วิถีชีวิตจากอดีตกาลสู่ปัจจุบัน ความมหัศจรรย์ของการสร้างโรงงานหวาน ช่วยกันคนละไม้ละมือฝึกปรือกัน ให้ชุมชนให้ชาวบ้านได้งานเงิน กลวิธีการผลิตสิ่งที่สามารถที่จะนำมาใช้ในการ ประกอบอาหาร เราเองเป็นคนมอง เราอาจจะมองว่า มันอาจจะไม่มีมาตรฐานในเรื่องของความสะอาด แต่สำหรับคนที่นี่เขายังกินยังใช้ได้ตามปกติ ไม่มีใครเป็นโรคไม่มีใครท้องเสีย หรือได้รับอันตรายจากการทานในสิ่งนี้ วันนี้จะพาไปศึกษาในโรงงานผลิตน้ำตาลของชาวเมืองอินเดีย ในเมืองกุฉินารา ซึ่งเป็นเมืองที่พระพุทธเจ้าตัดสินใจที่จะดับขันธ์ปรินิพพาน ถ้าเราได้ไปเยือนเราจะดูรู้ได้เลยว่าทำไมพระองค์ถึงตัดสินใจเลือกที่นี่ ด้วยความหลากหลายทางด้านวัฒนธรรม เป็นเมืองที่เงียบสงบ รสชาติคือสิ่งที่มนุษย์ต้องการ ลิ้นของคนเรานั้นรับรู้รสชาติ ถ้าจะว่าไปในการทำอาหารแน่นอนว่า แม่ครัวจะต้องใส่น้ำตาล ซึ่งน้ำตาลนั้นมีหลากหลายประเภท น้ำตาลที่ได้จากธรรมชาติ ทุกที่ใช้กันแพร่หลายคือน้ำตาลจากอ้อย ให้ความหวานที่ไม่หวานมากเกินไป ในประเทศ อินเดียก็เช่นกัน การทำงานอาหารของคนอินเดียจะต้องมีความหวานมัน ในการนวดแป้งจาปาตี ในการทำแกงกะหรี่ จะต้องเคี่ยวให้ได้ที่ สีของอาหารจะต้องมีสีสันน่ารับประทาน ต้องมีการใส่น้ำตาลอ้อยเพื่อให้ความหวาน วันนี้เราจึงเดินทางไปที่แหล่งรวบรวมและผลิตน้ำตาลในประเทศอินเดีย ที่เมื่อเดินทางไปถึงแล้วถึงกับต้องว้าวกับสิ่งที่ได้พบเห็น โรงงานน้ำตาลแห่งนี้อยู่ห่างจากเมืองค่อนข้างมาก เพราะบริเวณรายรอบของที่นี่ เต็มไปด้วยทุ่งนา กว้างและก่อนที่เราจะเดินเข้าไปถึงนั้น มีกลุ่มของกองขี้อ้อย อัดแน่นเต็มไปหมด ซึ่งหลังจากที่มีการรีดน้ำอ้อยออกไปหมดแล้ว เขาจะนำซากอ้อยนั้นไปทำเป็นเชื้อเพลิง หรือปุ๋ยหมักหรืออาจจะนำส่วนหนึ่งไปแปรรูปเป็นอาหารสัตว์ อ้อยถือได้ว่าสามารถใช้ประโยชน์ได้ทุกส่วน เราใช้เวลาในการเดินทางมาที่นี่ประมาณครึ่งชั่วโมง ถึงโรงงานน้ำตาล เมื่อถึงการเดินทางเท้าเข้าไป ถ้าอยู่ใกล้เมืองแน่นอนว่าต้องสร้างมลพิษ จากการเผาไหม้ของอ้อย ซากอ้อยที่เตรียมพร้อมสำหรับ การทำเป็นเชื้อเพลิง สิ่งเหล่านี้วางห่างไกลจากที่ทำอ้อยเพราะเกรงว่า ไฟจะติดกลายเป็นกลุ่มไฟไหม้ได้ ความละเอียดของซากอ้อยนั้น ละเอียดจนไม่เหลือน้ำอ้อยแม้แต่หยดเดียว ขั้นตอนในการทำนั้นเริ่มจากขั้นแรก คือ นำอ้อยมาเพื่อบด เพื่อรีดน้ำตาลออกจากอ้อย