รวย ต้องมีเท่าไหร่ถึงจะเรียกว่ารวย คำถามนี้ไม่มีคำตอบที่ชัดเจน ขึ้นอยู่กับความพึงพอใจของแต่ละบุคคล ว่าต้องการเท่าไหร่ แต่สิ่งหนึ่งเลยที่ผู้เขียนคิดว่าเราทุกคนควรจะมีก็คือ ความรู้จักพอ เพราะถ้าเราคิดว่ารวย คือการมีมากที่สุดเท่าที่จะมากได้ หรือมากกว่าคนอื่น แบบนี้เราจะใช้ชีวิตของเราไปกับการหาเงินทำให้เราไม่ทันได้ใช้ชีวิตเลยก็เป็นได้ แล้วแบบนี้เราจะหาเงินไปเพื่ออะไรกันภาพที่ 1 โดย mohammed Hassan จาก Pixabay ปัญหาเรื่องปากท้องเป็นปัญหาที่แก้ไม่จบ มีทั้งปัจจัยที่เราควบคุมได้ และที่เราควบคุมไม่ได้ แต่วันนี้เราจะมาว่ากันด้วยเฉพาะเรื่องที่เราควบคุมได้เท่านั้น ถ้าเราตั้งเป้าไว้แล้วว่าต้องรวยให้ได้ ให้เราหันมาถามตัวเราเองอีกทีว่า สำหรับเราแล้ว เท่าไหร่ถึงจะเรียกว่ารวย ถ้ายังตอบออกมาเป็นตัวเลขไม่ได้ บอกเลยว่าทำให้สำเร็จมันยากกว่า แต่ถ้าเรามีเป้าหมายชัดเจนว่าเท่าไหร่ เราจะสามารถทำให้มันสำเร็จได้ง่ายกว่าแบบที่ไม่มีเป้าหมายภาพที่ 2 โดย mohammed Hassan จาก Pixabay สิ่งที่ควรจะมีให้มากที่สุดถ้าเราอยากรวยก็คือ ทรัพย์สิน ไม่ใช่หนี้สิน บางคนอาจจะบอกว่า รู้อยู่แล้วไหม แต่แน่ใจเหรอครับว่ารู้อยู่แล้ว งั้นผมจะแชร์ให้ก็ได้ ทรัพย์สิน คือ สิ่งที่ทำให้เงินเข้ากระเป๋าของเรา กลับกัน หนี้สิน คือ สิ่งที่ทำให้เงินไหลออกไปจากกระเป๋าของเรา ถ้ายังไม่เห็นภาพลองดูตัวอย่างครับ นาย ก มีรถเป็นของตัวเอง มีภาระผ่อนอยู่เดือนละ 12,000 บาท โดยรถนี้นาย ก ใช้ส่วนตัว ไม่ได้ใช้รถขับไปทำงานหรืออย่างอื่นเลย กล่าวคือรถคันนี้ ทำให้นาย ก มีแต่ค่าใช้จ่าย กับอีกคน นาย ข มีรถเป็นของตัวเองเช่นเดียวกัน มีภาระผ่อน 12,000 บาทเท่ากัน แต่นาย ข ใช้รถนั้นหาเงินเข้ากระเป๋าได้(รับผู้โดยสาร รับจ้างขนส่งของ ฯลฯ) เดือนละ 15,000 บาท อ่านเท่านี้พอจะนึกออกได้ไหมครับว่า รถ สำหรับ นาย ก คือ หนี้สิน แต่สำหรับนาย ข คือทรัพย์สิน แม้จะเป็นสิ่งเดียวกัน แต่ถ้าทิศทางของเงินไหลเข้าออกไม่เหมือนกัน ก็สามารถเป็นได้ทั้งหนี้สินและทรัพย์สินได้เช่นเดียวกันภาพที่ 3 โดย Free-Photos จาก Pixabay เรื่องที่เราควรทำความเข้าใจอีกอย่างก็คือ รายได้ที่เราได้รับนั้น มีอยู่ 3 ทางด้วยกัน คือรายได้จากการทำงาน คือสิ่งที่เราต้องเอาตัวเองเอาไปแลกเพื่อให้ได้เงินมา ซึ่งมีทั้งงานหลักหรืองานประจำ และงานเสริมรายได้จากทรัพย์สิน คือ เงินที่เราได้จากทรัพย์สินที่เรามีอยู่ อาจจะเป็นค่าเช่าของต่างๆ ค่าเช่าบ้าน ค่าเช่ารถ หนังสือ ฯลฯ หรือธุรกิจส่วนตัวที่เราสร้างระบบที่มันสามารถไปต่อได้โดยที่ไม่มีเรา เหล่านี้ล้วนเป็นรายได้จากทรัพย์สินทั้งนั้นรายได้จากกำไรส่วนต่าง คือ รายได้ที่เราได้รับจากการขายของที่เรามีอยู่ในราคาที่สูงกว่าที่เราซื้อมาในตอนแรก เช่น นาฬิกาหรูบางรุ่น เวลาผ่านไป ราคาจะสูงขึ้น เมื่อเรานำมันไปขายจะทำให้เราได้กำไรส่วนต่างจากการขายครั้งนั้น ถามว่า เราควรมีรายได้จากทางไหน เพื่อที่เราจะได้รวย ตอบเลยละกัน คือมีให้หมดทุกทาง