โรคติดการพนันวิธีป้องกันแก้ไข (บทความสุขภาพจิต) “อาจารย์ครับ ผมติดการพนันเสียเงินหลายแสนบาทจนแฟนเลิกทิ้งผมไป พึ่งรู้จากอาจารย์นี่แหละว่าการพนันมันติดที่สมองและมียากินให้เลิกได้ครับ” “ขอบคุณนะครับที่แนะนำให้ผมไปรักษาโรคสมองติดการพนัน หลังจากรับประทานยาได้ประมาณสองอาทิตย์ ผมก็ไม่อยากเล่นการพนันอีกเลย ดีมากเลยครับ รู้อย่างนี้ไปรักษาตั้งนานแล้ว” “ไม่เคยรู้มาก่อนเลยว่าการติดการพนันนั้นมันติดที่สมองเหมือนติดสารเสพติด จนกระทั่งได้ฟังคลิปเรื่องโรคสมองติดการพนันจากอาจารย์ทางช่องยูทูบแล้วจึงได้รู้ และติดต่อมาขอรับการปรึกษา จนผมเข้าสู่กระบวนการรักษาและมีอาการดีขึ้นแล้วจริงๆ ทั้งพ่อแม่และภรรยาผมดีใจมากครับ ที่ผมเลิกเล่นการพนันได้ เพราะท่านเคยใช้หนี้ให้หลายครั้งแล้วที่ผมยืมมาเล่นการพนัน ตอนนี้เลิกได้แล้วเหมือนผุดขึ้นจากนรกได้จริงๆครับ” “อาจารย์คะหลังจากที่แฟนหนูได้รับประทานยาจากโรงพยาบาลจิตเวชแล้วประมาณสิบวัน เขาก็บอกไม่อยากเล่นการพนันอีกและรู้สึกเฉยๆ หนูดีใจมากค่ะ ขอบคุณมากนะคะที่แนะนำให้ไปรักษา” นั่นเป็นคำพูดจากผู้ที่ปรึกษาผู้เขียนเข้ามาเพราะมีปัญหาเรื่องติดการพนัน โดยที่เขาเหล่านั้นไม่รู้ว่าการติดการพนันนั้นมันติดที่สมองเฉกเช่นสมองติดยาเสพติดนั่นเอง ดังนั้นเมื่อมีอาการติดการพนันอย่างมากจึงต้องเข้าสู่กระบวนการรักษาเฉกเช่นการตัดยาเสพติด ที่ต้องใช้ทั้งการปรับความคิดและพฤติกรรมและมียาให้รับประทาน ทุกคนที่ผู้เขียนแนะนำให้ไปรักษาจะตอบกลับมาขอบคุณที่เขาดีขึ้นและสามารถเลิกเล่นการพนันได้ สมองติดการพนันนั้นเป็นกระบวนการต่อเนื่องที่เกิดขึ้นอย่างค่อยเป็นค่อยไป เริ่มจากการเล่นเพื่อสนุกแล้วต่อเนื่องไปสู่การเล่นที่ถี่ขึ้นจนต้องเล่นทุกวันและวันละหลายครั้ง การเล่นการพนันจะมีผลต่อการผิดปรกติของสมอง 2 ส่วนคือ สมองส่วนนอก หรือสมองส่วนคิด (Cerebral Cortex)ซึ่งทำหน้าที่จดจำ ความคิด จินตนาการ การตัดสินใจ ความมีเหตุผลและการรับรู้ และสมองส่วนที่อยู่ชั้นในหรือก้านสมอง (Brain Stem) ซึ่งเป็นส่วนที่เกี่ยวข้องกับอารมณ์และความรู้สึก และทำให้รู้สึกอยากเล่นการพนันนั่นเอง เมื่อติดการพนันสมองส่วนความคิดเชิงเหตุผลก็จะสูญเสียความยับยั้งชั่งใจไปด้วย คนที่ติดการพนันนั้นมักจะเริ่มเล่นเพราะความสนุกสนานและการได้เงิน เมื่อรู้สึกสนุกสนานและได้เงินยิ่งล่อใจให้สารโดปามีน (สารที่ทำให้เกิดการตื่นตัวและพึงพอใจ)หลังออกมา จึงทำให้เพิ่มปริมาณและระยะเวลาในการเล่นมากขึ้นเรื่อยๆ จนยากที่จะตัดใจเลิกเล่น เพราะเมื่อไหร่ที่คิดจะเลิกเล่นจะรู้สึกกระวนกระวายใจและอยากเล่นการพนันอยู่เช่นนั้นเอง และทุกครั้งที่เล่นก็จะตื่นเต้นและมีความหวังว่าจะได้เงินจากเล่นการพนันนั่นเอง ดังนั้นใครที่พึ่งเริ่มเล่นการพนันหรือรู้ตัวว่าติดการพนันแล้ว และอยากเลิกเล่นให้ได้ ก็ขอให้ปฏิบัติตน5ข้อดังต่อไปนี้ 1)ปฏิเสธ แปลว่าไม่ยอมรับ ไม่ตกลง ไม่ทำ ทันทีที่รู้สึกตัวว่าอยากเล่นการพนันหรือเพื่อนชวนเล่นการพนัน