สวัสดีค่ะ สี่ตาเป็นสมาชิกใหม่ ช่วงนี้พวกเราคงไม่ได้เดินทางกันมากนัก วันนี้สี่ตาเลยมาพาเที่ยวด้วยกันค่ะ สถานที่ที่สี่ตาจะพาไปในวันนี้ก็คือประเทศที่กำลังมีการจัดการแข่งขันกีฬา Olympic โดยมีนักกีฬาหญิงไทยของเราคว้าเหรียญทองมาให้ชาวไทยยิ้มได้หมาดๆ ซึ่งก็คือ "ประเทศญี่ปุ่น" นั่นเองค่ะ ประเทศญี่ปุ่นเป็นประเทศที่น่าสนใจ ตอนสี่ตาไปญี่ปุ่นครั้งแรกนั้น ใจมันสั่นจริงๆ ทั้งกังวล ทั้งตื่นเต้น ที่กังวลก็เรื่องภาษาค่ะ คิดเยอะไปหมด กลัวหลงทาง กลัวขึ้นรถผิด เพราะสี่ตา ไม่รู้ภาษาบ้านเขา แถมชาวญี่ปุ่นก็ไม่ค่อยพูดภาษาอังกฤษกันด้วย สี่ตามีโอกาสได้ไปเยือนหลายๆ เมื่องในญี่ปุ่น เมื่องแรกของญี่ปุ่นที่สีตาไปส่องมาก็คือ "โตเกียว" ค่ะ การเดินทางไปโตเกียวครั้งแรกของสี่ตานั้นเป็นการเดินทางโดยสายการบินแห่งชาติญี่ปุ่น JAL เป็นการเดินทางในช่วงใกล้หน้าหนาว เมื่อหลายปีมาแล้ว ต้องบอกว่าเพียงแค่อยู่บนเครื่องก็ประทับใจในงานบริการซะแล้ว สี่ตาเลยจินตนาการเลยเถิดไปเลยค่ะว่าเมื่อไปแตะประเทศญี่ปุ่นจริงๆ คงได้รับการบริการต่างๆอย่างดีเยี่ยมอีกมากมาย สี่ตาประทับการให้บริการอย่างเต็มที่ของพนักงานต่อผู้โดยสารทุกคนจากแหล่งต่างๆที่ร่วมลงเครื่องลำเดียวกัน ประกอบกับหน้าตาที่ยิ้มแย้มแจ่มใสและใส่ใจในการดูแลผู้โดยสาร สี่ตาใช้บริการ JAL มานานพอสมควร ตั้งแค่เครื่องรุ่นแรกจนมาถึง JAL Boeing 787 Dreamliner ที่สี่ตางงงวยกับระบบหน้าต่าง หาที่ปิดหน้าต่างไม่เจอ นั่งเอาหนังสือบังแดดตั้งนาน ทั้งๆ ที่ตัวเครื่องมีเทคโนโลยี เพียงแค่กดปุ่ม หน้าต่างก็เปลี่ยนสี ช่วยกรองแสงแดดที่แผดใส่หน้า แต่ยังคงรักษาวิวทิวทัศน์ให้สี่ตาได้ส่องผ่านทะลุหน้าต่างไป เครื่องของ JAL มีที่กว้างขวางสะดวกสบาย ทำให้รู้สึกเพลิดเพลินในการเดินทางมากยิ่งขึ้น ของขบเคี้ยวอร่อย อาหารอร่อย เบียร์ญี่ปุ่นก็อร่อย นอกจากอิ่มใจแล้วยังอิ่มท้องตามมา เป้าหมายของสี่ตาคือบินตรงไปยังสนามบินนาริตะ เพื่อไปเที่ยวโตเกียวสักสองสามวัน มาถึงสนามบินนาริตะประมาณ 6 โมงเย็น จากที่กังวลเรื่องการสื่อสาร ปรากฎว่าคนญี่ปุ่นที่สนามบินพูดภาษาอังกฤษกันเก่งมาก จนสี่ตาอดชมเชยอยู่ในใจไม่ได้ ต่างจากความคิดก่อนมาที่ทำให้กังวลในใจอยู่มากมาย