ชาวอินเดียบอกว่าน้ำตาลอ้อยที่อร่อยนั้นจะมีความหวานเพียงอย่างเดียวไม่ถือว่าอร่อย จะต้องมีความหอมเข้ามาด้วย มีความหนุ่มผสมกัน การทำนั้นจะต้องเข้าใจตั้งแต่วิธีการในการสุมไฟ การเคี่ยวไปจนถึงทุกขั้นตอนกว่าที่จะมาเป็นน้ำตาล ด้านล่างของกระทะในการต้มน้ำตาล จะมีคนคอยที่จะสุมไฟเข้าไปด้านล่าง ซึ่งถ้าหากเรานั้นเดินไปจะรู้ได้เลยถึงความร้อนของเตาเผา ด้านบนจะเป็นกระทะ ที่ใช้ในการเคี่ยวน้ำอ้อย การก่อสร้างของเครื่องต่างๆ นั้นสร้างขึ้นมาจากอิฐ ซึ่งสามารถทนและเก็บความร้อนได้อย่างดี เมื่อไปมองความตั้งใจและการทำทุกวิถีทางนั้นส่งผลทำให้เห็นขั้นตอนกว่าจะนำมา ขั้นที่สอง นำน้ำอ้อยที่ได้มาต้มด้วยความร้อนในกระทะ กระทะต้มน้ำตาลด้านบน ใช้เวลาในการต้มนาน ในการต้มจะมีกระทะต้มทั้งหมด 6 ถาด ถาดแรกต้มเมื่อได้ที่จะตักไปใส่ถาดต่อไป กระทะนี้มีความหนาและเก็บความร้อนได้นาน ซึ่งไฟนั้นจะไม่ให้ดับลง เพราะกว่าที่หม้อจะร้อนนั้นใช้เวลานาน เมื่อมีฟองจะตักมาพักไว้ที่ถาดโดยใช้คนในการ ทำงานนี้ ซึ่งไม่มีเครื่องทุ่นแรง การทำนั้นไม่ได้เร่งรีบค่อยๆ ทำไปไม่ได้จำกัดเรื่องเวลา ขั้นที่สาม คือ ใช้ระยะเวลา ต้มจากสีขาวไปเรื่อยๆ จนกว่าจะเปลี่ยนสีที่เข้มขึ้น น้ำตาลอ้อยที่ได้ที่ จะค่อยๆเหนียวขึ้นตามระยะเวลา จะมีคนคอยคุมยืนคุมโดยมีเวรคอยมอง และคนที่เฝ้านี้จะต้องมีประสบการณ์ในการทำ และอีกอย่างคงจะต้องทนความร้อนได้ เพราะความร้อนของไฟร้อนมาก ความเดือดของกระทะ ถ้าเทียบได้คงจะร้อนจนเดือด กระทะที่ทำนั้นจะไม่ใส่เยอะเพราะถ้าเยอะเกินไปจะควบคุมไม่ได้ ในวิธีการปั้นนั้นส่วนมากจะใช้เพียงคนเดียวจะทำการตักพักไว้เพื่อให้เย็น เมื่อเย็นแล้วจะปั้นและวางไว้ จนกว่าจะแข็งหรือแห้งจากนั้นจะนำไปใส่ในภาชนะใส่ และนำไปเก็บไว้ในห้องเก็บในอุณหภูมิที่เหมาะสม ขั้นตอนสุดท้าย คือ เนื้อของน้ำตาลอ้อยจะมีสีน้ำตาลเข้ม สวยมีความคล้ายสีของดินเหนียว จากนั้นนำมาไว้ที่บ่อพักเพื่อให้เย็นเพื่อที่จะปั้นในขั้นต่อไป ความลึกของบ่อนั้นจะลึกเพียงหนึ่งนิ้ว เมื่อน้ำตาลอ้อยได้ที่ จะเหนียวและมีความหวาน เมื่อเสร็จแล้ว จะไปถึงขั้นตอนของการ ปั้นให้เป็นก้อนกลม ถ้าเรามองไกลๆ จะเหมือนกันกับน้ำตาลปี๊บ จากนั้นนำไปปั้นเป็นก้อนกลม ก่อนที่จะแห้ง ระยะเวลาในการปั้นจะต้องมีระยะเวลา เพราะถ้าหากน้ำตาลแห้งจะแข็ง ทุกขั้นตอนที่ทำใช้แรงงานคน ส่วนของน้ำตาลที่มีสีดำใช้ไม่ได้ จะต้องตักมากลายเป็นน้ำตาลที่เกรดไม่ค่อยดี