แกงไตปลา เป็นอาหารพื้นบ้านยอดนิยมของชาวปักษ์ใต้ จุดเด่นอยู่ตรงความจัดจ้านของเครื่องเทศไม่ว่าจะเป็นพริกขี้หนู พริกไทย หอมแดง กระเทียม ขมิ้น เกลือ และตะไคร้ เมื่อนำมาโขลกรวมกัน จะกลายเป็นเครื่องแกงกลิ่นหอม ซึ่งเป็นหัวใจหลักของเมนูนี้ และวันนี้ผู้เขียนจะมาสาธิตวิธีการทำเมนูสุดโปรดที่ชื่อว่า "แกงไตปลาหมูสับ" ให้เพื่อนๆ ผู้อ่านได้ชมกันนะคะ เผื่อวันไหนอยากทานขึ้นมา จะได้ลองทำไว้ทานกัน ซึ่งวิธีการทำก็ไม่ยากเลยค่ะ ก่อนอื่นเราไปดูส่วนประกอบกันก่อนนะคะว่ามีอะไรกันบ้าง ไตปลาดิบ ส่วนประกอบอย่างแรกซึ่งเป็นนางเอกของเมนูนี้ก็คือ "ไตปลาดิบ" ซึ่งผ่านกรรมวิธีในการหมักกับเกลือมาเรียบร้อยแล้ว อันนี้ไม่ยากค่ะ หาซื้อได้ตามท้องตลาดทั่วไป พริกแกง หรือที่คนใต้เรียกกันว่า "เครื่องแกง" วิธีทำก็ง่าย แค่นำพริกขี้หนู (จะเป็นพริกสด หรือพริกแห้งก็ได้) นำมาโขลก หรือปั่นรวมกันกับหอมแดง กระเทียม พริกไทย ตะไคร้ ขมิ้น และเกลือเล็กน้อย ก็จะออกมาหน้าตาตามภาพค่ะ หมูสับ ตรงนี้สำหรับคนที่ชอบเนื้อปลา หรือเนื้ออย่างอื่น สามารถเลือกใส่ได้ตามใจชอบค่ะ ฟักทอง หั่นเป็นชิ้นไม่ใหญ่มาก ใส่ปริมาณตามใจชอบได้เลยค่ะมะเขือพวง เพิ่มสารอาหาร และสีสัน อาจจะทุบพอแตกเพื่อเพิ่มความหอม ใบมะกรูด เพิ่มความหอมด้วยใบมะกรูด หลังจากได้วัตถุดิบครบเรียบร้อยแล้ว ก็ได้เวลานำส่วนผสมทั้งหมดลงหม้อ เดี๋ยวเรามาดูขั้นตอนการทำกันเลยดีกว่าค่ะ1. ผสมไตปลาดิบกับน้ำเปล่า ขั้นตอนแรกนำไตปลาดิบผสมกับน้ำเปล่า แล้วนำไปต้มจนสุก หลังจากนั้นให้กรองเอาส่วนของไส้ปลาทิ้ง ให้เหลือเฉพาะน้ำไตปลา 2. ใส่พริกแกง หลังจากนั้นให้นำน้ำไตปลาต้มสุกที่กรองแล้วไปตั้งไฟอีกครั้งพร้อมใส่พริกแกงลงไป แล้วคนให้เข้ากัน รอจนน้ำแกงเดือด จึงใส่หมูสับลงไป 3. ใส่เนื้อหมูสับ เมื่อน้ำแกงเดือด ให้ใส่เนื้อหมูสับลงไป พร้อมคนเล็กน้อย เพื่อให้เนื้อเข้ากันกับน้ำแกง4. ใส่ฟักทอง เมื่อเนื้อหมูสับเริ่มสุก ให้ใส่ฟักทองลงไป คนให้เข้ากัน และปรุงรสด้วยน้ำตาลเล็กน้อยเพื่อดับความเค็ม 5. ใส่มะเขือพวง หลังจากเนื้อหมูสับ และฟักทองสุกเรียบร้อยแล้ว ให้ใส่มะเขือพวงทุบพอแตก เพื่อเพิ่มความหอมให้กับน้ำแกง 6. ใส่ใบมะกรูด และปิดท้ายที่ขาดไม่ได้เลย คือใบมะกรูด เพราะนี่คือราชินีแห่งความหอมสำหรับอาหารรสจัดจ้านเช่นอาหารใต้ โดยเฉพาะ "แกงไตปลาหมูสับ" ถ้วยนี้ ยิ่งขาดไม่ได้เลย เป็นสูตรไม่ลับฉบับผู้เขียนโดยเฉพาะ หลังจากใส่ใบมะกรูดเรียบร้อยแล้วจึงยกลงจากเตา ตักใส่ถ้วยตกแต่งด้วยพริกขี้หนูสดหั่นบางๆ และโรยหน้าด้วยใบมะกรูดอีกครั้ง แค่นี้ก็เสร็จสรรพพร้อมเสิร์ฟได้แล้วค่ะและนี่ก็คือหน้าตาของ"แกงไตปลาหมูสับ" สูตรเฉพาะของผู้เขียน ซึ่งเป็นอาหารใต้จานโปรด ว่างเมื่อไหร่เป็นต้องทำทานเมื่อนั้น และจะบอกว่าเมนูนี้ไม่สงวนลิขสิทธิ์นะคะ เพื่อนๆ ผู้อ่านท่านไหนอยากทาน ว่างๆ ก็ลองเปิดสูตรนี้ไปทำทานกันดูนะคะ รับรองว่าไม่ผิดหวังแน่นอนค่ะ และสำหรับเมนูนี้ ถ้าจะให้อร่อยต้องทานคู่กับผักสดเยอะๆ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ผักที่มีกลิ่นแรงถูกใจคนใต้อย่างสะตอ ลูกเนียง แล้วละก็ รับรองว่าเข้ากันสุดๆ ยิ่งถ้าได้ไข่เจียวร้อนๆ เสิร์ฟพร้อมกับข้าวสวยหอมกรุ่นสักจาน สงสัยมื้อนี้ท่าทางคงจะลุกจากโต๊ะอาหารได้ยากเย็นนะคะ จริงๆ แล้วอาหารแต่ละอย่าง ก็มีเสน่ห์กันคนละแบบ โดยเฉพาะอาหารไทยไม่ว่าจะมาจากภาคไหน ล้วนมีเอกลักษณ์เฉพาะตัวที่แตกต่างกัน ทั้งหน้าตา ทั้งรสชาติ ทั้งส่วนประกอบ ขึ้นอยู่กับว่าเมนูไหน จะถูกปาก จะเป็นที่โปรดปรานของใคร ก็เป็นอภิสิทธิ์ของบุคคลผู้นั้นที่จะเลือกรับประทานตามความชอบ ตามรสนิยมของตนเอง แต่ท้ายที่สุดแล้ว ไม่ว่าเราจะเพลินเพลิน หรือดื่มด่ำกับเมนูไหน ก็ต้องไม่ลืมที่จะรักษาสมดุล โดยการทานแต่พอดี และทานให้ครบ 5 หมู่ เพื่อจะได้รักษาร่างกายนี้ให้แข็งแรง และอยู่กับเราไปนานๆ นะคะ __________________________________ เครดิต : ภาพปกและภาพถ่ายทุกภาพโดยผู้เขียน