ผมจะสรุปเป็นโครงสร้างให้เลย โครงสร้างสำหรับคนที่ทำร้านอาหารแล้วจะให้ประสบความสำเร็จ ซึ่งโครงสร้างนี้หากคุณทำตาม โอกาสที่มันจะไม่ประสบความสำเร็จมีน้อยมากจนแทบจะเป็นไปไม่ได้เลยทีเดียว ไม่ว่าจะเป็นร้านกาแฟ ไม่ว่าจะเป็นร้านอาหาร ร้านเค้ก ร้านนวด อะไรก็ตามที่มันเป็น Local Business อะไรก็ตามที่มันเป็นธุรกิจชุมชน มันใช้โครงสร้างนี้ทั้งนั้น สมมุติว่าคุณจะทำร้านอาหารไทย อย่างแรกเลยคุณจะต้องรู้ให้ได้ก่อนเลยว่า อาหารแต่ละเมนูที่ขายออกไปนั้น กำไรมันเป็นกี่บาท หรือกี่เปอร์เซ็นต์ สมมุติว่าขาย 50 บาท กำไรอยู่ที่ 20 บาท ซึ่งการคิดกำไรนี้ต้องคิดรวมวัตถุดิบ หรือถุงพลาสติกอะไรต่าง ๆ ต้องคิดให้เรียบร้อย คิดทั้งที่ทานที่ร้าน หรือกลับไปทานที่บ้าน กำไรเท่าใดในหนึ่งหน่วย ทีนี้ เมื่อรู้ราคาต่อหน่วยแล้ว ก็ไปคำนวณต่อว่าค่าเช่าที่ เช่ากี่บาท พนักงานกี่คน ค่าน้ำค่าไฟโดยประมาณเดือนเท่าไร แล้วก็อย่าลืมให้เงินเดือนตัวเองด้วยถ้าหากตัวเองทำด้วย สมมุติว่าให้เงินเดือนตัวเอง 15,000 บาท ทีนี้หากคุณรวมตัวเลขมาทั้งหมดที่คิดมาตั้งแต่ต้น สมมุติว่าค่าใช้จ่ายต่อเดือนตกอยู่ที่ 50,000 บาท ให้นำ 50,000 หารด้วย 20 แล้วมันจะได้ตัวเลขมาตัวเลขนึง และตัวเลขนี้ ก็คือจำนวนจานที่จะต้องขาย ถ้าสมมุติคุณกำไรจานละ 20 บาท เมื่อคำนวณด้วยวิธีนี้ มันจะได้จำนวนจานที่คุณจะต้องขายให้ได้ต่อเดือน จากนั้นให้เอาจำนวนจานต่อเดือนที่คิดได้นี้ ไปหารด้วยจำนวนวันต่อเดือนที่เปิดร้าน คุณก็จะทราบได้แล้วว่า ต่อวันคุณจะต้องขายให้ได้กี่จาน ทีนี้เมื่อคำนวณได้แล้วว่าจะขายให้ได้กี่จาน ซึ่งยังอยู่ในขั้นตอนของการคำนวณ จะยังไม่เปิดร้าน เพราะเราจะต้องทำการ test ตลาดก่อน ว่าตรงนั้นที่ที่เราจะเอาของไปขายจะมีคนสนใจหรือไม่ ซึ่งการ test ที่ดีและสามารถเห็นผลได้อย่างชัดเจนเลยคือ ให้ใช้ Facebook ในการ test ซึ่งเราจะสามารถเข้าไปดูได้เลยว่า ณ location นั้น ตำแหน่งนั้นในรัศมี 2 กิโลเมตร มันมีประชาชนที่เล่น Facebook กี่คน ซึ่งมันคือตัวเลขโดยประมาณ แต่จากการ test ที่ผ่านมา หากตัวเลขจำนวนคนใช้อยู่ที่ 60,000 – 80,000 คน ตรงนั้นเราสามารถเปิดได้ เพราะว่าเวลาเราเปิดร้านแล้วยิงโฆษณา มันก็จะดึง 80,000 คนนี้แหละมาทานอาหารของเรา ซึ่งหากเราทราบแล้วว่า