ตอนเรียนเราอาจจะเคยถูกสอนมาว่าให้เราเลือกข้อที่ถูกที่สุด แต่ในชีวิตจริงเราสามารถเลือกทั้งหมดได้ จนกระทั่งเมื่อเราจะเกษียณตัวเองนั้นแหละ คือจะหยุดทำงานแล้ว สังขารไม่ให้แล้ว ตอนนั้นเราจึงจะให้รายได้จากทรัพย์สินมาช่วยเรา สรุปก็คือ ตอนที่เรายังทำงาน ให้เรามีรายได้จากทุกทาง ขณะเดียวกันเราก็ควรโฟกัสที่สร้างทรัพย์สินเพื่อที่มันสามารถสร้างกระแสเงินสดให้เราได้ใช้ตอนเกษียณได้หาได้เท่าไหร่ ไม่สำคัญเท่าเหลือเท่าไหร่เงินออมก็สำคัญ เพราะการออมคือการจ่ายให้ตัวเอง ถ้าไม่มีเงินออมแล้วละก็ เหมือนกับว่าเรากำลังหาเงินให้คนอื่นใช้ แต่เราไม่ได้จ่ายให้กับตัวเองเลย ซึ่งตามหลักการของเงินออมจริงๆก็คือ 10% ของรายได้ แต่บางคนก็อาจจะเถียงขึ้นมาว่า จะกินยังไม่พอเลย จะให้เก็บออมยังไง ผมมีหลักง่ายๆอยากให้เราลองไปตกผลึกเองว่า ถ้าไม่สามารถออมได้ถึง 10% ก็แค่ออมเท่าที่คิดว่าไหว 2-3 % ก็ยังดีกว่าที่เราไม่มีเงินออมเลย มันจะช่วยเราเรื่องของจิตใจว่า เราเองก็มีเงินออมกับเขาเหมือนกัน ถึงจำนวนเงินจะไม่มาก แต่ที่เราได้มากกว่าจำนวนเงินนั้นก็คือ วินัยในการออม นั้นเองภาพที่ 4 โดย Steve Buissinne จาก Pixabay สุดท้ายแล้วหลังจากที่เราอ่านบทความนี้ เราอาจจะรู้สึกว่า ไม่เห็นจะทำให้เรารวยขึ้นมาเลย แต่เรื่องเกมส์การเงินเป็นเกมส์ระยะยาวครับ วันนี้คนบางคนอาจจะรวยอยู่แล้ว ส่วนตัวเราอาจจะยังไม่พอกินอยู่ แต่อย่าลืมน่ะครับ ว่าถึงวันนี้คุณอาจจะยังไม่รวย นั้นไม่ใช่สิ่งสำคัญ สิ่งที่สำคัญกว่าคือนิสัยของคุณในวันนี้นำพาคุณไปสู่ความร่ำรวยหรือไม่ เพราะแม้ว่าวันนี้คุณรวยอยู่แล้ว แต่ยังใช้จ่ายอย่างฟุ่มเฟือย ผลสุดท้ายที่ได้อาจจะพาไปสู่ผลลัพธ์ที่ตรงกันข้าม คือ ความยากจน ก็เป็นได้ ในทางตรงกันข้าม วันนี้คุณยังลำบากอยู่ แต่นิสัยของคุณในวันนี้นำพาคุณไปสู่ความร่ำรวย ผลลัพธ์สุดท้าย คุณก็จะเป็นคนรวยได้ ฉะนั้นอยากให้เราโฟกัสไปที่ปัจจุบันน่ะครับ ว่าทุกวันนี้เรายังมีนิสัยของเศรษฐีอยู่หรือไม่ ความรู็ทางการเงินของเรามากพอหรือยัง ถ้ายัง ให้รีบไปศึกษาเกี่ยวกับนิสัยของเศรษฐีทันทีเลย หนังสือที่ผมอยากแนะนำมากที่สุดคือ หนังสือชื่อ สมองเศรษฐี ของนักเขียนชื่อ ขุนเขา สินธุเสน เขจรบุตรภาพที่ 5 โดย ผู้เขียน ส่วนถ้าใครอยากเรียนรู้เกี่ยวกับความรู้ทางการเงินแบบฟรีๆละก็ผมแนะนำให้เข้าไปที่เว็บของตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยหรือกดลิงก์นี้ได้เลย ห้องเรียนนักลงทุน หรือจะเข้าไปอ่านรีวิวคอร์สการเงินออนไลน์ฟรีที่ผู้เขียนได้ลองไปเรียนที่เว็บของตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยกดที่ลิ้งค์นี้ได้เลย เรื่องเงินๆทองๆ รู้ไว้จะได้ไม่ลำบาก เป็นกำลังใจให้คนสู้ชีวิตทุกคนน่ะครับ อย่าลืมน่ะครับ เงินทองคนอื่นอาจจะขโมยจากเราไปได้ แต่ความรู้ใครก็ขโมยจากเราไปไม่ได้ ขอให้ทุกท่าน รวยทรัพย์ และรวยสุขกันถ้วนหน้าน่ะครับ เครดิตปก โดย Monoar Rahman Rony จาก Pixabay เปิดประสบการณ์ความบันเทิงที่หลากหลายสุดปัง บน App TrueID โหลดเลย ฟรี !