ให้ปฏิเสธต่อผู้ที่ชวนเล่นหรือหากไม่มีใครชวนก็ให้ปฏิเสธตนเองนั่นแหละ ปฏิเสธทันทีว่า “ไม่ ไม่ ไม่เล่น ไม่เล่นเด็ดขาด” เปล่งวาจาออกมาดังๆ ไม่ควรคิดในใจ ต้องเปล่งวาจาออกมาเพื่อให้มโกรรมส่งผลต่อวจีกรรมนั่นเอง 2)บอกเหตุผล เมื่อปฏิเสธแล้วให้ตามมาด้วยการบอกเหตุผลที่จะไม่เล่น เช่น แม่ไม่ให้เล่น พ่อไม่ให้เล่น ภรรยาไม่ให้เล่น เสียเงิน ไม่มีเงิน เล่นแล้วทะเลาะกับแฟนทุกครั้ง เสียความสัมพันธ์กับคนใกล้ชิด ต้องกู้เงินคนอื่นมาเล่นแล้วไม่มีเงินจ่าย ขี้เกียจหนีเจ้าหนี้ เป็นต้น และการบอกเหตุผลนี้ก็ต้องเปล่งวาจาออกมาด้วยเช่นกัน 3)เดินหนีออกจากสถานการณ์ เมื่อทำข้อ1คือปฏิเสธ และตามด้วยข้อ2คือบอกเหตุผลแล้ว ต้องรีบเดินหนีออกจากสถานการณ์ทันที เช่นเมื่อเพื่อนชวนเล่น ก็คือเดินหนีออกมาจากกลุ่มเพื่อนทันทีอย่ารีรอ เพราะเมื่อรีรอแล้วจะถูกชักชวนและโน้มน้าวให้เล่น และหากอยู่คนเดียวและมีความคิดและความรู้สึกอยากเล่นก็ให้เดินหนีจากจอคอมพิวเตอร์หรือแทปเล็ตหรือโทรศัพท์มือถือที่คาดว่าจะใช้เล่นการพนันออนไลน์ทันที 4)หมั่นใครครวญหาผลเสียของการเล่นการพนัน การคิดใคร่ครวญหาผลเสียของการเล่นการพนันให้พบมากๆจะช่วยให้ฉุกคิดและตัดใจไม่เล่นได้ดีขึ้น ทั้งยังเป็นส่วนหนึ่งของวิธีทำจิตบำบัดแบบปรับความคิดและพฤติกรรม(Cognitive Behavioral Therapy:CBT) ที่นิยมใช้บำบัดผู้ป่วยที่ติดสารเสพติดทุกประเภท อีกอย่างหนึ่งจะได้มีข้อมูลข้อเสียของการเล่นการพนันไว้มากๆสำหรับบอกเหตุผลในข้อ2ที่กล่าวมาอีกด้วย 5)ไปรักษากับจิตแพทย์ สมองติดการพนันเป็นโรคทางจิตเวชชนิดหนึ่งที่เรียกว่า pathological gambling เกิดจากการผิดปรกติของสารเคมีในสมองโดยเฉพาะสารเซโรโทนีน (serotonin)ซึ่งช่วยในการยับยั้งชั่งใจลดลง จึงต้องได้รับประทานยาที่ช่วยให้คลายเครียดและกระตุ้นให้มีความยับยั้งชั่งใจให้มากขึ้น ซึ่งสามารถไปรักษากับจิตแพทย์ที่โรงพยาบาลจิตเวชได้ทั่วประเทศหรือแผนกสุขภาพจิตโรงพยาบาลประจำจังหวัดทั่วประเทศได้เช่นกัน และขอย้ำว่าแม้จะไปรักษาด้วยการรับประทานยาแล้วก็ตาม การปรับพฤติกรรมข้อ 1 ถึงข้อ 4 ก็ต้องทำควบคู่กันเสมอ หากท่านสามารถทำได้ทั้ง 5 ข้อ ผู้เขียนเชื่อมั่นว่าท่านจะสามารถเลิกเล่นการพนันได้ ไม่ว่าจะเป็นการพนันออฟไลน์หรือออนไลน์ก็เลิกได้ทั้งสิ้น และเมื่อเลิกได้แล้วก็ควรหลีกเลี่ยงไม่ไปอยู่ในสถานการณ์เดิมๆ พร้อมทั้งหากิจกรรมใหม่ที่สร้างสรรค์ทำ เพื่อดึงความสนใจออกไปจากการพนันอย่างถาวรนั่นเอง ภาพปกจาก : stux / pixabay ภาพที่1จาก: OpenClipart-Vectors / pixabay ภาพที่2จาก : clarencealford / pixabay ภาพที่3จาก: Sozavisimost / pixabay ภาพที่4จาก: Tumisu / pixabay รศ.ดร.วุฒิพงศ์ ถายะพิงค์ นักวิชาการสื่อสารสุขภาพจิตและศาสนาปรัชญา นักเขียนสำนักพิมพ์แห่งจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย,มติชน,อมรินทร์ธรรมะ,ซีเอ็ด,ดีเอ็มจีและวิชบุ๊ค ประธานสถาบันพัฒนาบุคลากรwuttipong academy ,ไอดีไลน์ ac6555 อัปเดตความรู้ใหม่ ๆ อีกมากมาย โหลดเลยที่ App TrueID ฟรี !