การระบาดของโรคโควิด-19นั้นเป็นปรากฏการณ์ที่โลกยุคใหม่ไม่เคยพบเจอมาก่อน เจ้าไวรัสตัวนี้ได้สร้างผลกระทบอย่างใหญ่หลวงต่อการดำเนินชีวิตรวมถึงการดำเนินกิจกรรมในทุกวงการ วงการกีฬาก็หนีไม่พ้น การแข่งขันกีฬาต่าง ๆ ต้องหยุดลงชั่วคราวทั่วทั้งโลกชนิดที่ยังไม่รู้ชัดว่าจะกลับมาดำเนินกิจกรรมกันได้เมื่อไหร่กันแน่ วงการลูกหนังอันเป็นกีฬายอดนิยมของชาวโลกเองก็ต้องหยุดการแข่งขันกันกันมาร่วมสองเดือนแล้ว บางลีกถึงขั้นตัดจบเอาดื้อ ๆ เพราะไม่เห็นอนาคตที่จะกลับมาแข่งได้ในเร็ววัน แต่อีกหลายลีกยังไม่ยอมแพ้และวางแผนจะกลับมาเตะให้จบให้ได้ แต่คงไม่ใช่การแข่งขันในสภาวะปกติเหมือนที่เคยเป็นมา ความเปลี่ยนแปลงที่คาดว่ากำลังจะเกิดขึ้นในวงการฟุตบอลนั้นมีอะไรบ้าง เราลองมาไล่เรียงกันดู 1. การลงแข่งขันในสนามที่มีพร้อมทุกอย่าง...ยกเว้นคนดู ปกติแล้วการแข่งขันฟุตบอลกับกองเชียร์ในสนามนั้นป็นของคู่กัน โดยเฉพาะลีกใหญ่ ๆ ในยุโรปนั้น เราจะเห็นแฟนบอลหลายหมื่นคนคอยเชียร์ทีมรักอยู่ในสนาม กระตุ้นบรรยากาศของเกมให้สนุกเร้าใจ แต่ด้วยเงื่อนไขของการต้องเว้นระยะห่างทางสังคมในช่วงนี้ การแข่งขันแบบไร้คนดูจึงเป็นสิ่งที่จำเป็นต้องเกิดขึ้นหากอยากให้การแข่งขันดำเนินต่อไปได้ และอาจจะไม่ใช่แค่การแข่งในฤดูกาลนี้เท่านั้น แต่อาจจะต้องลากยาวไปจนถึงการแข่งขันฤดูกาลหน้าด้วย ล่าสุดลาลีก้าของสเปนก็ได้ประกาศออกมาแล้วว่าการแข่งขันฟุตบอลสเปนในฤดูกาลหน้าอาจจะจำเป็นต้องแข่งแบบปิดสนาม นั่นหมายถึงแม้แต่ทีมอย่างบาเซโลน่าที่เคยมีแฟนบอลนับแสนเข้ามาดูยามเมื่อเป็นทีมเจ้าบ้านก็ต้องแข่งกันโดยไม่มีแฟนบอลเข้าชมแม้แต่คนเดียว แต่เพื่อเป็นการสร้างบรรยากาศในสนามให้นักเตะมีแรงกระตุ้นและแฟนบอลที่ชมการถ่ายทอดสดได้มีส่วนร่วม หลายทีมก็ได้เตรียมแผนไว้แล้ว เช่น การทำป้ายรูปคนดูขนาดเท่าตัวจริงมาวางไว้ที่อัฒจันทร์ การใช้ลำโพงสนามเปิดเสียงเชียร์เอาไว้ และที่ดูจะไฮเทคที่สุดคือให้แฟนบอลได้กดปุ่มเพื่อเลือกเสียงเชียร์ตามจังหวะเกมส์โดยกดผ่านการใช้แอพพลิเคชั่นในมือถือ ซึ่งแฟนบอลสามารถเลือกได้ว่าจะปรบมือ โห่ เป่าปาก หรือร้องเพลงเชียร์ แล้วเสียงเหล่านั้นก็จะไปดังที่ลำโพงในสนาม เรียกได้ว่าเป็นการ Cheer From Home เข้ากับยุคสมัยดีแท้ 2. การใส่หน้ากากอนามัยลงสนาม เรื่องนี้หากมีการพูดถึงเมื่อสักครึ่งปีก่อนหน้านี้คงฟังดูเป็นเรื่องขำขัน แต่ใครจะไปคิดว่ามันเกือบจะเกิดขึ้นแล้วจริง ๆ เมื่อบุนเดสลีกาเยอรมันถึงกับเคยประกาศว่าการแข่งขันฟุตบอลที่กำลังจะกลับมาเตะนั้น นักฟุตบอลอาจจะต้องสวมหน้ากากอนามัยลงสนาม และเพื่อให้นักกีฬาไม่เหนื่อยจากการหายใจผ่านหน้ากากจนเกินไป อาจจะต้องให้มีการพักระหว่างแข่งทุก15นาที ซึ่งก็เป็นไปได้ว่าลีกอื่น ๆ ก็อาจจะต้องทำแบบเดียวกัน แต่อาจจะด้วยเหตุผลด้านความปลอดภัยต่อตัวนักฟุตบอล เพราะการใส่หน้ากากอนามัยลงเล่นกีฬาที่ต้องใช้พละกำลังมากอาจจะก่อให้เกิดอันตรายต่อนักกีฬาได้ สุดท้ายบุนเดสลีกาที่เพิ่งกลับมาเตะอีกครั้งเมื่อวันเสาร์ที่16 พฤษภาคมที่ผ่านมา ก็เลยอนุญาตให้นักฟุตบอลที่ลงสนามรวมถึงกรรมการไม่ต้องสวมหน้ากากอนามัย หากแต่ทุกคนที่อยู่รอบ ๆ บริเวณสนาม ไม่ว่าจะเป็นผู้เล่นสำรอง สต๊าฟโค้ชทุกคน รวมถึงเจ้าหน้าที่สนามก็ล้วนต้องสวมหน้ากากอนามัยและเว้นระยะห่างกันทุกคน เราก็เลยได้เห็นภาพผู้เล่นสำรองใส่แมสและนั่งห่าง ๆ กัน เป็นภาพแปลกใหม่ที่ไม่คิดว่าจะได้เห็นมาก่อน แต่นับจากนี้อาจจะได้เห็นไปอีกนานเลย เรียกได้ว่าการใส่หน้ากากอนามัยได้กลายเป็น New Normal ไปแล้วไม่เว้นแม้แต่ในวงการฟุตบอล 3. ยิงเข้าเมื่อไร ต้องดีใจกันแบบห่าง ๆ อย่างห่วง ๆ ความตื่นเต้นที่สุดของเกมฟุตบอลคือการยิงประตู และเมื่อไหร่ที่มันเกิดขึ้น บรรดานักเตะก็มักจะเข้าไปฉลองกันเป็นหมู่คณะ คนที่ยิงประตูได้ก็มักถูกรุมกอดจากเพื่อนร่วมทีม แต่จากนี้ไปนักฟุตบอลจะทำอย่างนั้นไม่ได้ไปอีกพักใหญ่ ทางบุนเดสลีกาได้ประกาศมาตรการที่จะใช้ในการแข่งขันฟุตบอลที่กำลังเตรียมการจะกลับมาแข่งกันอีกครั้งว่า ในการฉลองประตูนั้นนักเตะต้องเว้นระยะห่างและห้ามสัมผัสร่างกายกัน เหล่านักเตะก็คงต้องเริ่มคิดท่าดีใจแบบเว้นระยะห่างทางสังคมกันแล้วล่ะ 4. อาจเข้าสู่ยุครัดเข็มขัดของทีมฟุตบอล ด้วยการแข่งขันที่หยุดชะงักลง ส่งผลให้ทีมฟุตบอลขาดรายได้ทั้งจากค่าตั๋ว รายได้จากการขายของที่ระลึก ส่วนแบ่งยอดขายเสื้อแข่ง ยังไม่รวมเงินจากผู้สนับสนุนทีมและส่วนแบ่งค่าลิขสิทธิ์ที่อาจต้องจะลดต่ำลงด้วยเงื่อนไขทางเศรษฐกิจจากพิษโควิด-19 ทำให้หลายทีมเริ่มเป็นกังวลกับสภาวะการเงินในอนาคต และหากสถานการณ์ยังเป็นแบบนี้อีกสักระยะ ทีมที่สายป่านไม่ยาวพออาจจะถึงขั้นล้มละลายก็ได้ ดังนั้นการรัดเข็มขัดลดค่าใช้จ่ายคือแผนที่หลายทีมเริ่มคิดเอาไว้ ตัวอย่างคือมีข่าวว่าทีมดังอย่างลิเวอร์พูลได้ชะลอแผนในการเจรจาซื้อตัวติโม แวร์เนอร์ ยอดกองหน้าทีมชาติเยอรมันเอาไว้ก่อน แม้ว่าเขาจะเป็นเป้าหมายสำคัญในการเสริมทัพของคล๊อปก็ตาม และก็เป็นไปได้ว่าทีมส่วนใหญ่ก็ต้องใช้แนวทางเดียวกันคือลดค่าใช้จ่ายเพื่อประคับประคองการเงินของสโมสร เราจึงอาจจะได้เห็นปรากฏการณ์ค่าตัวนักเตะที่เคยพุ่งไม่หยุดต้องมีการปรับลดเพดานราคาลงมาก็ได้ รวมถึงการดันดาวรุ่งจากชุดเยาวชนของทีมขึ้นมาเล่นอาจจะเป็นทางออกที่หลายทีมเลือกใช้ เพราะประหยัดได้ทั้งค่าตัวและค่าเหนื่อยไปพร้อมกัน แม้ว่าการเกิดขึ้นมาของโควิด-19 อาจจะส่งผลให้เกิดการเปลี่ยนแปลงต่อวงการฟุตบอลไปหลายอย่าง แต่สิ่งที่เจ้าไวรัสนี้คงไม่สามารถเปลี่ยนได้ก็คือความรักที่มีต่อเกมฟุตบอลของผู้คนทั่วโลก และแฟนบอลอย่างเราก็ยังคงรอคอยที่จะได้รับชมการแข่งขันของทีมรักอีกครั้ง ซึ่งหวังว่ามันจะเกิดขึ้นในเร็ว ๆ นี้ ขอบคุณภาพจาก TrueID Sport และ pixabay.com เครดิตภาพถ่าย: ภาพปก / รูปประกอบที่1 / รูปประกอบที่2 / รูปประกอบที่3 / รูปประกอบที่4