สามารถนำไปขายได้เช่นกัน เนื่องด้วยในอินเดียนั้นมีการแบ่งชนชั้น ในส่วนที่น้ำตาลดีจะนำไปใช้กับชนชั้นที่สูง แต่ถ้าน้ำตาลดำก็จะนำไปขายให้กับชนชั้นที่ต่ำลงมา ซึ่งในไทยนั้นอาจจะเทียบกับเกรดของน้ำตาลที่ราคาแพงและราคาถูก เคล็ดลับวิธีในการทำน้ำตาลจะต้องใส่สิ่งนี้ ในการนำสมุนไพรมาทำให้น้ำตาลไม่เกาะตัว มีความสวยงามในเรื่องของสี แต่ก่อนที่จะนำกิ่งของรากที่ช่วยในการแยกกากหรือแยกสิ่งที่ไม่สะอาดออก จะต้องนำมาทุบก่อน และตักไปผสมกับน้ำอ้อย เพื่อขับสิ่งสกปรก ถือเป็นภูมิปัญญาชาวบ้านอีกอย่างหนึ่ง เมื่อทุบให้ละเอียดแล้ว จะนำไปผสมและนำน้ำไปต้มก่อน โรงงานที่ในปัจจุบันแม้จะเข้าสู่โลกยุคของการเจริญเติบโตในด้านของเทคโนโลยี แต่เมื่อเราเดินไปดูโรงงานนี้ ทำให้เห็นว่า เทคโนโลยีบางครั้งก็ไม่ได้เปลี่ยนแปลงในเรื่องของความคิด ถามว่าโรงงานนี้ สามารถที่จะเปลี่ยนสร้างเป็นอาคารใหม่ และมีเทคโนโลยีเข้ามาช่วยได้ไหม ก็คงตอบว่าได้ แต่ที่นี่ไม่ได้สนใจในเรื่องนี้เลย ยังคงใช้ในเรื่องของความดั้งเดิม เครื่องบดอ้อย เมื่อบดแล้วส่งน้ำตาล ขึ้นไปต้ม เครื่องบดที่มีความละเอียดบดออกมาแห้งจนไม่มีอะไร ในการบดเครื่องที่ใช้คือเครื่องที่มีการใช้แรงหมุน และยึดด้วยสายพาน เครื่องนี้เป็นเครื่องที่มีอายุการใช้ที่ยาวนาน เมื่อน้ำตาลปั้นเป็นก้อนคือขั้นตอนสุดท้าย จากนั้นก็จะแพ็คใส่นำไปขาย แต่เราจะไม่ค่อยได้เห็นน้ำตาลนี้ขายทั่วไป เพราะจะไม่ค่อยมีขายในเมือง น้ำตาลเหล่านี้ถือเป็นน้ำตาลที่ได้จากธรรมชาติ สีสวยงาม และคัดเลือกส่วนที่ดีที่สุด สิ่งที่เป็นเสน่ห์ของคนอินเดียนั้นคือ สิ่งไหนที่ไม่มีที่ไหนแต่ที่อินเดียมี และสิ่งนี้ทำให้เราได้เห็นว่าทำไมพระพุทธเจ้าถึงเลือกที่จะตรัสรู้ในเมืองนี้หรือในประเทศนี้ ซึ่งเป็นประเทศที่หลากหลายในเรื่องของวัฒนธรรม เรื่องของความเป็นอยู่หลากหลายในวัฒนธรรม เราที่เดินทางไปที่นี่ เราสามารถที่จะเลือกมองในมุมมองที่หลากหลาย ชีวิตของคนเรานั้นมีความแตกต่างในหลายๆเรื่อง การเกิดนั้นไม่สามารถเลือกได้ บางคนที่ทำงานในโรงงานนี้ อาจจะเป็นทั้งหมดของชีวิตเขา ของครอบครัวเขา ไม่มีใครสามารถตอบได้ แท้ที่สุดแล้วทุกคนต่างก็ทำเพื่อตนเองเพื่อที่จะมีชีวิตรอดส่งความสุขไปถึงคนที่รักด้วยภาพถ่ายทั้งหมดเป็นของผู้เขียนเอง (อุ้งเท้าแมว) เปิดประสบการณ์ความบันเทิงที่หลากหลายสุดปัง บน App TrueID โหลดเลย ฟรี !