ถ้าพูดถึงประเทศเนเธอร์แลนด์ สิ่งแรกที่ทุกคนมักคิดถึงคือ ทุ่งทิวลิป รองเท้าไม้ และกังหันลม เราไม่เถียงว่าทุกสิ่งที่กล่าวมานี้ เป็นสัญลักษณ์ของประเทศที่มีพื้นที่หนึ่งในสามอยู่ต่ำกว่าระดับน้ำทะเล จุดที่สูงสุดของประเทศนี้ มีความสูงเพียงแค่ 1,000 เมตรเหนือระดับน้ำทะเลเท่านั้น ประเทศนี้ขอบอกว่ามีดีเยอะเกินตัว คองานศิลปะ งานอาร์ตทั้งหลาย ไม่สมควรพลาดด้วยประการทั้งปวง เป็นเมืองที่ถ้าคุณเป็นแฟนหนังสือเก่า ชอบเดินมิวเซียมดีๆ ติดใจการตามหาเฟรนฟรายด์เจ้าอร่อย รักที่จะแวะร้านแผ่นเสียงที่มีอยู่แทบจะทุกหัวมุมถนน หรือร้านขายชีสโฮมเมดข้างทาง ที่มีจักรยานวินเทจเป็นพร็อพหลักเต็มหน้าร้าน คุณจะเทใจให้เมืองนี้เป็นหนึ่งในเมืองที่ต้องมาซ้ำ และใช้เวลาในการละเลียดบรรยากาศของเมืองนานกว่าที่คุณคิด เพราะถ้าเราเปรียบอัมสเตอร์ดัมเป็นหญิงสาว เธอคงจะเป็นผู้หญิงเรียบๆ ไม่หวือหวา มีความเป็นตัวของตัวเอง ที่ใครอยู่ด้วยก็จะค่อยๆตกหลุมรักเข้าอย่างไม่รู้เนื้อรู้ตัว จนวันหนึ่งเมื่อเธอหายไปคุณจะคิดถึงเธอ และรับรู้ว่าผู้หญิงคนนี้มีอะไรมากกว่าที่คุณคิด มองไปมุมไหนก็มีแต่คลองกับจักรยาน สมกับชื่อ เวนิสแห่งยุโรป ซึ่งกรุงอัมสเตอร์ดัมมีคลองรวมกันถึง 165 สาย ระยะทางรวมคลองทั้งหมดเข้าด้วยกัน มีความยาวประมาณ 100 กิโลเมตร วันที่เรากำลังเดินเล่นในย่านหลักของเมือง ที่เป็นแหล่งรวมร้านหนังสือดีๆ ทั้งของใหม่และมือสอง เป็นแอเรียที่นักอ่านส่วนใหญ่ถ้าต้องการจะหาหนังสือภาษาอังกฤษ จะต้องแวะมาที่ย่านSpuipleinนี้ ขณะที่กำลังเดินเพลินๆตาก็เหลือบไปเห็น ทางเข้าอาคารแห่งหนึ่งติดกับตึกแถวข้างร้านหนังสือ เหมือนต้องมนต์ลึกลับ ดึงดูดให้เดินตามเข้าไปดูว่าหลังซุ้มทางเดินนั้นเราจะได้เจอกับอะไร นี่คือซุ้มประตูลึกลับที่ว่า มองเผินๆก็จะเหมือนตึกเก่าในศตวรรษที่ 17 เหมือนตึกทั่วๆไปในละแวกนี้ เราลองเดินเข้าไปกะว่าถ้าเป็นบ้านคนจะทำเป็นมึนๆ หลงทางเป็นทัวริสต์ผ่านมา ทุกก้าวย่างที่เดินผ่านทางเดินมืดๆที่มีขนาดเท่าความกว้างของช่วงตึก เราเริ่มรู้สึกว่า ข้างในนี้มันต้องมีดีซิน่า ก็แรงดึงดูดมันแรงขนาดนั้น เมื่อตาปรับสภาพแสงภายนอกจากทางเดินเล็กๆนั้นได้ เราก็เห็นโบสถ์หลังหนึ่ง ตั้งอยู่กลางสวนลึกลับ ที่ถ้ามองจากภายนอก คุณจะไม่มีวันรู้เลย ว่าข้างในของตึกแถวยาวๆที่คุณเห็นริมถนน จะมีสิ่งก่อสร้าง และสวนสวยที่จัดแต่งอย่างเป็นธรรมชาติตามแบบฉบับชาวดัตช์แอบซ่อนอยู่ หลังจากยืนตะลึง ในความงามของโบสถ์และความโชคดีของตัวเอง เรารู้สึกเหมือนค้นพบขุมทรัพย์โดยบังเอิญ ทั้งๆที่เราอยู่ที่เมืองนี้มาเกือบปี ผ่านมุมถนนนี้มาแล้วอาทิตย์ละหลายๆครั้ง