป์รถยนต์ Class ABภาพโดย NUT_PJไม่ว่าเราจะใช้แอมป์อะไรควรเลือกให้ตรงกับวัตถุประสงค์การใช้งานให้มากทีสุด บางทีถ้าเราฝืนมากเกินไป เลือกอุปกรณ์ทีมันไม่แมตช์กัน ก็อาจจะก่อให้เกิดความเสียหายกับอุปกรณ์ได้สำหรับวันนี้ขอจบบทความนี้ไปก่อน แล้วอย่าลืมติดตามบทความถัดไปด้วยนะคะ