"แฮร์รี่ เคน" แพงไปไหม!! 200 ล้านปอนด์ นั่นคือราคาตั้งต้นที่ทาง "ท็อตแน่ม ฮอต สเปอร์ส" ต้นสังกัดของ "แฮร์รี่ เคน" แบไต๋ออกมา ถ้ามีทีมไหนอยากได้ตัวกองหน้าหมายเลข 1 ทีมชาติอังกฤษไปจากพวกเขาละก็ ต้องจ่ายราคานี้ ถึงจะยอมเปิดโต๊ะเจรจา 200 ล้านปอนด์ ดูเหมาะสมกับค่าตัวของกองหน้าที่ดีที่สุดในเกาะอังกฤษ วัย 26 ปี และถ้ามีการซื้อขาย "แฮร์รี่ เคน" ด้วยราคานี้จริง จะทำให้เขาจะกลายเป็นนักฟุตบอลที่แพงที่สุดในโลกทันที่ ทำไมราคาค่าตัวของ "แฮร์รี่ เคน" ถึงได้แพงมหาศาลขนาดนั้น และจะมีทีมไหนกล้าซื้อกองหน้ารายนี้ไปร่วมทีมจริงหรือ (เนย์มาร์ คือนักเตะที่แพงสุดในโลกคนปัจจุบัน 198 ล้านปอนด์) อย่างที่ทุกคนรู้กัน นักเตะเลือดผู้ดี มักจะมีราคาค่าตัวที่แพงเป็น 2 เท่าอยู่แล้ว ถ้ามีการย้ายทีมในเกาะอังกฤษ และยิ่งเป็นนักเตะดีกรีทีมชาติอังกฤษด้วยแล้ว ค่าตัวจะถีบตัวสูงขึ้นไปอีก 200 ล้านปอนด์ จะบอกว่าแพงก็แพงเกินไปจริงๆ สำหรับนักฟุตบอลคนหนึ่ง แต่ทำไม "ท็อตแน่ม ฮอต สเปอร์ส" ถึงกล้าตั้งราคาขาย "แฮร์รี่ เคน" แพงขนาดนี้ บางทีสาเหตุหลัก คือตั้งราคาให้แพงเข้าไว้ เพื่อกันท่าไม่ให้มีทีมไหนกล้าพอที่จะยอมทุ่มเงินซื้อตัวเขาไปร่วมทีม หรือถ้ามีทีมไหนยอมทุ่มเงินสู้กับราคาที่ตั้งเอาไว้ก็ถือว่าได้กำไรอยู่ดีหลัง "แฮร์รี่ เคน" ออกมาบอกว่าบางทีอาจจะต้องพิจารณามองหาทางเลือกที่ดีกว่า เพื่อโอกาสในการคว้าแชมป์ เป็นการสื่อเป็นนัยๆว่าเขาต้องการย้ายออกจากทีม "แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด" กลายเป็นทีมที่ถูกจับมาโย่งกับกองหน้าทีมชาติอังกฤษรายนี้มากที่สุด เพราะทีมของพวกเขาต้องการกองหน้า และ"แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด" น่าจะเป็นทีมมีกำลังเงินมากพอที่จะซื้อ "แฮร์รี่ เคน" พวกเขาคุนเคยกับการซื้อนักเตะราคาแสนแพงมาแล้วทั้งนั้น ฤดูกาลล่าสุด "แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด" ซื้อ 2 แนวรับทีมชาติอังกฤษอย่าง "อารอน วาน-บิสซาก้า" แบ็คขวาในราคา 50 ล้านปอนด์ และ"แฮร์รี่ แม็คไกวร์" เซ็นเตอร์ ในราคา 80 ล้านปอนด์ ร่วมถึงมีข่าวกับ "จาดอน ซานโช่" ปิกทีมชาติอังกฤษในราคา 120 ล้านปอนด์ และทำไม"แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด" จะทุ่มซื้อ "แฮร์รี่ เคน" ไม่ได้ แต่ระดับ 200 ล้านปอนด์ก็ดูจะแพงเกินไป ด้วยระดับฝีเท้าอย่าง "แฮร์รี่ เคน" ถ้าต่ำกว่า 100 ล้านปอนด์ "ท็อตแน่ม ฮอต สเปอร์ส" คงไม่ยอมปล่อยให้แ"มนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด" อย่างแน่นอน (ถ้าขายให้ทีมในอังกฤษต้องราคาประมาณนี้ แต่ถ้าขายให้ทีมในลีกอื่นราคาค่าตัวของ แฮร์รี่ เคน น่าจะอยู่ราว 50-60 ล้านปอนด์) ขอบคุณรูปภาพจาก Sport.trueid ภาพที่1/ ภาพที่2/ ภาพที่3