เชื่อว่าหลายคนน่าจะชอบกินเจ้าสลัดกะหล่ำปลีหรือที่เรียกกันว่า "โคลสลอว์" จากร้านไก่ทอดชื่อดังเหมือนกันใช่ไหมล่ะคะ สำหรับคนที่ยังไม่รู้จักว่าโคลสลอว์คืออะไร บางตำราก็บอกว่าโคลสลอว์ (cole slaw) มาจากภาษาเยอรมันค่ะ cole แปลว่า กะหล่ำปลี และ slaw แปลว่า ฝาน หั่น ซอย โดยรวมแล้วอาจแปลได้ว่าการซอยกะหล่ำปลีเป็นชิ้นเล็กๆ แต่บางตำราก็บอกว่าโคลสลอว์มาจากคำว่า koolsla ในภาษาดัตช์ แปลว่าสลัดกะหล่ำปลี ซึ่งทั้งสองแหล่งต่างก็มีคีย์เวิร์ดที่เหมือนกันคือ ‘กะหล่ำปลี’ นั่นเอง โคลสลอว์เป็นสลัดผักที่มีกะหล่ำปลีเป็นส่วนประกอบหลัก แต่ส่วนประกอบอื่นๆ ที่เพิ่มเข้ามาจะแตกต่างกันไปตามสูตรของแต่ละประเทศ มีทั้งแครอท หัวหอม ชีส สับปะรด แอปเปิ้ล พริกไทย วอลนัท กะหล่ำม่วง ฯลฯ โดยส่วนใหญ่มักนิยมทานโคลสลอว์เป็นเครื่องเคียงกับอาหารจำพวกทอด เช่น ไก่ทอด ปลาทอด เป็นต้น หรือบางครั้งอาจนำมาเป็นไส้แซนวิชก็ได้เช่นกัน คนไทยเองแม้จะไม่ได้มีวัฒนธรรมการทานโคลสลอว์มาก่อนในอดีต แต่ด้วยความอร่อยของเจ้าสิ่งนี้ ทำให้มีคนแกะสูตรโคลสลอว์ออกมามากมายหลายสูตรเพื่อจะทำทานเอง บางสูตรก็ส่วนผสมเยอะ บางสูตรก็ทำยาก แต่สูตรนี้รับรองว่าเป็นสูตรโคลสลอว์ที่ทำง่ายสุดๆ เด็กหอสามารถทำตามได้เลย วัตถุดิบก็หาซื้อได้ไม่ยาก แต่ทำแล้วรับรองว่าอร่อยไม่แพ้ใครเลยล่ะค่ะ ตามไปดูกันเลยค่ะ ส่วนผสม แครอท 1 หัว กะหล่ำปลี ½ หัว หอมหัวใหญ่ลูกเล็ก ½ หัว น้ำสลัด 1 ขวด โยเกิร์ตรสธรรมชาติ 1 ถ้วย วิธีทำ ล้างแครอท กะหล่ำปลี และหอมหัวใหญ่ให้สะอาด ซอยแครอท กะหล่ำปลี และหอมหัวใหญ่ให้เป็นชิ้นขนาดเล็ก ถ้าใครมีเครื่องปั่นก็สามารถนำมาใช้ได้เพื่อทุ่นเวลาค่ะ หากใครไม่ค่อยชอบรสชาติของหอมหัวใหญ่ก็อาจสับให้ละเอียดไปเลยก็ได้นะคะ จะได้ไม่ฉุนเวลาเคี้ยวไปโดนค่ะ นำส่วนผสมทั้งสามอย่างใส่รวมกันในภาชนะที่เตรียมไว้ เทน้ำสลัดลงไปทั้งขวดเลยค่ะ และตามด้วยโยเกิร์ตรสธรรมชาติที่ใส่ลงไปหมดเลยเช่นกัน จากนั้นผสมให้เข้ากัน แล้วแช่ตู้เย็นสักพักเพื่อเพิ่มความเย็นสดชื่นก่อนนำมารับประทาน เรียบร้อยแล้วค่ะ! ง่ายแบบนี้เลย ไม่ถึงสิบนาทีก็เสร็จแล้ว ซึ่งส่วนผสมต่างๆ สามารถปรับเพิ่มลดได้ตามใจชอบ แต่ขอแนะนำว่าในการทำตอนแรกให้ทำออกมาข้นหน่อยนะคะ เพราะหลังจากแช่ตู้เย็นแล้ว ผักจะคายน้ำออกมาอีกทำให้โคลสลอว์ของเราเหลวขึ้นค่ะ โยเกิร์ตสามารถใช้เป็นแบบไขมัน 0% ได้นะคะ ส่วนน้ำสลัดถ้าเป็นยี่ห้อคิวพีก็จะมีความใกล้เคียงต้นฉบับร้านไก่ทอดมากขึ้น แต่ก็จะราคาแพงขึ้นอีกนิดหน่อยค่ะ หรือสามารถเหยาะน้ำมะนาวหรือเกลือลงไปเล็กน้อยเพื่อปรับรสชาติตามชอบได้เลย ลองนำสูตรไปทำทานดูนะคะ รับรองว่าถูกใจแน่นอนค่ะ ภาพประกอบโดยผู้เขียนทั้งหมด