เมื่อเอ่ยถึงชีวิตหลังความตาย เรามักจะรู้จักและจินตนาการไปถึงคำว่า ผี หรือ วิญญาณ เสียเป็นส่วนใหญ่ น้อยคนนักที่จะรู้จักและเข้าใจคำว่าโอปปาติกะ ว่าคืออะไร ต่างจากคำว่าผีอย่างไร และโอปปาติกะนั้นมีกี่ประเภท หนังสือเรื่องโอปปาติกะ ชีวิตหลังความตาย จึงเป็นเสมือนหนังสือแนะนำโลกหลังความตายว่าเป็นอย่างไร รวมไปถึงผลบุญ และผลกรรม จะนำพาเราไปจุติเป็นโอปปาติกะแบบใด ลองมาอ่านไปด้วยกันค่ะ หนังสือเล่มนี้เขียนโดย ดร.บรรจบ บรรณรุจิ ซึ่งท่านเป็นอาจารย์ที่สอนเกี่ยวกับด้านพระพุทธศาสนามามากมายหลากหลายสถาบัน และมีผลงานการเขียนหนังสือเกี่ยวกับพระพุทธศาสนามามากกว่า 30 เรื่อง และเนื่องจากดร.บรรจบ ท่านศึกษาบวชเรียนมาตั้งแต่เด็ก เป็นผู้ที่สนใจด้านนี้อย่างถ่องแท้ หนังสือที่ผู้เขียนหยิบยกมารีวิวเล่มนี้จึงมีความละเอียดถี่ถ้วนในด้านธรรมะ เข้าใจง่าย อธิบายออกมาได้อย่างน่าสนใจค่ะ ซึ่งคำว่า ผี ที่อาจารย์ได้กล่าวไว้ในหนังสือ ในอดีตมักจะใช้เรียกเทวดา เช่น “ ผีเสื้อเมือง ผีทรงเมือง ” ที่หมายถึง เทวดารักษาเมือง ส่วนคำว่าโอปปาติกะจะใช้เรียกได้ทั้ง เทวดา สัตว์นรก หรือเปรต เพราะการจุติมาเป็นโอปปาติกะทั้ง 3 ประเภท จะขึ้นอยู่กับดวงจิตสุดท้ายที่รำลึกถึง หากนึกถึงบุญที่เคยทำก็จะได้จุติบนภพภูมิเทวดา แต่ถ้าจิตยังมัวเมาในกิเลส จิตสุดท้ายก็จะนึกถึงกรรมที่เคยก่อ จึงไปจุติยังภพภูมินรก และ ภพภูมิของเปรต ดังที่อาจารย์ท่านได้แบ่งออกเป็นแต่ละบท เช่น เปรต โอปปาติกะผู้หิวโหย ในบทนี้จะเล่าถึงผลกรรมที่ทำให้กลายไปเป็นเปรตของบุคคลตั้งแต่สมัยพุทธกาล ที่ในตอนมีชีวิตอยู่ไม่เคยทำความดี มีแต่ความโลภ ตระหนี่ ทำแต่กรรมชั่ว ทำให้จิตสุดท้ายยึดติดอยู่แต่กิเลส ส่งผลให้ต้องไปเกิดเป็นเปรต โอปปาติกะผู้หิวโหย นรก ดินแดนที่น่าสยดสยองของโอปปาติกะ ในบทนี้เป็นการบรรยายลักษณะของขุมนรกอันน่าสยดสยองแบ่งได้ทั้งหมด 8 ขุมใหญ่ มีเปลวไฟบรรลัยกันป์ รวมถึงนายนิรยบาลที่คอยลงโทษสัตว์นรกผู้ที่มีกรรมหนัก โดยแต่ละขุมจะได้รับความทรมานแตกต่างกัน ซึ่งรูปแบบของนรกขุมต่าง ๆ ไม่ได้มีผู้ใดไปสรรสร้าง แต่เกิดจากกรรมบันดาลทั้งสิ้น เป็นบทที่สอนให้เรารู้สึกหวาดกลัวต่อการทำบาปมากขึ้น เทวดา โอปปาติกะบนสรวงสวรรค์ ในบทนี้จะบรรยายถึงความสวยงามของสวรรค์แต่ละชั้น ที่มีความสงบร่มเย็น ไม่มีทุกข์ มองไปที่ใดก็เจอแต่วิมานทอง ดอกไม้สวยงาม เป็นการแสดงให้เห็นว่าการทำดีแม้เพียงเล็กน้อย แต่ทำด้วยจิตศรัทธาและเป็นกุศลนั้น กลับได้อานิสงส์ที่ยิ่งใหญ่อย่างที่เราคาดไม่ถึง ภาพโดย Iván Tamás จาก Pixabay กายหยาบไปเยี่ยม นรก สวรรค์ ในบทนี้จะเป็นเรื่องเล่าของพระเจ้าเนมิ หรือเนมิราชชาดกซึ่งเป็นชาติที่4 ของพระพุทธเจ้าในสิบชาติสุดท้ายก่อนตรัสรู้ พระเจ้าเนมิท่านทรงเป็นผู้ที่เพียบพร้อมด้วยพระจริยาวัตรอันงดงาม ทรงให้ทานรักษาศีล พระองค์ทรงเป็นแบบอย่างที่ดีต่อพสกนิกร ทำให้ยุคสมัยนั้น นรกกลายเป็นที่รกร้าง และด้วยมหากุศลของพระองค์จึงสามารถเดินทางไปเยี่ยมนรก สวรรค์ได้ด้วยกายหยาบ การปรากฏตัวของโอปปาติกะยุคปัจจุบัน บทนี้ได้เล่าถึงเหตุการณ์แปลกประหลาดที่โอปปาติกะมาสื่อสารกับมนุษย์ในยุคปัจจุบัน ที่ถึงแม้ว่าเขาจะตายไปแล้ว แต่ก็สามารถมาปรากฏตัวเพื่อขอความช่วยเหลือ และทำในสิ่งสุดท้ายที่อยากทำ ก่อนจะหายไปได้ นี่เป็นเพียงแค่บางส่วนที่ผู้เขียนหยิบยกมารีวิวให้ได้ลองอ่านกัน เนื้อหาภายในมีความน่าสนใจกว่านี้มาก เป็นหนังสือที่แฝงไปด้วยข้อคิดเตือนใจ ในทางพระพุทธศาสนา แต่เมื่ออ่านแล้วกลับไม่รู้สึกเบื่อ หากท่านผู้อ่านสนใจ สามารถหาซื้อได้ตามร้านหนังสือในราคาเล่มละ 115 บาทค่ะขอบคุณภาพจากภาพที่ 1,4 ภาพโดยผู้เขียนภาพที่ 2 ภาพโดย Jasmin Key จาก Pixabay ภาพที่ 3 ภาพโดย Iván Tamás จาก Pixabay