กับเสียงลือเสียงเล่าอ้างที่ว่าคนญี่ปุ่นมีความเป็นชาตินิยมมากเกินไป จนไม่ใส่ใจภาษาอังกฤษ แต่สิ่งที่ได้สัมผัสจริงคือ คนในวัยทำงานที่ญี่ปุ่นพูดภาษาอังกฤษกันได้ดีทีเดียว สี่ตากับคู่หูร่วมเดินทางเสียเวลารอตรวจคนเข้าเมืองร่วมสองชั่วโมง เนื่องจากมีพนักงานจุดตรวจคนเข้าเมืองเพียงสองคนสำหรับต่างชาติ สงสัยวันนั้นมีการคาดการณ์จำนวนผู้เดินทางผิด เห็นกลุ่มนักท่องเที่ยวจากเมืองจีนล้นหลามจนเสียงดังอื้ออึง เจ้าหน้าที่ตรวจคนเข้าเมืองก็มีหน้าตาเคร่งเครียดไม่สบอารมณ์ เมื่อถึงคิวสี่ตาส่งเสียงทักทายพร้อมแจกยิ้มจากสยามกว้างๆไปหนึ่งที เจ้าหน้าที่ไม่ยิ้มตอบ มองหน้าสี่ตากับรูปในวีซ่าซึ่งหน้าไม่ค่อยจะเหมือนกัน โชคดีที่ทางสถานทูตญี่ปุ่นออกวีซ่าแบบติดสแกนรูปถ่ายไม่เกินหกเดือนติดวีซ่าไว้ด้วย ไม่เช่นนั้นสี่ตาอาจจะถูกส่งไปหาเจ้าเครื่องเช็คหนังสือเดินทางอีก คู่หูของสี่ตาเดินยื่นเอกสารไปก่อนล่วงหน้า เจ้าหน้าที่ตรวจคนเข้าเมืองถามสี่ตาว่า "Um..You stay at the same place with him, do you know him?" เจ้าหน้าพูดพลางชี้มือตามหลังไปยังคู่หูของสี่ตา สี่ตายิ้มตอบบอกเจ้าหน้าที่ไปว่า “Yes, I know him very well. He is my man” หลังจากตอบคำถามเจ้าหน้าที่ตรวจคนเข้าเมืองไป ปรากฏว่าแกระเบิดเสียงหัวเราะดังมากจนสี่ตาตกใจ คนอะไรขำหนักปานนั้น คนที่รอต่อหลังก็มึนงงไปด้วย เพราะจากหน้าตาขึงขังอยู่เปลี่ยนมาเป็นหนุ่มใหญ่ฮาเฮซะได้ สี่ตากับคู่หูไปรับกระเป๋าที่สายพานซึ่งมันคงวิ่งวนเวียนอยู่นานมาก เนื่องจากไปถึงแล้วกระเป๋าถูกยกลงจากสายพานเรียบร้อย ตั้งรอเป็นกลุ่มให้ไปเลือกหยิบ เนื่องจากรอตรวจเข้าเมืองนานมากเกือบ 2 ชั่วโมง เจ้าหน้าที่สายพานคงต้องเคลียร์สายพานให้เที่ยวบินต่อไป มาถึงเราก็มาเจอเทคโนโลยีรถไร้คนขับ (driver-less automatic train operation) ซึ่งสี่ตากระดี๊กระด๊ามาก เนื่องจากไม่เคยเห็นมาก่อน รถนี้บริการฟรีจากสนามบินไปยังสถานีรถไฟหลักเพื่อที่จะได้เดินทางต่อไป เราจองที่พักไว้ที่ Toyoko Inn ซึ่งตัวโรงแรมมีสาขามากมาย โดยสาขาที่เราไปพักคือ Asakusa Komagata การเดินทางไม่ต้องกังวลมากเพราะมีเพื่อนเป็นสองหนุ่มใหญ่ผู้เชี่ยวชาญอาศัยอยู่ในญี่ปุ่น มาร่วมหัวจมท้ายพาสี่ตากับคู่หูไปเที่ยว