โรคหลอดเลือดสมอง ตีบ ตัน แตก ขาดเลือดชั่วคราว ไม่ไช่เรื่องไกลตัวอีกต่อไป เนื่องจากปัจจุบันมีจำนวนผู้เสียชีวิตจากโรคดังกล่าวเป็นอันดับสามรองจากโรคมะเร็งและโรคหัวใจ โดยค่าเฉพาะ 6 วินาทีต่อ 1 คน แต่ละปีจะมีผู้ป่วยเป็นโรคนี้ทั่วโลกราว 15 ล้านคนและมีการคาดการว่า ในปี2563 จะมีจำนวนมากขึ้นถึง 2 เท่า และสามารถเป็นได้ทุกเพศทุกวัย ภาพจาก : pixabay.com โรคหลอดเลือดสมอง แบ่งได้เป็น 3 ประเภท ดังนี้ 1. ภาวะหลอดเลือดสมองตีบตัน สาเหตุมาจากคราบไขมัน หินปูน สะสมในผนังหลอดเลือดจนหนา ทำให้รูหลอดเลือดตีบ แคบลง การลำเลียงเลือดลดลง หรือ เกิดจากลิ่มเลือดจากหัวใจ หรือ เกิดจากการปริแตกของผนังหลอดเลือดมาอุดตันในหลอดเลือด 2. ภาวะหลอดเลือดสมองแตก เซลล์สมองได้รับบาดเจ็บจากการมีเลือดคั่งในเนื้อสมอง ทำให้สมองตายส่วนมากพบในผู้ที่มีความดันโลหิตสูง โรคตับ ทำให้หลอดเลือดเปราะ โป่งพอง การแข็งตัวของเลือดผิดปกติ 3. ภาวะขาดเลือดชั่วคราว อาการนี้จะเป็นไม่เกิน 24 ชั่วโมง หากเกิดอาการนี้ต้องรีบส่งโรงพยาบาลโดยด่วนที่สุด ปัจจัยเสี่ยงที่ทำให้เกิดโรคหลอดเลือดสมอง มีดังนี้ ความดันโลหิตสูง โรคเบาหวาน คอเลสเตอรอลในเลือดสูง โรคอ้วน สูบบุหรี่ ดื่มสุราเบียร์เป็นประจำ หยุดหายใจขณะนอนหลับ ขาดการออกกำลังกาย อาการที่บ่งบอกโรคนี้ ใบหน้าชาหรืออ่อนแรง ทำให้ปากเบี้ยว เคี้ยวอาหารไม่ได้ อมน้ำไม่อยู่ พูดไม่ชัด พูดไม่ออก สับสน นึกคำพูดไม่ออก สติสัมปชัญญะบกพร่อง แขนขาซีกใดซีกหนึ่งชาหรืออ่อนแรง ทรงตัวไม่ได้ สายตาพร่ามัวชั่วขณะมีภาพซ้อน มองไม่ชัด มีอาการปวดหัวอย่างรุนแรงฉับพลัน บางคนสามารถเป็นหนึ่งหรือหลายอาการในเวลาเดียวกันก็ได้ หากเจออาการแบบนี้ควรรีบปรึกษาแพทย์โดยด่วน การป้องกันโรคหลอดเลือดสมอง ตรวจสุขภาพเป็นประจำ วัดความดันโลหิต ตรวจระดับน้ำตาลในเลือด ตรวจระดับไขมันในเลือด ลดหรือเลิกบุหรี่ สุราเบียร์ สารเสพติดต่างๆ หากน้ำหนักมากเกินไปก็ลดน้ำหนัก ออกกำลังกายสม่ำเสมอ พักผ่อนให้เพียงพอ ดูแลสุขภาพจิตให้ผ่อนคลายไม่เครียด หลีกเลี่ยงอาหารที่มีไขมันสูง คอลเลสเตอรอลสูง ได้แก่ อาหารทะเล ตับ แฮม ชีส เนย ข้าวโพดขั้ว อาหารทอด เนื้อสีแดง ไข่แดง ขนมขบเคี้ยว เบเกอรี่ ขนมหวานต่างๆ ภาพจาก : pixabay.com การรักษาโรคหลอดเลือดสมอง การใช้ยาสลายลิ่มเลือด การให้ยาต้านเกล็ดเลือด การพักฟื้น การผ่าตัด การรักษาแต่ละรูปแแบบจะพิจารณาตามอาการของผู้ป่วย ภาพจาก : pixabay.com