ไม่เคยเลยซักครั้งที่จะได้ยินเรื่องโบสถ์และสวนหลังกำแพงตึกแถวแห่งนี้ มือไวเท่าความคิด กูเกิ้ลเพื่อนรักได้บอกเล่าเรื่องราวเกี่ยวกับสถานที่พิเศษนี้ไว้ว่า ตึกแถวในละแวกนี้ มีชื่อเรียกรวมๆว่า Begijnhof แปลให้ใกล้เคียงที่สุดคล้ายกับภาษาอังกฤษ คือคำว่า คอนแวนต์ ( convent) และความจริงแล้วบ้านที่รายล้อมโบสถ์อยู่ ผู้ที่อยู่อาศัยคือกลุ่มของหญิงสาวที่ดำรงตนคล้ายกับแม่ชีในนิกายโรมันคาทอลิก ทั้งหญิงสาวโสด หรือหญิงหม้าย แต่พวกเธอจะมีความอิสระเสรี และมีกฎข้อบังคับน้อยกว่าเหล่าแม่ชีทั้งหลาย หญิงสาวเหล่านี้จะได้มีที่อยู่ฟรี เพื่อแลกกับการดูแลและบริจาคอาหารเลี้ยงคนยากจน และมีชีวิตอยู่เพื่อศาสนาโดยที่ไม่ต้องบวชเป็นแม่ชี โดยจะมีชื่อเรียกเฉพาะว่า Begijntes แต่ในที่นี้เราจะขอเรียกพวกเธอว่าแม่ชีเพื่อความสะดวก บ้านที่อยู่อาศัยรอบๆโบสถ์ได้ถูกสร้างขึ้นในเวลาที่ระบุลงไปให้ชัดเจนไม่ได้ คาดว่าบริเวณบ้านน่าจะสร้างประมาณศตวรรษที่ 14 เพื่อให้หญิงสาวเหล่านี้มาอาศัยอยู่ แต่เนื่องจากในศตวรรษที่ 16 ศาสนาคริสต์นิกายโรมันคาทอลิกได้ถูกสั่งห้ามนับถือที่ประเทศเนเธอร์แลนด์ Begijnhof จึงเป็นสถานที่เดียวที่คนในนิกายโรมันคาทอลิคสามารถอยู่ได้อย่างเปิดเผยเนื่องจากเป็นที่อยู่อาศัยส่วนตัวของเหล่าแม่ชี และโบสถ์ลึกลับหลังนี้ก็ได้สร้างหลังจากเวลาผ่านไปเกือบร้อยปี โดยเริ่มสร้างในปี 1671 ที่น่าประหลาดใจก็คือ เป็นโบสถ์คาทอลิกที่ได้รับการอนุมัติการสร้างโดยคณะนักบวชนิกายโปรแตสแตนท์ แม่ชีคนสุดท้ายได้เสียชีวิตลงในปี 1971 หลังจากนั้นสถานที่นี้ จึงได้กลายมาเป็นที่อยู่อาศัยของบุคคลธรรมดาทั่วไป ซึ่งเราคิดเอาเองว่าพวกเขาคงต้องมีความสุขมากแน่ๆ ที่ได้ตื่นเช้ามาแล้วเห็นภาพวิวพานอราม่าของบ้านสวยตามแบบฉบับชาวดัตช์แท้ๆ มีโบสถ์และสวนเป็นของตัวเอง แต่จริงๆแล้วจากข้อมูลที่เราได้ค้นเจอ กลับกลายเป็นว่าเจ้าของบ้านเหล่านี้ รู้สึกรำคาญใจที่มีนักท่องเที่ยวที่หลงเข้ามาแล้วมาด้อมๆมองๆถ่ายรูปแถวบ้านพวกเขา ทำให้ขาดความเป็นส่วนตัว หลังจากยืนอ่านข้อมูล เดินรอบสวน และนั่งนิ่งๆหนึ่งอึดใจ ใช้สายตาจับความสวยงามของภาพที่ตาเรามองเห็นนั้นเอาไว้ เราเรียนรู้ที่จะเคารพ และให้เกียรติเจ้าของบ้าน ด้วยการถ่ายรูปแต่พอเพียง ใช้แค่ใจจดจำบรรยากาศและความลึกลับของสถานที่แห่งนี้เอาไว้ กลับมาร้านหนังสืออีกเมื่อไหร่เรารู้ว่าจะต้องแวะมาเยี่ยมโบสถ์นี้อีกครั้งอย่างแน่นอน ข้อมูลอ้างอิง http://www.holland.com/global/tourism/destinations/amsterdam/the-begijnhof.htm http://www.sacred-destinations.com/netherlands/amsterdam-begijnhof http://amsterdamsights.com/attractions/begijnhof.html