จากสนามบินสู่ที่พักโดยรถไฟ เข้าที่พักกันเสร็จ สี่ตากับสามหนุ่มก็ชีพจรลงเท้าออกเดินทางไปยัง Roppongi Hills ย่านนี้เป็นที่รู้กันว่าเป็นย่านคนรวย ทุกอย่างราคาแพงไปหมด นอกจากนี้ยังเป็นแหล่งท่องเที่ยวยามค่ำคืนสำหรับคนชอบเที่ยวกลางคืน night club และผับมากมายให้เลือกเข้า หากมาเดินย่านนี้ก็จะเห็นฝรั่งผมทอง หรือฝรั่งผิวดำ เดินไปมากันเยอะแยะ แต่สิ่งหนึ่งที่น่ากลัวจากคำบอกเล่าของเพื่อนชาวญี่ปุ่น คือ ย่านนี้ถูกจัดเป็นย่านสีเทา ของโตเกียว โดยแก๊งต่างๆทั้งจากต่างชาติและชาวญี่ปุ่นเอง ซึ่ง Yakuza ก็เป็นหนึ่งแก๊งที่หลายๆคนคุ้นหูกันดี สี่ตากับสามหนุ่มเดินกันไปเรื่อย พบเห็นวัยรุ่นออกมายืนเรียกลูกค้าเพื่อเข้าไปในผับ พวกเราเดินเลือกสถานที่ที่ไม่แพงมากแต่ได้บรรยากาศและบริการดีหน่อย หน้าผับจะมีการ์ดผิวดำตัวโตๆ ยืนตรวจเช็คร่างกายว่าพกอาวุธที่จะก่อการวิวาทหรือไม่ กระเป๋าทุกอย่างต้องเก็บเข้าล็อคเกอร์ทั้งหมดซึ่งต้องเสียค่าตู้ด้วย เรียกว่าเป็นวิธีการหารายได้เข้ากระเป๋าและควบคุมความปลอดภัยอีกวิธีหนึ่ง หลังจากนั้นเราทั้งห้าพร้อมกระเป๋าสตางค์ก็เดินผ่านเข้าโลกแห่งความืดที่มี แสง สี เสียง แวบเข้ามาเป็นระยะระยะ เมื่อก้าวเข้าผับครั้งแรก ก็ตื่นเต้นเพราะไม่เคยไปสถานที่แบบนี้มาก่อนในที่ไหนๆ มาครั้งแรกก็ญี่ปุ่นนี่เลย ตื่นตาตื่นใจกับบรรยากาศมืดทะมึน คนพลุกพล่าน มีไฟหลากสีส่องมาแทงตาเป็นพักๆ สาวๆญี่ปุ่นแต่งตัวกันน่ารักด้วยทรงผมแปลกๆแต่ดูเก๋ไก๋ ชุดเสื้อผ้าที่ใส่ราวกับหลุดออกมาจากนิตยสารแฟชั่น มีแต่สี่ตาที่ดูเชยสุดสุดในคืนนั้นแต่โชคดีที่ความืดในผับช่วยพรางความเชยเอาไว้ได้ คนอื่นคงมองไม่เห็นว่าสี่ตานั้นแต่งกายมิดชิดเพียงใด หลังจากสามหนุ่มเดินเบิ่งตาชมสาวๆในความมืดจนเป็นที่พึงพอใจไร้การชายตามองมาที่สี่ตาที่ร่วมเดินทางไปด้วย สี่ตาและสามหนุ่มก็มีโอกาสได้นั่งสักที ภายในคลับมีบริการจัดทรงผมเป็นรูปทรงต่างๆฟรี ท่านพี่หนุ่มสูงวัยใหญ่ที่สุด พยายามยุสี่ตาให้ไปทำผม แต่ด้วยความกล้าๆ กลัวๆ เกิดทำเสร็จออกมาแล้วสามหนุ่มมาแย่งกันดูแลสี่ตาก็คงจะเป็นปัญหาอีก เลยตัดสินใจไม่ทำดีกว่า อิอิ พวกเรามีสิทธิ์ได้เครื่องดื่มฟรีคนละ 2 แก้ว แต่กว่าจะได้เครื่องดื่มมาได้ก็เหนื่อยหน่อยเพราะต้องเดินฝ่าฝูงชนไปยังหน้า