"บ้าน" และ "รถ" เป็นทรัพย์สินที่ทุกคนให้ความสำคัญใช่ไหมละครับ?แล้วเพื่อนๆเคยสงสัยไหมว่า หากเรามีเงินก้อนและยัง "ผ่อนบ้าน" และ "ผ่อนรถ" ไปพร้อมๆกัน เราจะนำเงินก้อนนั้นไปโปะบ้านหรือรถก่อนดี? วันนี้พีคมีคำตอบมาให้ครับ แต่ก่อนที่เราจะไปหาคำตอบกันพีคจะพาเพื่อนๆมาทำความรู้จักกับ "ต้นทุนของสินเชื่อ" หรือที่เรารู้จักกันดีในชื่อของ "ดอกเบี้ย" นั่นเอง. ในโลกการเงินนั้นมีหลายปัจจัยที่กำหนดอัตราดอกเบี้ยเงินกู้ เช่น สถาบันการเงิน ระยะเวลาการกู้ยืม เครดิตผู้กู้ หลักทรัพย์ค้ำประกัน เงินดาวน์ และอีกหนึ่งปัจจัยที่สำคัญก็คือ ประเภทของสินค้าที่เรากู้ เพราะสินค้าแต่ละประเภทคิดดอกเบี้ยด้วยวิธีที่ต่างกัน แล้วสินค้าแต่ละประเภทคิดดอกเบี้ยแบบไหนบ้าง? เราไปดูกันเลยครับ. 1. บ้าน บัตรเครดิต สินเชื่อส่วนบุคคลจะคิดดอกเบี้บแบบ "Simple Interest Methods"ซึ่งเป็นวิธีการคิดดอกเบี้ยแบบลดต้นลดดอกวิธีนี้จะคิดดอกเบี้ยตามหนี้ที่เหลืออยู่เช่น กู้เงิน 100,000 บาท ดอกเบี้ย 10% ต่อปีลูกหนี้ต้องชำระ 100,000 * 10% = 10,000 บาทจะทำให้มูลหนี้เหลือ 90,000 บาทดอกเบี้ยปีต่อไปชำระ 90,000 * 10% = 9,000 บาท ***วิธีนี้ดอกเบี้ยที่แท้จริง จะเท่ากับดอกเบี้ยที่กำหนดงวดแรก 10,000/100,000 = 10%งวดถัดไป 9,000/90,000 = 10% 2. รถ สินค้าเงินผ่อนต่างๆ จะคิดดอกเบี้ยแบบ "Add-on Method"วิธีนี้จะคิดดอกเบี้ยทั้งหมดก่อนแล้วบวกเข้ากับเงินต้น สุดท้ายจึงค่อยหารเท่ากันทุกงวดเช่น สินค้าราคา 15,000 บาท ผ่อนดอกเบี้ย 20% ต่อปีดอกเบี้ย 15,000 * 20% = 3,000 ต่อปี ***วิธีนี้ดอกเบี้ยแท้จริงจะเท่ากับดอกเบี้ยที่กำหนดงวดแรกเท่านั้น ส่วนงวดต่อๆไปดอกเบี้ยแท้จริงจะสูงกว่างวดแรก 3,000/15,000 =20%งวดถัดไป 3,000/12,000 =25% สรุป – บ้าน ใช้วิธีคำนวณดอกเบี้ยแบบ Simple Interest Methods ทำให้ถ้าเราโปะเงินเพิ่มเข้าไป เงินส่วนนี้จะไปลดเงินต้นโดยตรง เมื่อเงินต้นลดลง จะส่งผลให้ดอกเบี้ยงวดต่อๆไป ลดลงด้วย - รถ ใช้วิธีคำนวณดอกเบี้ยแบบ "Add-on Method" เป็นการคำนวณดอกเบี้ยแบบคงที่ตลอดระยะเวลาผ่อน ไม่ได้คำนวณตามยอดหนี้คงเหลือเหมือนในวิธีแรก ทำให้เราโปะเงินเพิ่มเข้าไป ก็ไม่ทำให้ดอกเบี้ยลดลงนั่นเองอ่านมาถึงตรงนี้ เพื่อนๆคงได้คำตอบแล้วใช่ไหมครับว่าถ้าเรามีเงินก้อนควรโปะอะไรก่อน? ถูกต้องแล้วครับ! เพื่อนๆควร "โปะบ้าน" ก่อนเป็นอันดับแรก แต่อย่างไรก็ตามถ้าในกรณีที่หนี้รถใกล้หมด การนำเงินก้อนไป "ปิด" หนี้รถเลยอาจเป็นอีกหนึ่งทางเลือก เพราะสถาบันการเงินส่วนใหญ่จะให้ส่วนลดดอกเบี้ยถึง 50 % กรณีที่เราปิดหนี้รถ ส่วนวิธีไหนจะประหยัดดอกเบี้ยได้มากกว่าเพื่อนๆลองคำนวณเปรียบเทียบดูก่อนนะครับตัวอย่างการเลือกใช้ดอกเบี้ยนายรวย กำลังจะซื้อบ้านใหม่ราคา 5 ล้านบาทด้วยเงินกู้ อัตราดอกเบี้ย 3 % ต่อปี เป็นเวลาทั้งหมด 30 ปีโจทย์คือ นายรวย ต้องการซื้อเฟอร์นิเจอร์ราคา 1,000,000 บาท โดยมี 2 ทางเลือก1) ผ่อนชำระกับทางบริษัทเฟอร์นิเจอร์ ที่อัตราดอกเบี้ย 2% ต่อปี โดยแบ่งจ่ายเท่ากันทุกเดือน 24 เดือนวิธีนี้เมื่อคำนวณแล้ว นายรวยจะจ่ายเงินทั้งสิ้นรวม 1,040,000 บาท2) ขอกู้ธนาคารเพิ่มเพื่อนำมาซื้อเฟอร์นิเจอร์จาก 5,000,000 บาท เป็น 6,000,000 บาทอัตราดอกเบี้ยเท่าเดิมที่ 4% และผ่อนชำระคืนภายใน 24 เดือน วิธีนี้เมื่อคำนวณแล้ว นายรวยจะจ่ายทั้งสิ้นรวม 1,020,834 บาท สรุปแล้ว ถ้านายรวย มีเงินสด หรือ มีโปรโมชั่นผ่อนเฟอร์นิเจอร์ 0% ควรเลือกซื้อเฟอร์นิเจอร์ด้วย 2 วิธีนี้ก่อนแต่ถ้าไม่มีก็ต้องพยายามหาร้านเฟอร์นิเจอร์ที่ให้โปรโมชั่นดอกเบี้ยต่ำที่สุด และนำมาคำนวณอีกครั้งว่าเลือกผ่อนแบบไหนคุ้มกว่ากันอย่างในกรณีนี้ผ่อนด้วยดอกเบี้ยบ้าน 4% กลับประหยัดเงินมากกว่า ผ่อนกับร้านเฟอร์นิเจอร์ที่ดอกเบี้ย 2% เพราะวิธีการคิดดอกเบี้ยที่ต่างกันนั่นเอง. . . ถ้าเพื่อนๆชอบสาระการเงินดีๆอย่างนี้ อย่าลืมกดติดตามPeakkyMoneyด้วยนะครับ