ตรงนี้มี 80,000 คน จะทำอย่างไรต่อ ก็ถ่ายภาพอาหารสวย ๆ หรือว่านำภาพอาหารที่เราจะขายมาจาก Google ก็ได้ จากนั้นสร้างเพจ เอาภาพอาหารลง ยิงโฆษณา แล้วพิมพ์ถามไปตรง ๆ เลยว่า จะขายร้านอาหารไทยอยู่ตรงนี้ มีเมนูแบบนี้ บรรยากาศร้านแบบนี้ มีคนชอบทานไหม ซึ่งยิงโฆษณาไปเลย คนที่เห็นเขาจะมา Comment ซึ่งเรื่องนี้ผมชัวร์มาก ว่ายังไงจะต้องมีคนมา Comment กับคุณแน่นอน เพราะคนไทยชอบที่จะคุยกับคนอื่น ทีนี้หากมีคนมา Comment เสร็จแล้ว ไม่ว่าเขาจะพูดว่าอะไร ไม่ต้องสนใจ เพราะนั่นคือเปิดได้ เหตุผลที่ทำแบบนี้เพราะอะไร เพราะต้องการจะทราบว่า โฆษณาบน Facebook มันส่งผลต่อพื้นที่ตรงนั้นหรือไม่ หากมีคนมามีส่วนร่วมสักเพียงแค่ 10 คน แสดงว่าตรงนั้นขายได้แน่นอน ตรงนั้นมีคนจริง ๆ มีคนออนไลน์จริง ๆ แล้วค่อยลงพื้นที่ไปหาที่เช่า พอจังหวะจะเปิดร้าน สมมุติว่ามีงบอยู่ 100 % ให้เอาออกมา 5 % ก่อนเปิดร้าน 15 วัน หรือ 7 วันให้เอาไปยิงโฆษณาถล่มไปเลย แล้วก็บอกไปว่าวันแรกที่เปิดร้านจะมีโปรโมชั่นอะไร จะแถมอะไร จะลดอะไร เพื่อดึงให้คนมา พอดึงคนมาเสร็จแล้วก็เก็บรูปวันนั้นเอาไว้ ถ่ายรูปคนเยอะ ๆ เก็บไว้ เพื่อนำไปลงในเพจ Facebook สามารถกลับมาโพสซ้ำกี่ครั้งก็ได้ ทีนี้คนก็จะเห็นร้านของคุณแล้ว คนจะรู้จักร้านของคุณเหมือนกับว่าร้านคุณเปิดมาแล้ว 5 ปี 10 ปี แต่ก่อนต้องเปิดร้านเป็นปี กว่าคนจะรู้จักทั้งหมด แต่หากยิงโฆษณาเป็น เพียงแค่ 7 วัน เขาก็รู้จักหมดแล้วทั้งตำบล ซึ่งนี่ก็คือสูตรสำเร็จของการทำร้านอาหารหรือธุรกิจขนาดเล็ก ส่วนเรื่องบริหารจัดการครัว เรื่องซื้อโต๊ะ เรื่องบริหารจัดการคน เรื่องจัดระบบอาหาร เรื่องที่ต้องบริหารต่าง ๆ ในร้าน เราสามารถไปค้นหาใน Google ได้เลย มีบอกเอาไว้หมดแล้ว แต่โครงสร้างก่อนที่จะเปิดร้าน หากทำตามวิธีตามที่บอกมา โอกาสเจ๊งน้อยมาก เพราะว่าถ้าตอนยิงโฆษณาตอนแรกเพื่อทดสอบว่ามีคนคุยด้วยหรือไม่ ถ้าตอนนั้นไม่มี ก็ไม่ต้องไปเปิดตรงนั้นแล้ว แต่ถ้าทดสอบแล้วผ่านก็ต้องดู location ของพื้นที่ที่จะเช่าเพื่อเปิดร้านด้วย ว่ามีผู้คนพลุกพล่านมากแค่ไหน บทความจาก The Billionaire - มนุษย์พันล้านขอขอบคุณรูปภาพจาก Pexels และ Pixabay : ภาพปก / รูปที่ 1 / รูปที่ 2 / รูปที่ 3 ขอขอบคุณเว็บไซต์ทำภาพปกจาก canva