counter ของบาร์ ไปถึงที่แล้วต่อคิวกันยาวเหยีดเบียดกันไปเบียดกันมา ในผับที่สี่ตาไปนั้นจะแน่นเพียงใด คนจะเยอะเพียงไหน คิวก็ยังคงเป็นคิวอยู่เรียกว่า เป็นการเบียดอัดบนความเคารพซึ่งกันและกัน และไม่มีการวางมวย ตอนสั่งเครื่องดื่มต้องใช้ความพยายามพิเศษเปล่งเสียงออกมาให้ดังกว่าปกติ ไม่เช่นนั้นคนจ่ายเครื่องดื่มจะไม่ได้ยิน เพราะมันดังจริงๆค่ะ ดีเจกำลังเปิดเพลงกระตุ้นเท้านักเต้นอย่างแรง แต่ละคนหลากหลายรูปแบบ ทำท่ายึกยือไปมากันบนลานเต้นอย่างเมามัน จุดรับเครื่องดื่มเป็นจุดที่แออัดที่สุดในคลับ ช่วงที่เดินไปรับเครื่องดื่มเป็นจุดที่สาวๆต้องระวังเพราะจะถูกแต๊ะอั๋งได้ง่ายที่สุด จากพวกชอบสัมผัสทั้งหลาย เพราะมันมืดแสนมืดไม่รู้ว่าใครเป็นใคร คนอีกกลุ่มที่เข้ามาใช้บริการสถานที่แบบนี้คือไม่ใช่มีแต่วัยรุ่น นักธุรกิจใหญ่ ที่สี่ตาส่องดูหน้าพวกเขายามแสงไฟส่อง สี่ตามั่นใจว่าวัยสี่สิบขึ้นไปแน่นอน มากันในชุดสูทมีการ์ดคนดำร่างตัวโตโตแหวกทางมาให้ท่านเสี่ยเหล่านั้นไม่ให้ระคายเคืองจากคนรอบข้าง บรรยากาศเหมือนในหนังตอนมาเฟียออกฉาก ไม่รู้ว่าเสี่ยๆสูงวัยเหล่านั้นถอดสูทออกไปลานเต้นกันด้วยหรือเปล่า สี่ตานั่งสำรวจบรรยากาศภายในคลับไปเรื่อยๆตามประสาคนไม่เคยมาสถานที่แบบนี่ ภาพสาวญี่ปุ่นที่ดูน่ารักอ่อนหวาน กริยามารายาทนุ่มนวล โค้งแล้วโค้งอีก เมื่อมาอยู่ในคลับนี้ ทำให้สี่ตาได้เห็นโลกต่างมิติอีกมุมของสาวญี่ปุ่นบางกลุ่ม สาวๆจะมากันเป็นคู่กับหนุ่มข้างกาย บ้างมาเป็นกลุ่ม และจำนวนไม่น้อยมากับชาวต่างชาติ พวกเรานั่งกันอยู่ถึงตีสามจึงออกจากผับ เรียกแท็กซี่กลับโรงแรม สำหรับแท็กซี่ไม่จำเป็นอย่านั่งเชียวค่ะ ราคามิเตอร์แพงสุดๆ ถึงโรงแรมก็กระโดดขึ้นเตียงเลย เพลียสุดๆ กับคืนแรกในญี่ปุ่น หมายเหตุสำคัญ: รูปภาพทั้งหมดตั้แต่ปกยันเนื้อหา เป็นรุปภาพของ "สี่ตาพาอ่าน" ผู้เขียนเรื่องราว ทั้งหมดเลยเลยค่ะ หวังว่าคงได้เห็นภาพการเดินทางไปพร้อมพร้อมๆกับสี่ตานะคะ เดี๋ยวมีเวลา สี่ตามาพาเที่ยวต่อค่ะ :) 🌟อ่านจบแล้วเข้าไปพูดคุยในคอมมูนิตี้ที่นำเทรนด์ที่สุดในปีนี้ที่ TrueID Community 🪄✨ เปิดประสบการณ์ความบันเทิงที่หลากหลายสุดปัง บน App TrueID โหลดเลย ฟรี !