" ใช้คอมพิวเตอร์ช่วง 'หน้าร้อน' ต้องดูแลสิ่งใดเป็นพิเศษบ้าง วันนี้เรามีคำตอบ! " สำหรับท่านที่ใช้เครื่องคอมพิวเตอร์ ไม่ว่าจะเป็นพีซีตั้งโต๊ะ หรือโน้ตบุ๊ค ช่วงอากาศร้อนๆ แบบนี้ คงจะเคยเจอกับปัญหาคอมพ์แฮงก์ คือใช้งานเพลินๆ อยู่ดีๆ เครื่องก็ค้าง หรือหน้าจอดับไปเฉยๆ ซะงั้น! ทั้งพีซีและโน้ตบุ๊ค โดยเฉพาะโน้ตบุ๊คที่ใช้มานานหลายปี มักจะเจอกับปัญหานี้บ่อยมาก เคยสงสัยกันไหมว่าทำไมถึงเป็นเช่นนั้น? (เครดิตภาพ : https://pixabay.com/) สาเหตุหลักๆ ก็มาจากความร้อนนั่นเอง คอมพิวเตอร์ไม่ถูกกับความร้อน ยิ่งถ้าคุณใช้คอมพิวเตอร์ในห้องทำงานที่ไม่มีเครื่องปรับอากาศ มีแค่พัดลมช่วยปัดเป่าระบายความมร้อนเพียงอย่างเดียว เชื่อได้เลยว่า โอกาสที่เครื่องคอมพิวเตอร์ของคุณจะจอดับเอง หรือค้างไปเฉยๆ มีสูงมาก และเชื่อหรือไม่ว่า ทันทีคุณกดสวิตช์เปิดเครื่องคอมพิวเตอร์ 'ซีพียู' ภายในเครื่องจะมีอุณหภูมิพุ่งสูงขึ้น 40 - 48 องศาเซลเซียส ในเวลาไม่ถึง 1 นาที นี่ยังไม่ทันได้เริ่มเปิดโปรแกรมใดๆ ใช้งานเลยนะ! ซึ่งในระหว่างที่เราใช้งานโปรแกรมต่างๆ ทั้งดูหนัง ฟังเพลง เล่นเกมออนไลน์ บลา บลาๆ เครื่องคอมพิวเตอร์จะมีอุณหภูมิสูงขึ้นราว 55 - 62 องศาเซลเซียส เลยทีเดียว (อันนี้ ในกรณีที่ห้องทำงานหรือที่บ้านของคุณไม่มีเครื่องปรับอากาศนะครับ) เมื่อบวกกับอากาศที่ร้อนอบอ้าวของบ้านเรา ก็ยิ่งส่งผลให้คอมพิวเตอร์ทำงานหนักยิ่งขึ้น จนเมื่อถึงขีดสุดระบบก็จะต้ดการทำงานโดยสั่งปิดเครื่องเองอัตโนมัติ เพื่อป้องกันความเสียหายที่จะเกิดขึ้นกับอุปกรณ์ฮาร์ดแวร์นั่นเอง เห็นไหมครับว่า 'ความร้อน' มีผลโดยตรงกับเครื่องคอมพิวเตอร์ของเรา ลองนึกภาพดูในวันที่อากาศร้อนอบอ้าว และเราต้องหิ้วโน้ตบุ๊กไปทำงานนอกสถานที่ ซึ่งไม่ใช่ห้องแอร์เย็นๆ ซะด้วย เชื่อได้เลยว่าโน้ตบุ๊กตัวเก่งของคุณต้องมีอาการสะทกสะท้านต่อไอร้อนๆ อย่างแน่นอน ถ้าสะท้านมากหน่อยก็ถึงขึ้นจอดับกันไปเลย เพราะฉนั้น เมื่อเราทราบสาเหตุแล้วว่า คอมพิวเตอร์ไม่ถูกกับความร้อน เราก็ต้องดูแลเรื่องนี้เป็นพิเศษ ซึ่งวิธีการง่ายๆ มีดังนี้ เปิดช่องทางให้อากาศถ่ายเทสะดวก สำหรับคอมพิวเตอร์แบบตั้งโต๊ะ : วิธีง่ายๆ เลยก็คือ ทำความสะอาดครับ สำหรับเครื่องพีซีตั้งโต๊ะ ให้คุณเปิดฝาเคสทั้งสองข้างออกมา อย่าตกใจเมื่อภาพแรกที่คุณเห็นอาจเป็นซากจิ้งจกแห้งตาย พร้อมกับไข่ใบเล็กๆ ให้คุณดูต่างหน้า ถ้าหนักไปกว่านั้นก็อาจจะมีซากของแมลงสาบที่ไปเล่นซ่อนแอบอยู่ในพัดลมระบายความร้อน จนถูกใบพัดหั่นเป็นสองท่อน นี่คือตัวอย่างของเครื่องคอมพวิเตอร์ที่ไม่เคยทำความสะอาดเลย สำหรับวิธีทำความสะอาดแบบรวดเร็ว คุณอาจใช้เครื่องดุดฝุ่นมาช่วยก็ได้ แต่ถ้าไม่มีแนะนำให้ใช้แปรงทาสีที่มีขนแปรงนุ่มๆ ปัดทำความสะอาดฝุ่นที่เกาะอยู่ภายในเคสให้หมด โดยเฉพาะบริเวณพัดลมระบายอากาศภายในเครื่องทุกจุด ให้เราปัดฝุ่น ดูดฝุ่นออกให้หมด ไม่แนะนำให้ใช้ผ้าชุบน้ำมาเช็ดอุปกรณ์ภายในโดยเด็ดขาด และถ้าคุณสามารถถอดใส่อุปกรณ์ต่างๆ ได้ อย่าลืมถอดออกมาทำความสะอาดด้วยยิ่งดี (เครดิตภาพ : https://www.pcsteps.com/16112-safely-remove-the-dust-computer/) สำหรับคอมพิวเตอร์โน้ตบุ๊ค : วิธีเปิดฝาเครื่องโน้ตบุ๊ตเพื่อทำความสะอาดนั้นไม่ยากครับ ก่อนอื่นให้ปิดเครื่องก่อน แล้วจับมันนอนคว่ำ มองหาตำแหน่งน๊อตที่ยึดปิดฝาหลัง แล้วขันน๊อตออกให้หมด คุณจะเห็นพัดลมตัวเล็กๆ อยู่ด้านข้าง ซึ่งทำหน้าที่ระบายความร้อนออกไปภายนอก ถ้าคุณไม่เคยทำความสะอาดมันเลย ก็จะเห็นฝุ่นหนาเตอะเคลือบอยู่บนใบพัด เมื่อมองลอดช่องระบายความร้อนจากด้านนอกเข้าไปด้านใน ก็จะเห็นฝุ่นคล้ายหยากไย่ไปอุดตรงช่องทางระบายอากาศเอาไว้ ซึ่งเป็นเหตุผลที่ทำให้โน้ตบุ๊คของเราค้างหรือปิดเครื่องเองบ่อยๆ นั่นเอง บางคนนึกว่าโดนไวรัสเล่นงานแล้ว แต่จริงๆ 'ความร้อน' เป็นสาเหตุแรกๆ ที่ทำให้เครื่องคอมพิวเตอร์ทำงานสะดุด ค้างเติ่ง จนถึงขั้นสั่งปิดตัวเองครับ สำหรับท่านใดที่สามารถถอดชุดพัดลมระบายความร้อนของโน้ตบุ๊คออกได้ แนะนำให้ถอดออกมาทำความสะอาดข้างนอกจะสะดวกและสะอาดหมดจดกว่า แต่ถ้าไม่สามารถถอดเองได้ ก็ให้ใช้เครื่องดูดฝุ่นทำความสะอาดได้เช่นกันครับ (เครดิตภาพ : https://pixabay.com/) เห็นไหมครับว่าแค่หมั่นทำความสะอาดเครื่องคอมพิวเตอร์ของคุณบ่อยๆ เดือนละครั้ง หรือสองเดือนครั้ง เพียงเท่านี้ ปัญหาเครื่องค้าง เครื่องแฮงก์ หรือเครื่องหยุดทำงานจากความร้อนที่สูงขึ้น ก็จะไม่เกิดขึ้นอีก และยังช่วยยืดอายุการใช้งานให้กับเครื่องคอมพิวเตอร์ของคุณอีกด้วย : D