สฟิงซ์เป็นสัตว์ประหลาดในตำนานที่มีศรีษะของผู้หญิง มีร่างกายของสิงโต และมีปีกของนก คุณอาจเคยสังเกตเห็นว่า รูปปั้นโบราณขนาดมหึมาอยุกว่า 6,500 ปี ซึ่งตั้งอยู่เคียงข้างพีระมิดนี้ไม่มีจมูก ตลอดหลายร้อยปีทีผ่านมา กองทหารและบุคคลมากมายทั้งอังกฤษ เยอรมนี และอาหรับ ต่างถูกกล่าวหาว่าจงใจทำลายจมูกสฟิงซ์ด้วยเหตุผลนานัปการ แต่ดูเหมือนนโปเลียนจะถูกโจมตีบ่อยสุด แต่แทบไม่มีข้อกล่าวหาใดที่เป็นความจริงเลย อันที่จริงแล้ว มีเพียงบุคคลเดียวเท่านั้นที่เราพูดได้เต็มปากว่าเป็นคนทำลายจมูกสฟิงซ์ เขาคนนั้นคือ ซาอิม อัลดาห์ร ซึ่งถูกจับแขวนคอใน ข้อหาทำลายทรัพย์สินของรัฐอย่างไร้เหตุผลเมื่อปี 1378 กองทัพอังกฤษและเยอรมันนีในสงครามทั้งสองครั้งไม่ได้ทำความผิดอะไร เพราะได้มีการถ่ายรูปสฟิงซ์ไร้จมูกได้ตั้งแต่เมื่อปี 1886 โน่น สำหรับกรณีของนโปเลียน ภาพสเก็ตของสฟิงซ์ไร้จมูกก็ปรากฏให้เห็นตั้งแต่ในปี 1737 แล้ว... ก่อนที่นโปเลียนจะเกิดถึง 32 ปี ดังนั้น ตอนที่เขาได้เห็นสฟิงซ์เป็นครั้งแรกขณะดำรงตำแหน่งนายพลที่มีอายุ 29 ปี จมูกของสฟิงซ์ก็อันตรธานไปนานโขแล้ว นโปเลียนเดินทางไปอียิปต์โดยมีแผนการที่จะขัดขวางการติดต่อสื่อสารระหว่างอังกฤษกับอินเดีย เขาทำงานรบที่นั้นใน 2 สมรภูมิ ได้แก่ สมรภูมิพีระมิด (ซึ่งไม่ใช่ที่แม่น้ำไนล์จริงๆ) นอกจากจะนำทหารไป 55,000 นายแล้ว นโปเลียนยังพาปราชญ์อีก 155 คน ไปพร้อมกับเขาด้วย ซึ่งถือว่าเป็นนักโบราณคดีกลุ่มแรกที่เข้าสำรวจประเทศแห่งนี้ เมื่อนโปเลียนเดินทางกลับฝรั่งเศษหลังจากที่เนลสันจมกองทัพเรือของเขาได้ จักรพรรดิผู้นี้ก็จากไปโดยทิ้งทหารและปราชญ์เหล่านั้นเอาไว้เบื้องหลัง แต่งานของเขาก็ยังคงเดินหน้าต่อไป คนเหล่านี้นี่เองที่เป็นผู้ผลิตหนังสือชุด Descriptionde I'Egypte ซึ่งเป็นการเผยแพร่ภายที่เที่ยงตรงของประเทศแห่งนี้สู่ทวีปยุโรป ถึงแม้จะเป็นดั่งที่กล่าวไปแล้วก็ตาม แต่ทุกวันนี้มัคคุเทศก์ชาวอียิปต์ที่พีระมิดทั้งหลายต่างก็ยังคงบอกบรรดานักท่องเที่ยวว่า จมูกของสฟิงซ์"ถูกขโมยไปโดยนโปเลียน" และนำกลับไปไว้ที่พิพิธภัณฑ์ลูฟร์ในปารีส สาเหตุที่น่าจะเป็นไปได้มากที่สุดสำหรับการหายไปของชิ้นส่วนอวัยวะนี้คือ พลังของลมและสภาพอากาศที่กัดกร่อนหินปูนอันอ่อนนุ่มมานานกว่า 6,000 ปี แล้ว ขอบคุณรูปภาพจากภาพหน้าปกและภาพประกอบ 1-3 จากhttps://www.canva.com/